เปรียบเทียบ Nokia Lumia 1520 กับ Nokia Lumia 1020
สำหรับหนุ่ม สาว ยุคนี้ เรียกได้ว่า แทบไม่มีใครไม่รู้จัก Nokia ค่ายมือถือที่เคยยิ่งใหญ่ โด่งดังในยุคที่มือถือกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา และ Nokia ก็มีบทบาทในวงการมือถือมาตลอด จนกระทั่งไม่นานนี้ หลายคนก็คงได้ยินข่าวที่ว่า Nokia นั้นได้ขายกิจการให้กับ Microsoft ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าใครเป็นแฟน Nokia มาตั้งแต่สมัยรุ่นมือถือบุกเบิกจอขาวดำ ก็อาจจะเศร้าๆที่จะไม่ได้ยินชื่อ Nokia อีก ในอีก 1 ปีข้างหน้าเนื่องจากหมดอายุสัญญาที่ Microsoft จะสามารถใช้ชื่อ Nokia ได้ แต่อย่างไรก็ตาม สัญญาการซื้อขายนี้มีอายุ 10 ปี ก็ไม่แน่อีกว่า เราอาจจะเห็น Nokia กลับมาทำกิจการมือถือต่อ หรือไม่ Microsoft ก็ต่อสัญญาอีก นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตต่อไป
วันนี้ก็เลยจับเอามือถือระดับท็อปของ Nokia มาเปรียบเทียบมือถือตัวสุดท้ายของ Nokia ก่อนจะมีการประกาศซื้อกิจการ Nokia จาก Microsoft เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 กันซักหน่อย มือถือระดับท็อปที่ว่า ก็ยังคงเป็น Nokia Lumia 1520 ที่เปิดตัวไปเมื่อตุลาคม ปีที่แล้ว และเริมวางจำหน่ายตอนธันวาคม ก็ถือว่าไม่นานมานี้เอง และตอนที่เปิดตัวก็ถือว่าเป็นมือถือสเปคเทพสุดๆในตอนนั้นเลย แถมมีหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6 นิ้ว ถือว่าใหญ่มาก ถ้าคนมือเล็กๆถือล่ะก็ อาจจะต้องใช้สองมือเลยก็เป็นได้ งานนี้อาจจะเหมาะสำหรับคนมือใหญ่ หรือคนที่ชอบจอใหญ่ๆ เอาไว้ดูหนังก็ดูได้สะใจดี แถมวิดิโอก็ยังมีความคมชัดแบบ HD แถม Nokia Lumia 1520 เนี่ย ยังได้ชื่อว่าเป็นมือถือที่ใช้เล่นเกมได้ดีที่สุด อีกด้วย (มือถือที่เล่นเกมได้ดีที่สุดแห่งยุค ต้องยกให้ Nokia Lumia 1520)
มาดูที่ Nokia Lumia 1020 กันบ้าง มือถือตัวสุดท้ายของค่าย Nokia ก่อนจะมีการประกาศการซื้อขายระหว่าง Nokia และ Microsoft ซึ่งถือว่าเป็นมือถือติดกล้องระดับเทพที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยเทคโนโลยีแบบ PureView ความละเอียดกล้องถึง 41 ล้าน! เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูป ถ่ายภาพวิว ทิวทัศน์ เพราะภาพที่ออกมาสวยไม่แพ้มือออาชีพถ่ายเลยทีเดียว เป็นการจับมือถือระดับเทพของ Nokia มาประชันกันอย่างดุเดือด เราลองมาดูกันซิว่า ใครจะเทพในเรื่องไหนมากกว่ากัน
Design
Nokia Lumia 1520
Nokia Lumia 1020
Spec
Features | Nokia Lumia 1520 | Nokia Lumia 1020 |
ราคา : | 19,890 บาท (ณ วันที่ 12 พ.ค. 57) | 19,900 บาท (ณ วันที่ 12 พ.ค. 57) |
ระบบปฏิบัติการ : | Windows Phone 8 | Windows Phone 8 |
หน้าจอ : | 6 นิ้ว IPS-LCD 16 ล้านสี | 4.5 นิ้ว AMOLED 16 ล้านสี |
ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล | ความละเอียด 768 x 1280 พิกเซล | |
CPU : | Qualcomm Snapdragon 800 Quad Core ความเร็ว 2.2 GHz | Qualcomm Snapdragon S4 Dual Core ความเร็ว 1.5 GHz |
RAM : | 2 GB | 2 GB |
ความจำตัวเครื่อง : | 32 GB เพิ่ม microSD สูงสุด 64 GB | 32 GB |
กล้องหน้า : | 1.2 ล้านพิกเซล | 1.2 ล้านพิกเซล |
Video Call | Video Call | |
กล้องหลัง : | 20 ล้านพิกเซล | 41 ล้านพิกเซล |
Dual LED Flash | Xenon Flash | |
