เจาะไลฟ์สไตล์มนุษย์เงินเดือนยุคใหม่ พร้อมลุยงานได้ทุกที่ แค่มีแท็บเล็ตดี ๆ คู่กาย

เจาะไลฟ์สไตล์มนุษย์เงินเดือนยุคใหม่ พร้อมลุยงานได้ทุกที่ แค่มีแท็บเล็ตดี ๆ คู่กาย

เมื่อพูดถึงอุปกรณ์สำหรับใช้เพื่อการทำงาน คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค สมุดจด ปากกา โต๊ะเก้าอี้ดี ๆ ฯลฯ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนยุคใหม่ตัวจริงเสียงจริง

“แท็บเล็ต” ยังเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สามารถช่วยให้การเคลียร์งานเป็นไปได้อย่างราบรื่นจนกลายเป็นของสำคัญของหลาย ๆ คนที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว เพราะนอกจากขนาดย่อมเยาพอดีมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานพกพาได้ง่าย ๆ ในด้านของสเปกเครื่อง ฟีเจอร์การใช้งาน

รวมไปถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนแท็บเล็ตก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนครอบคลุมการใช้ทำงานได้เกือบทุกรูปแบบ ทำให้ตอนนี้ แท็บเล็ตกลายเป็นเสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองบนโต๊ะทำงานของหลาย ๆ คน และบ่อยครั้ง ยังเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหลักเวลาพนักงานออฟฟิศอย่างเราต้องออกไปทำงานนอกสถานที่อีกด้วย

สิ่งสำคัญสำหรับการเลือกแท็บเล็ตเพื่อใช้ในการทำงาน นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ต้องดูทันสมัยและเสริมลุคความเป็น Professional ให้กับผู้ใช้งานแล้ว แท็บเล็ตเครื่องนั้น ๆ ควรมีฟีเจอร์ที่รองรับการใช้ทำงานทั้งในและนอกออฟฟิศได้อย่างครบถ้วน

รวมทั้งต้องช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยบทความนี้ได้รวบรวมฟีเจอร์สำคัญบนแท็บเล็ตสุดคุ้ม HUAWEI MatePad รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มนุษย์เงินเดือนเจนใหม่อย่างเราไม่ควรมองข้าม หากต้องการแท็บเล็ตสักเครื่องไว้เป็นอุปกรณ์ไอทีคู่ใจในการทำงาน

จอต้องใหญ่ ไมค์ต้องดี พร้อมประชุมออนไลน์ได้ทุกที่ ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด

ปัจจุบันพนักงานออฟฟิศอย่างเรามักจะต้องออกไปลุยงานนอกสถานที่ หรือต้องทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ แท็บเล็ตจึงเป็นอุปกรณ์ไอทีสารพัดประโยชน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การทำงานในยุค New normal นี้สุด ๆ

โดยเฉพาะการใช้ประชุมงานทางไกลกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานจากนอกสถานที่ เพราะแท็บเล็ตส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับกล้องและลำโพงในตัวเอง อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ทุก Teleconference มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้แท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอใหญ่มากกว่า 10 นิ้วขึ้นไป

และมีความละเอียดหน้าจอระดับ Full HD (1920×1080) ขึ้นไป เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด ส่วนกล้องหน้าก็ควรมีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 5MP เพื่อให้อีกฝ่ายสามารถมองเห็นคุณได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้แท็บเล็ตที่ใช้ควรมาพร้อมกับลำโพงไม่น้อยกว่า 4 ตัวขึ้นไป พร้อมด้วยไมโครโฟนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถประชุมได้แบบไม่มีสะดุดแม้ไม่ได้ใส่หูฟัง นอกจากนี้ หากแท็บเล็ตคู่ใจรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อใหม่ล่าสุดอย่าง Wi-Fi 5 หรือ Wi-Fi 6 จะช่วยให้สัญญาณภาพและเสียงมีความเสถียรและลื่นไหลยิ่งขึ้นอีกด้วย

สเปกต้องแรง เปิดแอปฯ ต้องไว ใช้งานได้ไม่มีหน่วง

สเปกเครื่องเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มักจะถูกมองข้ามขณะพิจารณาเลือกแท็บเล็ตมาใช้เพื่อการทำงาน แม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมเลือกชิปเซ็ตประมวลผลแรง ๆ บนแท็บเล็ตสำหรับใช้เล่นเกมเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริง สเปกเครื่องมีผลกับการใช้ทำงานเป็นอย่างมาก

