วิธีเลือกซื้อมือถือสำหรับเล่นเกม ดูสเปกอะไรบ้าง พร้อมแนะนำสมาร์ตโฟนตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์!

วิธีเลือกซื้อมือถือสำหรับเล่นเกม ดูสเปกอะไรบ้าง พร้อมแนะนำสมาร์ตโฟนตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์!

Gaming Phone

สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ ? วันนี้เรามีบทความ How To วิธีเลือกซื้อมือถือสมาร์ตโฟนสำหรับเล่นเกมมาฝากให้ได้ชมกัน โดยเป็นการแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้อสมาร์ตโฟนสักเครื่องไว้สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะนั้น เราควรจะดูสเปกอย่างไร หรือดูคุณสมบัติใดเป็นสำคัญ พร้อมกับแนะนำลิสต์รายชื่อสมาร์ตโฟนราคาเข้าถึงง่าย สเปกลื่นไหล และตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์ให้เพื่อน ๆ ชมกันด้วย พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปชมรายละเอียดกันเลยค่ะ

ชิปประมวลผล

CPU

อันดับแรกเลยเราไปดูกันที่ชิปเซ็ตหน่วยประมวลผลกลางของสมาร์ตโฟนหรือ CPU (Central Processing Unit) กันก่อนเลยค่ะ โดยเปรียบเหมือนสมองของสมาร์ตโฟนเลยก็ว่าได้ ถือเป็นตัวที่ใช้ขับเคลื่อนการทำงานทุกอย่าง กล่าวง่าย ๆ คือ รับคำสั่งแล้วนำไปประมวลผลทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่ผู้ใช้งานสั่งการนั่นเอง ซึ่งชิปประมวลผลแบ่งเป็นหลายประเภทมีทั้งแบบ

• Single Core หรือ 1 แกนสมอง
• Dual Core หรือ 2 แกนสมอง
• Quad Core หรือ 4 แกนสมอง
• Hexa Core หรือ 6 แกนสมอง
• Octa Core หรือ 8 แกนสมอง

แน่นอนว่ายิ่งมีจำนวน Core ที่แบ่งหน้าที่ในการทำงานกันมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลให้ชิปประมวลผลทำงานได้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องดูในส่วนของความเร็วหรือ Clock Speed ของสัญญาณนาฬิกา กันด้วย ยิ่งมีความเร็วมากชิปประมวลผลก็จะสามารถตอบสนองได้เร็ว แต่อย่าลืมด้วยว่ายิ่งชิปมีจำนวน Core มาก ๆ จะส่งผลให้แบตเตอรี่ลดเร็ว ถ้าสมาร์ตโฟนรุ่นนั้น ๆ มีเทคโนโลยีเกี่ยวกับการช่วยประหยัดแบตเตอรี่ก็จะดีมาก

ในปัจจุบันชิปประมวลผลที่เหมาะสำหรับเล่นเกมส่วนใหญ่จะใช้แบบ Octa Core ความเร็ว 1.9GHz ขึ้นไป (หรือหย่อนลงกว่านี้ได้อีกนิดหน่อย) ส่วนเรื่องแบรนด์ของชิปประมวลผลที่เราเห็นบ่อย ๆ ก็จะมี Snapdragon จาก Qualcomm, Helio จาก Mediatek, Exynos จาก Samsung, Kirin จาก Huawei เป็นต้น ควรเลือกใช้ชิปประมวลผลที่เป็นเวอร์ชันใหม่หรือเป็นปัจจุบันหน่อยเพื่อการทำงานที่ลื่นไหล เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่าชิปรุ่นใหม่ ๆ นั้นได้รับการอัปเกรดให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า

หน่วยประมวลภาพกราฟิก

GPU

ถัดมาเป็น GPU หรือหน่วยประมวลภาพกราฟิก (Graphics Processing Unit) หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการ์ดจอนั่นเอง ดูกันที่ความเร็วของสัญญาณนาฬิกาและขนาด ซึ่งจุดนี้ถือเป็นส่วนสำคัญเช่นกันสำหรับเหล่าเกมเมอร์ ในเการใช้งานด้านภาพกราฟิกเกมที่ลื่นไหลไม่กระตุก ภาพในเกมสวยสดสมจริง ทำให้มีอรรถรสในการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น

ระบบปฏิบัติการ

OS

ในส่วนของระบบปฏิบัติการ หรือ OS (Operating System) ทั้ง Android จาก Google และ iOS จาก Apple ควรเลือกซื้อสมาร์ตโฟนที่ใช้เป็นเวอร์ชันใหม่ ๆ เพื่อความลื่นไหลในการใช้งาน โดยปัจจุบันจะเป็น Android 9.0 Pie และ iOS 13 ถ้าสมาร์ตโฟนรุ่นที่จะซื้อใช้เวอร์ชันต่ำกว่านี้ก็ให้คิดหนักหน่อยค่ะ