ซูมดิจิตอล 2 เท่า | ซูมดิจิตอล 3 เท่า | |
ขนาดภาพสูงสุด 4992 x 3744 พิกเซล | ขนาดภาพสูงสุด 5360 x 7136 พิกเซล | |
– สมดุลแสงสีขาว Automatic, Sunny, Cloudy, Incandescent, Fluorescent – โหมดฉาก อัตโนมัติ, Close – up, กีฬา, ภาพบุคคลในเวลากลางคืน, เวลากลางคืน – ค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ Face Detection – ระบบป้องกันภาพสั่นไหว Shake Reduction – ตั้งเวลาถ่ายภาพอัตโนมัติ Self-Timer |
– สมดุลแสงสีขาว(Automatic, Sunny, Cloudy, Incandescent, Fluorescent) – โหมดฉาก (อัตโนมัติ, Close – up, กีฬา, ภาพบุคคลในเวลากลางคืน, เวลากลางคืน) – ระบบป้องกันภาพสั่นไหว Shake Reduction – Pureview |
|
Video : | ความละเอียด HD 1080 x 1920 พิกเซล ซูมดิจิตอล 3 เท่า |
ความละเอียด HD 1080 x 1920 พิกเซล |
รูปแบบไฟล์ : MPEG-4, 3GP, WMV, AVI, MOV | รูปแบบไฟล์วีดีโอ : MPEG-4 | |
Battery : | 3,400 mAh | 2,000 mAh |
ขนาด : | 162.8 × 85.4 × 8.7 มม. | 130.4 × 71.4 × 10.4 มม. |
น้ำหนัก : | 209 กรัม | 158 กรัม |
รองรับซิม : | Nano-SIM | Micro-SIM |
ระบบกันน้ำ : | ไม่มี | ไม่มี |
ระบบเครือข่าย : | 2G: EDGE/GPRS | – 2G: EDGE 236 Kbps, GPRS |
3G: HSDPA 42.2 Mbps, HSUPA 5.76 Mbps | – 3G: HSDPA 42.2 Mbps, HSUPA 5.76 Mbps | |
4G: LTE DL 150 Mbps, LTE UL 50 Mbps | – 4G: LTE DL 100 Mbps, LTE UL 50 Mbps | |
Wifi 802.11b/g/n/a | – WiFi 802.11b/g/n/a | |
ระบบเชื่อมต่อ : | Bluetooth 4.0 | Bluetooth 3.0 |
Micro USB 2.0 | Micro USB 2.0 | |
รองรับ NFC | รองรับ NFC | |
รองรับถ่ายโอนข้อมูลผ่าน ActiveSync | รองรับถ่ายโอนข้อมูลผ่าน ActiveSync | |
ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร | ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร | |
GPS : | GPS (Here Drive, Here Maps) | GPS (Here Drive, Here Maps) |
GLONASS | GLONASS | |
Sensor : | เซ็นเซอร์วัดระดับแสงโดยรอบ(Ambient light) | เซ็นเซอร์วัดระดับแสงโดยรอบ (Accelerometer) |
ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Accelerometer) | เซ็นเซอร์วัดระยะห่าง | |
ระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity) | บาโรมิเตอร์ | |
มาตรวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก(Geomagnetic) | มาตรวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก(Geomagnetic) | |
ระบบเซนเซอร์หมุนภาพ (Gyroscope) | ระบบเซนเซอร์หมุนภาพ (Gyroscope) | |
สี : | ดำ / ขาว / เเดง / เหลือง | ดำ / ขาว / เหลือง |
Black / White / Red / Yellow | Black / White ? Yellow |
สรุป
ค่อนข้างเห็นถึงความแตกต่างได้ชัดเจนเลยทีเดียวในมือถือระดับเทพ 2 รุ่นนี้ของ Nokia เทพทั้งคู่! แค่คนละด้านการใช้งานเท่านั้นเอง ทีนี้ถ้าจะเปรียบเทียบล่ะก็ คงจะเห็นชัดว่า ใครเทพกว่าใคร ในเรื่องไหน เราไปดูกันเลย
– ในเรื่องของราคา ถือว่าแทบจะไม่แตกต่าง แถมยังเป็นราคาที่ตกลงมาทั้งคู่จากวันที่เปิดตัวอีกด้วย ซึ่ง Lumia 1020 ในราคาเปิดตัวเมื่อตอนเดือน ก.ค. 56 นั้นอยู่ที่ 24,990 บาท ถือว่าค่อนข้างแพงเลยทีเดียว ในขณะที่ Lumia 1520 เปิดตัวเมื่อ ต.ค. 56 ด้วยราคา 22,900 บาท ถูกกว่าไปถึง 2,000 บาท แต่ตอนนี้พอราคาตกลงมาแล้ว ต่างกันเพียงแค่ 10 บาท!!!
