อย่างนี้ก็มีด้วย!! ลูกค้าอึ้ง พนักงาน AIS ดึงเอกสารลูกค้าออก พร้อมปลอมแปลงลายเซ็น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เรามีกระทู้บทความที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในเว็บไซต์ชื่อดังมาฝากกัน ซึ่งกระทู้บทความนี้เป็นของ คุณ สมาชิกหมายเลข 3107160 จาก Pantip.com ที่ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ใช้บริการจากค่ายเครือข่ายมือถือชั้นนำอย่าง AIS
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 22 เดือนธันวาคม 2558 ทางเจ้าของกระทู้และคุณแม่ได้ไปซื้อ Samsung Galaxy Note 5 จำนวนทั้งสิ้น 2 เครื่องจาก Shop Samsung และได้มีพนักงานขายจาก AIS มาเสนอโปรโมชั่นที่ว่าลูกค้า AIS สามารถซื้อ Samsung Galaxy Note 5 เครื่องเปล่าในราคาพิเศษ โดยจะได้รับส่วนลดค่าเครื่อง 2,000 บาท และรับเครดิตเงินคืนทันที 4,000 บาท
ทางด้านเจ้าของกระทู้และคุณแม่ก็สนใจและได้สอบถามรายละเอียดกับทางพนักงานคนดังกล่าว โดยพนักงานได้แจ้งว่าเดิมทีแล้วโปรโมชั่นนี้มีถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2558 แต่ AIS ได้ทำการขยายโปรโมชั่นถึง 31 ธันวาคม 2558 คุณแม่มีเบอร์สองเบอร์จึงจะได้รับสิทธิ์ซื้อ 2 เครื่องได้ และจะได้รับเครดิตเงินคืน 8,000 บาท
เมื่อเจ้าของกระทู้และคุณแม่ได้สอบถามรายละเอียดโปรโมชั่นจนชัดเจนแล้ว คุณแม่จึงได้กด SMS เพื่อรับสิทธิ์ 2 หมายเลข และใช้ บัตรเครดิตใบเดียวกันรูดชำระเงิน ทางพนักงานได้ทำการรูดบัตร 2 ครั้ง เพื่อให้ได้สลิป 2 ใบจะได้นำสลิปไปยื่นรับเครดิตเงินคืนได้
ส่วนวิธีการรับเครดิตเงินคืนนั้น พนักงานแจ้งว่าให้นำใบเสร็จพร้อมสลิปบัตรเครดิตไปยื่นได้ที่ AIS ทุกสาขาทั่วประเทศ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 และเมื่อถึงวันที่เจ้าของกระทู้และคุณแม่ได้นำใบเสร็จและสลิปบัตรเครดิตทั้ง 2 ชุด มายื่นที่ AIS พนักงานที่ Shop ดูเอกสารแล้วกลับแจ้งว่าลูกค้าไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้ เนื่องจากไม่ตรงกับเงื่อนไขของโปรโมชั่น
และในการดำเนินการขอเครดิตเงินคืนนี้กลับพบเรื่องวุ่นๆ ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ เมื่อท้ายสุดแล้วคุณแม่ของเจ้าของกระทู้ก็ได้รับเครดิตเงินคืนเพียงแค่สิทธิ์เดียว ทั้งๆ ที่ทางฝ่ายเจ้าของกระทู้และคุณแม่ได้ยื่นไปทั้งหมด 2 สิทธิ์
และมีการพบว่าทางพนักงาน AIS ดึงเอกสารขอรับเครดิตเงินคืนของลูกค้าออก และทำการปลอมแปลงลายเซ็นของลูกค้า โดยให้รับเพียงสิทธิ์เดียวเท่านั้น เราไปชมบทความนี้กันเลยค่ะ
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 แม่เราได้ซื้อมือถือ Samsung Galaxy Note 5 จำนวน 2 เครื่อง จากศูนย์ Samsung ชั้น G ที่เซียร์รังสิต เนื่องจากพนักงานขายของ AIS ที่อยู่ในศูนย์ Samsung ได้เสนอโปรโมชั่น “ลูกค้า AIS ซื้อ Samsung Galaxy Note 5 เครื่องเปล่าราคาพิเศษ ได้รับส่วนลดค่าเครื่อง 2,000 บาท และรับเครดิตเงินคืนทันที 4,000 บาท”