เพราะสเปกดี ๆ จะช่วยให้การเปิดแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานเอกสาร สไลด์พรีเซนเตชั่น หรือโปรแกรมเสิร์ชเอนจิ้นหาข้อมูลต่าง ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วทันใจ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอโหลดโปรแกรมให้เสียอารมณ์

รวมทั้งยังสามารถเปิดแอปพลิเคชันพร้อมกันได้หลายตัวและสามารถสลับการใช้งานไปมาได้อย่างราบรื่น ซึ่งหน่วยความจำ (RAM) ของเครื่องก็ไม่ควรน้อยกว่า 4GB และตัวเครื่องก็ควรจะมีความจุข้อมูล (ROM) อย่างน้อย 64GB ขึ้นไป

อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สุดล้ำ เสริมประสิทธิภาพการทำงานให้เหนือกว่า

แค่ฟีเจอร์ปกติที่มาพร้อมแท็บเล็ตอย่างเดียวคงดูเป็นเรื่องธรรมดาเกินไปสำหรับการใช้แท็บเล็ตทำงานในยุค Remote working แบบนี้ หากอยากทำงานให้สะดวกสบายและเสร็จทันกำหนดได้เร็วและดีกว่าเดิม แท็บเล็ตในมือต้องมาพร้อมฟีเจอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ในการใช้งานได้อย่างหลากหลาย

เช่นฟีเจอร์ที่มีอยู่ใน HUAWEI MatePad อย่าง Multi-screen Collaboration ที่ช่วยผสานการทำงานแบบไร้รอยต่อข้ามดีไวซ์ของหัวเว่ยที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 ขึ้นไปผ่าน HUAWEI Share ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพ งานที่ทำค้างอยู่ หรือข้อมูลต่าง ๆ ก็รับส่งกันไปมาได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

ส่วนฟีเจอร์ Multi-Window ที่หัวเว่ยพัฒนาขึ้นมาเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่คล่องตัวยิ่งกว่าเดิม ก็ลงตัวสุด ๆ สำหรับการทำงานแบบ Multi-tasking เพราะผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานได้ 2 หน้าต่างในเวลาเดียวกันเพียงแค่ปัดซ้ายที่ด้านขวาของหน้าจอ เลือก 2 แอปฯ ที่ต้องการเปิดใช้งานพร้อมกัน

ซึ่งสามารถเปิดได้พร้อมกันสูงสุด 3 แอปฯ แค่นี้ก็เพิ่มความสะดวกได้อีกหลายเท่าตัว นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์เพื่อการใช้งานแอปพลิเคชันให้สนุกกว่าเดิม คือ HUAWEI APP Multiplier ที่ช่วยเติมเต็มความฟินจากการเปิดใช้งาน 2 หน้าจอได้ใน 1 แอปพลิเคชันเช่น Pantip, Lazada, และ JD Central

จัดเต็มแอปฯ เพื่อการทำงานและความบันเทิง

จะใช้แท็บเล็ตทำงานทั้งที แอปฯ ดี ๆ ต้องมีครบให้สมกับเป็นมืออาชีพไม่ว่าจะเป็นแอปฯ ในเครือ Microsoft Office อย่าง Word, Excel, Teams, และ PowerPoint หรือ Zoom ก็สามารถหาโหลดเก็บไว้ใช้งานบนแท็บเล็ตได้ง่าย ๆ ผ่านคลังแอปฯ ของคนรุ่นใหม่อย่าง HUAWEI AppGallery ที่รวบรวมแอปฯ จากหลากหลายหมวดหมู่เอาไว้มากมายและครบครัน

รวมไปถึงแอปฯ เพื่อความบันเทิงอย่าง LINE TV แอปจากช่องการ์ตูนญี่ปุ่นอันดับ 1 ของไทย Cartoon Club หรือแอปฯ ซื้อของออนไลน์อย่าง Lazada และ JD Central