– หน้าจอของ Lumia 1520 ถือว่าใหญ่มากที่ 6 นิ้ว เป็น แฟบเล็ต ดีๆนี่เอง ซึ่ง Lumia 1020 ไม่ได้เน้นหน้าจอใหญ่ ขนาดพอๆกับ Lumia รุ่นอื่นๆที่ 4.5 นิ้ว
– ความเร็ว CPU ของ Lumia 1520 เร็วกว่าที่ 2.2 GHz ในขณะที่ 1020 อยู่ที่ 1.5 GHz ช้ากว่า แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร สำหรับมือถือระดับท็อปในตอนนี้
– ROM เท่ากันที่ 32 GB แต่ของ Lumia 1520 จะสามารถเพิ่ม Micro-SD ได้ถึง 64 GB
– มาถึงไฮไลท์ของ Lumia 1020 ก็ตรงเรื่องกล้องนี่แหละ เขาผลิต Lumia 1020 ออกมาเพื่อใช้งานกล้องระดับเทพโดยเฉพาะเลย ดูความละเอียดซะก่อน 41 ล้านพิกเซล! ขนาดภาพใหญ่เวอร์ที่ 5360 x 7136 พิกเซล ใช้งานได้จริง ไม่ใช่ตัวเลขหลอกๆ (เดี๋ยวด้านท้ายเราจะมีตัวอย่างรูปให้ดูด้วย) เอาไว้สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูป และไม่อยากจะพกกล้องเยอะแยะ ก็จัด Lumia 1020 ซักเครื่องก็เพียงพอแล้ว และยิ่งถ้าเป็นมืออาชีพมาใช้งานเองละก็ ก็ยิ่งช่วยเสริมความเทพเข้าไปใหญ่ แล้วแถมยังเป็น flash แบบ Xenon แบบเดียวกับที่ใช้ในไฟรถยนต์อีกด้วย สว่างจ้าตระการตา โอ้โห อะไรจะขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริง มาดูที่ Lumia 1520 สิ กล้อง 20 ล้านพิกเซล นี่ก็ไม่ใช่ธรรมดานะ เป็นอันดับ 2 รองจาก Lumia 1020 นี่แหละ แต่ถ้าพูดถึง ราคาขนาดนี้ ถ้าได้กล้องระดับนี้ก็โอเคอยู่นะ!
– ขนาดเครื่อง Lumia 1020 เล็กกว่า แบตเตอรี่จะน้อยกว่าก็ถือว่าปกติ แต่ว่า ค่อนข้างน้อยทีเดียว
– ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า ของ Lumia 1520 ทำให้หนักถึง 2 กรัม ถ้าเอามาโทรศัพท์ถือนานๆ อาจจะเมื่อยได้นะ ถือว่าฝึกความแข็งแรงไป
– ในส่วนของ Sim Lumia 1520 นั้นทำเป็นแบบ Nano-Sim ไม่สามารถถอดได้ จะเปลี่ยนเบอร์ก็อาจจะยุ่งยากนิดนึง อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน
อ้ะ! หมดแล้ว ด้วยความที่เป็น Window Phone เหมือนกัน ก็เลยมีข้อแตกต่างไม่มากนัก แต่ที่เด่นชัดที่สุด ก็เป็นเรื่องของกล้องนี่แหละ ถ้ามองทาง Lumia 1520 จะได้สเปคเครื่องระดับเทพอย่าง CPU Snapdragon 800 Quad Core ความเร็ว 2.2 GHz ซึ่งค่อนข้างเหนือกว่า Lumia 1020 อย่างเห็นได้ชัด แต่ RAM กับ ROM ก็เท่ากัน ทางฝั่ง Lumia 1020 จะไปเน้นกล้องระดับเทพถึง 41 ล้านพิกเซล รุ่นเดียวของ Nokia ที่ให้ความละเอียดกล้องขนาดนี้ ว่าแล้วเราลองมาดูความแตกต่างภาพถ่ายของสองรุ่นนี้กันเลยดีกว่า
Lumia 1520 | Lumia 1020 |
ขอบคุณภาพถ่าย Lumia 1020 จาก nationalgeographic /และ 1520
เป็นไงบ้าง ดูเผินๆแล้วก็แทบจะแยกไม่ออกเลยว่า อันไหนเทพกว่ากัน แต่ถ้าเป็น Lumia 1020 ที่เน้นไปด้านกล้องมากกว่า ก็จะเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีกว่า สรุปเอาง่ายๆเลย ใครอยากได้มือถือติดกล้องระดับเทพล่ะก็ เลือก Nokia Lumia 1020 เล้ย แต่ถ้าเน้นการใช้งานทั่วไป ก็ต้องยกให้ Nokia Lumia 1520 ตามเสต็ปเลยจ้า
สามารถตามไปดูรายละเอียดเชิงลึกของ 2 รุ่นนี้ ได้ที่
Leave a Reply