เมื่อแม่เราเห็นโปรโมชั่นนี้จึงได้สอบถามรายละเอียดจากพนักงานเพิ่มเติม ซึ่งพนักงานได้อธิบายว่า “จริงๆ แล้วโปรโมชั่นนี้มีถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2558 แต่ AIS ได้ทำการขยายโปรโมชั่นถึง 31 ธันวาคม 2558 แม่เราได้รับสิทธิ์ซื้อ 2 เครื่องได้
เนื่องจากว่าแม่เราใช้บริการของ AIS สองเบอร์ นับเป็นสองสิทธิ์ หากแม่เราซื้อพนักงานจะกด SMS รับสิทธิ์ให้ทั้ง 2 หมายเลขและสามารถใช้บัตรเครดิตใบเดียวกันรูดได้”
นี่คือ SMS ที่แม่เราได้รับทั้ง 2 หมายเลขค่ะ
ส่วนวิธีการรับเครดิตเงินคืนนั้น พนักงานแจ้งว่าให้นำใบเสร็จพร้อมสลิปบัตรเครดิตไปยื่นได้ที่ AIS ทุกสาขาทั่วประเทศ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 เมื่อเราและแม่ถามรายละเอียดกับพนักงานจนชัดเจนแล้ว ก็ตัดสินใจรูดบัตรเครดิตซื้อ Samsung Galaxy Note 5 เป็นจำนวน 2 เครื่อง พนักงานก็ทำการรูดบัตร 2 ครั้ง เพื่อให้เราได้สลิป 2 ใบ จะได้นำสลิปไปยื่นรับเครดิตเงินคืนได้
วันที่ 25 ธันวาคม 2558 เราและแม่ได้มานำใบเสร็จและสลิปบัตรเครดิตทั้ง 2 ชุด มายื่นที่ AIS สาขาในจังหวัดเรา (ไม่ใช่กทม) เมื่อพนักงานดูเอกสารพนักงานกลับบอกว่า “ลูกค้าไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ค่ะ เนื่องจากไม่ตรงกับเงื่อนไขของโปรโมชั่นนี้ค่ะ”
เราฟังแล้วเราก็ช็อคว่า เฮ้ย!! อะไรไม่ตรงเงื่อนไข ก็ตอนซื้อยังถามย้ำกับพนักงานตั้งหลายรอบอยู่เลยว่า “เราจะได้รับเครดิตเงินคืน เครื่องละ 4,000 บาท 2 เครื่องก็ได้รับเงินคืน 8,000 บาทใช่ไหมคะ??” พนักงานที่เซียร์ก็ยังบอกเราแบบมั่นใจสุดๆว่า “ได้แน่นอนครับ”
นี่คือเอกสารที่เรานำมายื่นค่ะ ตอนยื่นเราไม่ได้ถ่ายรูปตัวสำเนาที่ยื่นเก็บไว้นะคะ เพราะไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นค่ะ เลยถ่ายรูปสลิปกับใบเสร็จตัวจริงทั้ง 2 ชุด มาให้ดูค่ะ มีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาบัตรเครดิตที่ใช้ยื่น, สำเนาใบเสร็จที่เซียร์รังสิต 2 ใบ และสำเนาสลิปบัตรเครดิต 2 ใบ
เราจึงขอให้พนักงานไปตรวจสอบให้เราอีกรอบ ว่าเราไม่สามารถรับเครดิตเงินคืนจำนวน 8,000 บาทได้จริงๆ เหรอ? เพราะตอนซื้อพนักงานที่เซียร์ยืนยันว่าได้แน่นอน พนักงานคนนั้นจึงขอตัวไปปรึกษาผู้จัดการ (ระหว่างที่พนักงานไม่อยู่นั้น พี่ผู้หญิงข้างๆ ที่ได้ยินเรื่องทั้งหมด ก็แอบหันมาพูดกับเราว่า
“ระวังไม่ได้คืนนะ เพื่อนพี่ก็เคยใช้สิทธิ์แบบนี้แหละของ AIS แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้เงินคืน” พอฟังเสร็จเราก็ใจเสียกว่าเดิม ได้แต่คิดในใจว่าซวยแล้ว) สักพักพนักงานก็เดินมาบอกเราว่า
พนักงาน : ผู้จัดการบอกว่า ไม่ได้ค่ะ
เรา : แต่พนักงานที่เซียร์ยืนยันว่าได้นะคะ
พนักงาน : งั้นลูกค้าต้องลองติดต่อพนักงานที่เซียร์คนนั้นดูนะคะ