หรืออาจจะตรวจสอบดูก่อนก็ได้ว่าสมาร์ตโฟนรุ่นดังกล่าวนั้นมีตารางอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่หรือไม่ หน้าที่หลักของระบบปฏิบัติการก็จะเป็นในส่วนของการจัดสรรทรัพยากรในเครื่อง ช่วยรักษาความปลอดภัยในเครื่อง อัปเกรดการใช้งานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานใหม่ ๆ เข้าไปด้วย

จอแสดงผล

หน้าจอ

อีกจุดนึงที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือขนาดของหน้าจอ ควรเลือกสมาร์ตโฟนจอใหญ่ 6.5 นิ้วขึ้นไปกำลังดี หรือเลือกขนาดที่ถือจับและเหมาะมือ มีพื้นที่แสดงผลกว้างทำให้สามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน และควบคุมเกมได้อย่างเหมาะสม เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น และในปัจจุบันสมาร์ตโฟนเริ่มมีรอยบากบนหน้าจอ

หากเลือกรุ่นที่มีรอยบากติ่งขนาดเล็ก หรือไม่มีเลยจะดีกว่า เพื่อที่จะไม่ให้มีสิ่งใด ๆ มาบดบังรายละเอียดบนหน้าจอ นอกจากนี้ความละเอียดของหน้าจอก็เป็นส่วนสำคัญมีตั้งแต่ระดับ HD, Full HD, Quad HD และ Ultra HD ยิ่งระดับสูงจะช่วยให้ภาพที่แสดงบนหน้าจอมีความคมชัดเสมือนจริง ส่วนความละเอียดที่เหมาะสำหรับเล่นเกมควรจะเป็นตั้งแต่ระดับ Full HD ขึ้นไปค่ะ

ความจุแบตเตอรี่

แบตเตอรี่

ความจุแบตเตอรี่ถือเป็นอีกจุดหนึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนเล่นเกมสักเครื่องไม่ควรมองข้าม ควรดูว่าความจุของแบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันตามไลฟ์สไตล์ของตนเองหรือไม่ คงไม่มีใครอยากชาร์จแบตบ่อย ๆ หรือพก Power Bank ติดกระเป๋าไปด้วยทุกที่ ส่วนตัวแล้วคิดว่าควรมีความจุตั้งแต่ 4000 mAh ขึ้นไป แต่ข้อด้อยของการที่มีความจุแบตเตอรี่เยอะ ๆ ทำให้ตัวเครื่องสมาร์ตโฟนมีความหนา มีน้ำหนัก และชาร์จแบตช้า

และนอกจากความจุแล้วยังต้องดูเรื่องของฟีเจอร์ช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ภายในเครื่อง ที่จะช่วยให้แบตเตอรี่หมดช้า ใช้งานได้ยาวนานขึ้น และหากสมาร์ตโฟนรุ่นดังกล่าวมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วยแล้ว จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้เราใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ไม่นาน นั่นหมายถึงเราจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องเลยค่ะ

หน่วยความจำ

หน่วยความจำ

มาถึงหัวข้อสุดท้ายที่เราจะพูดถึงกันแล้วค่ะ นั่นก็คือในส่วนของหน่วยความจำ RAM และ ROM ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทั้ง 2 คำนี้คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร และควรเลือกยังไง

ROM (Read-only memory หรือ Internal Storage) หมายถึง หน่วยความจำถาวรของสมาร์ตโฟนที่ติดมากับตัวเครื่อง เรียกง่าย ๆ ว่า ความจุภายในตัวเครื่องนั่นเอง จะเพิ่มเองไม่ได้ทีหลัง มีความจุตั้งแต่ 16GB, 32GB, 64GB, 128GB, 256GB และ 512GB ขึ้นอยู่กับว่าสมาร์ตโฟนที่เลือกนั้นอยู่ในระดับใด สำหรับ ROM ใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, วิดีโอ, แอปพลิเคชั่น, ระบบปฏิบัติการ ฯลฯ

RAM (Random Access Memory) หมายถึง หน่วยความจำชั่วคราวของสมาร์ตโฟน เป็นส่วนสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม และความเร็วในการทำงาน ทำหน้าที่รับ-ส่ง และเป็นที่พักข้อมูล ระหว่างการใช้งานของเราและชิปประมวลผล เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลที่กำลังถูกใช้งานอยู่ ยิ่งมีหน่วยความจำ RAM มากจะยิ่งทำงานได้เร็วขึ้น ยิ่งสามารถเปิดใช้งานหลายแอปฯ พร้อมกันได้มากขึ้น หากมี RAM น้อย ๆ จะทำให้สมาร์ตโฟนค้าง กระตุก ต้องดาวน์โหลดใหม่บ่อย ๆ