ไม่ว่าจะแอปฯ ยอดฮิตตัวไหนสำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ก็มีครบจริง ๆ ผู้ใช้งานจึงไม่ต้องหวั่นในวันที่มีงานเยอะหรืองานด่วน เพราะมีตัวช่วยดี ๆ เป็นแอปฯ ต่าง ๆ ใน HUAWEI AppGallery ให้ทำงานได้สำเร็จอย่างเต็มประสิทธิภาพและยังสามารถปลีกเวลาไปผ่อนคลายง่าย ๆ ด้วยหลากหลายแอปฯ เพื่อความบันเทิง

ใช้ทำงานได้ยาว ๆ แบบถนอมสายตา

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ต้องคำนึงถึงเวลาเลือกแท็บเล็ตสำหรับการทำงานก็คือฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้า เพราะหน้าจอที่สว่างจ้าเกินไปจากแสงชนิดนี้ คือตัวการสำคัญที่ทำให้สายตาเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นจึงควรมองหาแท็บเล็ตที่มีตรารับรองมาตรฐานการลดแสงสีฟ้าอย่าง TÜV Rheinland

หรือมีฟีเจอร์การเปิดโหมด eBook ที่ช่วยปรับแสงทั้งหมดบนหน้าจอให้อ่อนลง เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการใช้จอนาน ๆ เช่น อาการแสบตาหรือล้าตา ทำให้สามารถใช้แท็บเล็ตทำงานต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งวันอย่างไร้กังวล

นอกจากนั้น อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องความทนทานของแบตเตอรี่ในตัวแท็บเล็ตที่ต้องใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดวัน โดยแบตเตอรี่ของแท็บเล็ตควรมีความจุไม่ต่ำกว่า 7,000 – 8,000 mAh รองรับการเปิดทิ้งไว้ได้นานเกินกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องมาเสียเวลาปิดเครื่องแล้วเสียบปลั๊กชาร์จไฟใหม่หลายรอบในแต่ละวัน

สรุปง่าย ๆ ว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเลือกแท็บเล็ตเอาไว้ใช้ทำงานประกอบไปด้วย หน้าจอต้องใหญ่ แบตเตอรี่ต้องอึด ไมค์กับลำโพงต้องดี มีฟีเจอร์พัฒนาพิเศษเพื่อประสบการณ์การใช้งาน เป็นมิตรต่อดวงตาด้วยฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้า

และมีสเปกแรงรองรับการใช้งานได้ทุกแอปฯ ซึ่งในบรรดาแท็บเล็ตที่วางตลาดอยู่ในตอนนี้ แท็บเล็ตน้องใหม่อย่าง HUAWEI MatePad รุ่นใหม่ล่าสุดสี Midnight Grey ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่วัยทำงาน

โดยตัวเครื่องใช้หน้าจอความละเอียด 2000 x 1200 พิกเซล ขนาด 10.4 นิ้ว มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 84% นอกจากนี้ยังผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ในการลดแสงสีฟ้าอีกด้วย สำหรับกล้องหน้าและกล้องหลังของ HUAWEI MatePad มีความละเอียดถึง 8MP

ทั้งยังมีลำโพงและไมโครโฟนอีกอย่างละ 4 ตัว การันตีด้วยการรับรองคุณภาพจาก harman/kardon เพื่อรองรับการใช้ประชุมออนไลน์ ที่สำคัญ HUAWEI MatePad ตัวล่าสุดนี้ยังมาพร้อมกับการอัปเกรดด้วยชิปเซ็ตใหม่ Kirin 820 ขนาดเล็กเพียง 7 นาโนเมตร และมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาถึง 2.36 GHz

และการ์ดจอ Mali-G57 ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี GPU-Turbo เพื่อมอบประสบการณ์ภาพอันลื่นไหลและประหยัดพลังงานมากขึ้น ทั้งยังมีหน่วยความจำ 4 GB ความจุข้อมูลที่มากถึง 128 GB และมีความจุแบตเตอรี่ขนาด 7,250 mAh สามารถชาร์จไฟจนเต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

ใครที่อ่านสเปกเครื่องแล้วสนใจถอยมาใช้เป็นแท็บเล็ตคู่กาย สามารถเป็นเจ้าของ HUAWEI MatePad ได้ในราคาเพียง 9,990 บาท โดยสามารถหาซื้อกันได้ที่ HUAWEI Experience Store หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ HUAWEI MatePad ได้ที่ https://bit.ly/3sgb7qt หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้ที่นี่

หมายเหตุ: HUAWEI MatePad ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัย รักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใด ๆ