เรา : (ช็อคครั้งที่ 1) คือว่าไม่มีเบอร์ติดต่อพนักงานคนนั้นค่ะ ไม่ทราบว่าทาง AIS พอจะติดต่อให้ได้ไหมคะ หรือไม่ก็ขอเบอร์ติดต่อก็ได้ค่ะ จะโทรไปสอบถามเอง
พนักงาน : ไม่ได้ค่ะ เราไม่มีข้อมูลการติดต่อเช่นกัน
เรา : (ช็อคครั้งที่ 2) งั้นเราต้องขับรถไปหาพนักงานถึงเซียร์เลยเหรอคะ (จังหวัดเราห่างจากกทมหลายร้อยกิโลเมตร)
พนักงาน : ค่ะ
แล้วก็เดินจากไปดูแลลูกค้าคนอื่น ทิ้งเรากับแม่ไว้แบบงงๆ แม่เราจึงตัดสินใจเดินไป Shop Samsung เพื่อถามเรื่องโปรโมชั่นนี้กับพนักงาน ส่วนเรานั่งโทรหา Call Center AIS อยู่ที่ Shop AIS นี่คือบทสนทนา ระหว่างเรากับ Call Center
เรา : (เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ Call Center ฟัง พร้อมกับขอเบอร์ติดต่อพนักงานที่เซียร์คนนั้น)
Call Center : เราไม่มีข้อมูลของพนักงานที่ออกไปขายตาม Shop อื่นๆ ค่ะ ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครออกไปขายที่ Shop ไหน และโปรโมชั่นนี้ที่พนักงานแจ้งลูกค้า ทางเราไม่ทราบข้อมูลโปรโมชั่นนี้ค่ะ
เรา : แต่พนักงานคนนั้นยืนยันกับเราเองนะคะว่ามีโปรโมชั่นนี้ถึง 31 ธันวาคม 2558 เราถึงตัดสินใจซื้อตั้ง 2 เครื่อง แถมในใบเสร็จยังมีชื่อพนักงานขายอยู่เลย ทาง AIS ไม่สามารถตรวจสอบให้ได้จริงๆ เหรอคะ?
Call Center : ค่ะ เราไม่สามารถตรวจสอบได้ค่ะ คุณลูกค้าต้องไปติดต่อที่เซียร์เองนะคะ
เรา : ต้องขับรถไปกทมอีกหลายร้อยกิโลเพื่อไปตามหาพนักงานคนนั้นเหรอคะ แล้วถ้าโปรโมชั่นนี้ไม่มีจริง ทำไมพนักงานคนนั้นถึงได้โฆษณาออกมาได้คะ ทาง AIS ไม่ได้มีการอบรมให้พนักงานเข้าใจก่อนทำการขายเหรอคะ แล้วอีกอย่างที่ทาง AIS บอกว่า ไม่รู้ว่าพนักงาน AIS คนใดเป็นคนไปขายประจำตาม Shop ต่างๆ ถ้าอย่างงั้นเกิดมีคนมาแต่งตัวเป็นพนักงาน AIS มาเสนอโปรโมชั่นที่มันไม่มีอยู่จริงก็ได้เหรอคะ
Call center : (……เงียบ……) และได้แต่บอกว่าไม่สามารถช่วยอะไรเราได้ แต่จะลองหาเบอร์ร้านที่เซียร์ให้
เราจึงตัดสินใจไม่คุยต่อ และเดินไปหาแม่ที่ Shop Samsung พร้อมกับอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พนักงาน Samsung ฟัง เมื่อพนักงานได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็ได้ทำการติดต่อสอบถามและโทรประสานงานให้เรา (ตรงนี้ทำให้เรากับแม่ประทับใจ พนักงาน Samsung มากๆ ที่ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ขอขอบคุณพนักงานทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยนะคะ)
ระหว่างนี้เราก็ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะติดต่อพนักงานที่ขายมือถือให้แม่เราวันนั้นให้ได้ แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่สามารถติดต่อพนักงานคนนั้นได้เลย เราและพนักงาน Samsung ใช้เวลาติดต่อประสานงานเป็นเวลาเกือบชั่วโมง กว่าจะได้ข้อสรุปว่าโปรโมชั่นนี้มีจริงๆ