แต่กระนั้นหาก ROM หรือความจุภายในตัวเครื่องที่เลือกไว้ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เราสามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ด้วย microSD Card ซึ่งปัจจุบันสามารถรองรับได้สูงถึง 1TB กันเลยทีเดียว แต่ก็มีสมาร์ตโฟนบางรุ่นที่ไม่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้ จำต้องใช้งานความจุในตัวเครื่องอย่างเดียว ซึ่งส่วนมากจะเป็นสมาร์ตโฟน Android ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้ แต่ iPhone ของ Apple ไม่สามารถเพิ่มได้

ส่วนการเลือกสมาร์ตโฟนสำหรับเล่นเกมเราควรดูรุ่นที่ให้ RAM และ ROM มาเยอะหน่อย เพื่อเก็บแอปฯ เกมที่มีขนาดใหญ่ และการประมวลผลที่รวดเร็ว เล่นได้แบบไหลลื่น ไม่ทำให้เกมกระตุก ควรมี RAM อย่างน้อย 6GB และความจุอย่างน้อย 128GB เป็นต้น

แนะนำตัวอย่างสมาร์ตโฟนสำหรับเล่นเกม

มือถือเล่นเกม

  • Asus ROG Phone II  
  • iPhone 11 Pro Max
  • iPhone 11 Pro  
  • iPhone 11
  • iPhone XS Max
  • iPhone XS
  • Huawei P40 Pro+
  • Huawei P40 Pro
  • Huawei P40
  • Huawei Mate 30 Pro
  • Huawei nova 7i  
  • Huawei Y9s  
  • Huawei Y7p
  • OPPO Find X2 Pro
  • OPPO Find X2
  • OPPO Reno3 Pro
  • OPPO A9 2020
  • OPPO A5 2020
  • OPPO A91
  • realme X3 SuperZoom
  • realme X2 Pro  
  • realme 6 Pro
  • realme 6i
  • Samsung Galaxy S20 Ultra 5G  
  • Samsung Galaxy S20+
  • Samsung Galaxy S20  
  • Samsung Galaxy A71  
  • Vivo V19
  • Vivo S1 Pro  
  • Vivo Y50 

Phone (2)

อย่างไรก็ดี ข้อมูลด้านบนที่เรากล่าวนั้นเป็นการพูดถึงข้อมูลคร่าว ๆ เบื้องต้น เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจกันในระดับหนึ่ง สำหรับนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ตโฟนเครื่องใหม่ไว้เล่นเกมโดยเฉพาะเท่านั้น เราไม่ได้ลงรายละเอียดแบบลึก ๆ หากเพื่อน ๆ สนใจควรหาข้อมูลศึกษาเพิ่มเติม

และนอกจากเพื่อน ๆ จะต้องดูข้อมูลในส่วนของ ชิปประมวลผล, หน่วยประมวลภาพกราฟิก, ระบบปฏิบัติการ, จอแสดงผล, ความจุแบตเตอรี่ และหน่วยความจำ RAM กับ ROM แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงคืองบที่วางไว้ ต้องบอกเลยว่าตลาดสมาร์ตโฟนปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูง

ผู้ผลิตบางเจ้าให้สเปกมาแบบคุ้มสุด ๆ ทั้งชิปรุ่นใหม่ หน้าจอใหญ่ แบตอึด ความจุเยอะ แต่เคาะราคามาแบบเข้าถึงได้ง่าย ราคาไม่ถึงหมื่นก็มีให้เห็น แต่หากต้องการสเปกสูงระดับท็อปจริง ๆ ให้เลือกซื้อรุ่นเรือธงไปเลยค่ะ แน่นอนว่าจะได้ชิปเซ็ตระดับสูง การ์ดจอดี ความจุแบตเตอรี่สูง และหน่วยความจำเยอะ ซึ่งนั่นต้องแลกมากับราคาที่สูงขึ้นตามสเปก

ส่วนรายชื่อสมาร์ตโฟนสำหรับเล่นเกมเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่บางรุ่นที่เรายกมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น มีตั้งแต่ราคาไม่ถึงหมื่นไปจนถึงราคาสูง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เพื่อน ๆ ด้วยว่าชอบรุ่นไหนหรือจากแบรนด์ไหน และรุ่นไหนตอบโจทย์

เอาไว้โอกาสหน้าเราจะมีบทความหรือทริคอะไรดี ๆ มาฝากกันอีก ฝากเพื่อน ๆ ติดตามชมกันด้วยนะคะ และหากใครมีคำถามข้อสงสัยใด ๆ อยากให้แนะนำเพิ่มเติมก็ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เลยค่ะ 😉