พนักงาน Samsung จึงได้นำเอกสารของแม่เราไปคุยกับพนักงาน AIS ว่าแม่เรามีสิทธิ์ได้รับเงินคืน 2 สิทธิ์ เป็นจำนวนเงิน 8,000 บาท จากนั้นพนักงาน AIS (ขอเรียกว่า คุณ ช.) ก็บอกแม่เราว่าเดี๋ยวจะดำเนินการลงทะเบียนรับสิทธิ์ให้ ระหว่างนี้ให้แม่เราไปทานข้าวรอแล้วค่อยกลับมา พร้อมกับขอ SIM โทรศัพท์แม่เราไว้
ขณะที่ครอบครัวเราทานข้าวอยู่ คุณ ช. ทำการโทรเข้ามือถือแม่เรา (หมายเลข A) บอกว่าขอเบอร์โทรศัพท์ของแม่เราอีกเบอร์หน่อย (หมายเลข B) เพื่อที่จะได้ทำการค้นหา IMEI แม่เราก็ได้บอกไป และถามกับคุณช. ว่าเอาแค่เบอร์เดียวเหรอ พี่มี 2 เบอร์นะ
คุณช. ก็ตอบกลับมาว่า เอาแค่เบอร์เดียวครับ เดี๋ยวอีกเบอร์สามารถค้นหาได้ครับ ผ่านไปสักพักเรากับแม่ก็ไปรับ SIM คืน และคุณช. ก็บอกว่าเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้ยื่นเอกสารอะไรให้ตรวจสอบทั้งสิ้น
วันที่ 7 เมษายน 2559 แม่เราได้รับใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิต ถึงได้รู้ว่าแม่เราได้รับเครดิตเงินคืน เป็นจำนวนแค่ 4,000 บาท จึงได้นำเอกสารนี้ไปถามคุณ ช. ว่าทำไมเราถึงไม่ได้เงินเป็นจำนวน 8,000 บาท
รูปใบแจ้งยอดบัตรเครดิตค่ะ
คุณ ช. บอกว่าเราลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพียงหมายเลขเดียว (หมายเลข B) จึงได้รับแค่ 1 สิทธิ์เราจึงแสดงหลักฐานว่าเราได้รับข้อความว่าเรากดรับสิทธิ์ทั้ง 2 หมายเลข เราก็ต้องได้ 2 สิทธิ์
คุณ ช. ยังยืนยันว่า เราลงทะเบียนรับสิทธิ์แค่หมายเลขเดียว เพราะเราให้ IMEI คุณ ช. แค่อันเดียว เราก็บอกว่าเราไม่รู้หรอกว่าต้องใช้กี่ IMEI ในการรับสิทธิ์ เพราะเราไม่ใช่พนักงาน เรารู้แค่ว่าเราต้องแสดงอะไรบ้างในการรับสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่ AIS ประกาศ ซึ่งเงื่อนไขนั้น AIS บอกเพียงว่า “ให้นำใบเสร็จพร้อมสลิปบัตรเครดิตมาแสดงที่ AIS Shop ก็สามารถรับสิทธิ์ได้”
และวันที่ 25 ธันวาคม 2558 เราก็ได้นำสลิปทั้ง 2 ใบ (ทั้งหมายเลข A และ B) มาให้คุณ ช. แล้ว นั่นก็แปลว่าเราต้องได้รับ 2 สิทธิ์ใช่หรือไม่ คุณ ช. จึงขอตัวเข้าไปหาเอกสารว่าเราได้ให้เอกสารเค้าไปกี่ชุด ระหว่างนั้นก็มีพนักงานอีกคนชื่อว่าคุณ ก. ออกมาคุยแทน
โดยคุณ ก. แจ้งกับเราว่า “ตอนนี้กำลังหาเอกสารอยู่นะครับ ว่าทางลูกค้ายื่นขอรับสิทธิ์กี่สิทธิ์ หากเจอแค่สลิปเดียวก็แสดงว่าคุณลูกค้ายื่นขอรับแค่สิทธิ์เดียว แต่หากมี 2 สลิป ตอนนี้ก็หมดเขตรับสิทธิ์แล้วครับ”
เราจึงถามต่อว่าถ้าเจอว่าเรายื่น 2 สลิป ทางคุณมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไรค่ะคุณก. ได้แต่ตอบว่าต้องดูอีกทีครับเพราะคุณ ก. เป็นพนักงานอีกฝ่ายไม่รู้ในส่วนของโปรโมชั่น
ด้วยความที่แม่เรามั่นใจว่าวันนั้นแม่เรายื่น 2 สลิป และกลัวว่าพนักงานจะดึงเอกสารแม่ออกให้เหลือเพียงสลิปเดียว แม่เราจึงพูดดักไปก่อนว่า “ยังงี้น้องจะดึงเอกสารพี่ออกไหมคะ? “คุณ ก. ก็รีบตอบว่า “เราไม่มีทางทำอย่างนั้นอยู่แล้วครับ” พร้อมกับแจ้งเราและแม่ว่าการหาเอกสารนั้นใช้เวลานานพอสมควร ให้เราและแม่ไปทำธุระหรือเดินเล่นรอ
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เรากับแม่ก็กลับมาที่ AIS อีกครั้ง เราเดินไปถามคุณ ก. และคุณ ช. ว่าเจอเอกสารของเรารึไม่ คุณช. บอกว่าเจอแต่เจอแค่สลิปเดียว แสดงว่าวันนั้นเราแจ้งรับสิทธิ์แค่สิทธิ์เดียวพร้อมกับนำเอกสารมาให้เราดู
ก่อนที่จะดูเอกสารเราก็ถามคุณ ช. ว่า วันนั้นเรานำเอกสารมาตามเงื่อนไขที่ระบุ นำสลิปมา 2 ใบก็ต้องได้ 2 สิทธิ์สิ คุณช. ก็บอกว่า นึกว่าคุณลูกค้าซื้อแค่เครื่องเดียว เราก็ถามคุณช. ว่า คุณจะนึกได้ยังไงว่าซื้อแค่เครื่องเดียว ในเมื่อวันนั้นเรานำสลิปมายื่น 2 ใบพร้อมกับพูดว่าเราซื้อ 2 เครื่อง
ต้องได้รับเงินคืน 8,000 บาทใช่ไหมคะ คุณ ช. ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า นึกว่าแม่เราซื้อเครื่องเดียว เมื่อเราดูเอกสารที่คุณช. ยื่นให้ ก็พบว่ามีแค่สลิปเดียวจริงๆ แต่ที่น่าตกใจคือ เอกสารของเรามันผิดปกติ เราจึงถามคุณช. ดังนี้
เรา : มันคืออะไรเหรอคะ (เรากำลังจะพูดต่อ แต่คุณช. รีบพูดขึ้นมาว่า)
คุณ ช : รอยเย็บเอกสารใหม่อาจจะเกิดจากการจัดเรียงครับ ไม่มีการแกะเอกสารออกอย่างแน่นอน
เรา : ไม่ได้หมายถึงรอยเย็บค่ะ หมายถึงรอยดึงกระดาษออก 2 ใบ นี่คืออะไรคะ เอกสารที่หายไปใช่ใบเสร็จและสลิปของหมายเลข A รึป่าว?
คุณ ช. : เกิดจากตอนเรียงเอกสารครับ ไม่มีการดึงเอกสารออกแน่นอน และผมจะทำแบบนั้นไปทำไมครับ เพราะผมก็ต้องออกให้ลูกค้าใช้หมายเลขของผมทั้ง 2 หมายเลขอยู่แล้ว
แล้วคุณ ช.ก็รีบบอกว่าวันนั้นแม่เราเซ็นรับสิทธิ์แค่สิทธิ์เดียว เรากับแม่ก็งงว่าไปเซ็นตอนไหน ตอนนั้นไม่เห็นมีอะไรให้เซ็น (พอมาดูที่กระดาษดีๆ ถึงเห็นว่าลายเซ็นในสัญญาไม่ใช่ของแม่เรา (แม่เราโดนปลอมลายเซ็นค่า!!!)
ช่วยกันดูหน่อยนะคะว่านี่คือเศษอะไรเหรอคะ เศษนี้มาจากการเรียงเอกสารจริงๆ หรือไม่ หรือที่จริง คือใบเสร็จและสลิปของหมายเลข A ที่หายไปคะ
ดูกันชัดๆอีกรูปนะคะ
เรากับแม่ก็ยังพยายามถามหาข้อเท็จจริงต่อ แต่ก็ไม่ได้ความอะไรได้ฟังแต่ประโยคเดิมๆ เรากับแม่จึงกลับบ้าและอยากนำเรื่องราวในครั้งนี้มาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
ถ้าวันนั้นคุณให้แม่เราเป็นคนเซ็นสัญญาเอง แม่เราก็คงได้ตรวจสอบ และเรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เราไม่รู้ว่าคุณแค่หวังดีกับลูกค้า ต้องการให้แม่เราสะดวกรึเปล่า คุณถึงเซ็นสัญญาแทนแม่เรา แต่การกระทำอย่างนี้มันเป็นการกระทำที่ไม่ควรนะคะ
ปล. หาก AIS มาอ่านกระทู้เรา เราอยากถามว่าคุณทำแบบนี้กับลูกค้าที่ใช้บริการคุณมาเป็นเวลา 24 ปีได้ยังไง (แม่เราใช้ AIS มาตั้งปี พ.ศ. 2536 ใช้มาค่ายเดียวไม่เคยเปลี่ยน) แต่พอเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเอง บอกได้คำเดียวจะยกเลิกเบอร์ AIS ทั้งหมดทุกเบอร์แล้วค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ สมาชิกหมายเลข 3107160 จาก www.pantip.com
Leave a Reply