รีวิว ZTE Blade S7 ถ่ายชัดสะใจด้วยกล้อง 13MP ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ZTE Blade S7 มาพร้อมกล้องคู่ (หน้า-หลัง) คมชัดถึง 13 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์พิเศษเอาใจสาวกเซลฟี่ทั้งหลาย ในราคาเพียง 11,990 บาท วางจำหน่ายในไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดดเด่นกว่าใครด้วยสีเขียวมะนาวสดใส โดย ZTE ตั้งเป้าติด Top 5 ของตลาดสมาร์ทโฟนในไทย
สเปค ZTE Blade S7
- Android OS 5.1 ครอบทับด้วย MiFavor 3.2 UI
- หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 × 1080 พิกเซล
- CPU Qualcomm Snapdragon 615 + GPU Adreno 405
- RAM 3GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) 32GB + รองรับ microSD สูงสุด 64GB
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล + LED Flash + Autofocus
- กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล + LED Flash + Autofocus
- รองรับ 2 ซิม
- รองรับ 2G, 3G, 4G ทุกเครือข่าย (รวมทั้ง JAS 4G และ TrueMove H 900 MHz)
2G GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
3G HSDPA 850 / 900 / 2100
4G LTE 850 / 900 / 1800 / 2100 - แบตเตอรี่ Lithium-ion 2500mAh (ถอดเปลี่ยนไม่ได้)
- มีระบบสแกนนิ้วมือ
- Bluetooth 4.0
- ขนาดตัวเครื่อง 142 x 67 x 7.2 มม. น้ำหนัก 131 กรัม
- ในช่วง 2 เดือนแรกที่เปิดตัว วางจำหน่ายเฉพาะสีเขียว สีอื่น ๆ จะตามาภายหลัง
ZTE รุ่น Blade S7 มาพร้อมกับนวัตกรรมล่าสุดและฟีเจอร์ความสนุกอีกมากมาย แซดทีอีรับฟังความต้องการของลูกค้าเสมอมา และต้องการยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพเซลฟี่ที่ดีเยี่ยมในอีกขั้นหนึ่ง จึงให้ความละเอียดของกล้องด้านหน้าอยู่ที่ 13MP พร้อมแฟลชหน้า ตรวจจับโฟกัสใบหน้าอัตโนมัติ ถ่ายภาพพาโนรามาด้วยกล้องหน้า ถ่ายหน้าสวยเนียนเรียว ซึ่งสามารถปรับได้ถึง 14 แบบ
สำหรับกล้องหลัง มีความละเอียดของกล้องอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพแบบโหมดมืออาชีพ (ปรับแต่งเอง) และโหมดอัตโนมัติ เลือกจุดโฟกัสได้ (Selective Focus) เลเซอร์โฟกัสภาพอัตโนมัติ (Laser auto focus) ด้วยความเร็วเพียง 0.1 วินาที และมีความแม่นยำ แม้ถ่ายในสภาพแสงน้อย
ZTE Blade S7 มาพร้อมกับเวอร์ชั่นฉบับปรับปรุงของ Intuitive Gesture Control การเคลื่อนไหวร่างกาย หรือแสดงท่าทางเพื่อเข้าสู่เมนูต่าง ๆ ในเครื่อง แม้ขณะหน้าจอล็อค ซึ่งคุณสมบัตินี้พัฒนามาจาก Smart Sense ในรุ่น Blade S6 โดย Intuitive Gesture Control สามารถตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ ให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น อาทิ การออกท่าทาง เพื่อปิดเสียง (Mute) เพื่อเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูป เพื่อฟังเพลง เพื่อรับโทรศัพท์ ฯลฯ รวมถึงฟีเจอร์ Magic Gesture ที่ผู้ใช้สามารถใช้ปลายนิ้ววาดตัวอักษรบนหน้าจอที่ล็อคเพื่อเปิดการใช้งานในแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้เลย
ในส่วนของการรักษาความปลอดภัย ZTE Blade S7 สามารถใช้การปลดล็อคหน้าจอ ปลดล็อครูปภาพ หรือปลดล็อคแอปพลิเคชั่น ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ (Finger Print) ซึ่งจะอยู่บริเวณปุ่มโฮมที่หน้าจอ โดยการสแกนลายนิ้วมือนี้ สามารถใช้ลายนิ้วมือที่แตกต่างกันได้ ระหว่างการปลดล็อคหน้าจอ หรือปลดล็อคแอพพลิเคชั่น (ฟีเจอร์ One Press Launch)
ในส่วนของระบบปฏิบัติการที่มาพร้อมกับตัวเครื่องนั้นจะเป็น Android เวอร์ชั่น 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย MiFavor 3.2 UI หน่วยประมวลผล Qualcomm 64-Bit SnapDragon 615 Processor โดยมีหน่วยความจำหลัก 3GB (DDR3 RAM) และหน่วยความจำถาวรหรือหน่วยความจำในตัวเครื่อง 32GB (eMMC internal storage) โดยสามารถรองรับ microSD ได้สูงสุด 64GB
การออกแบบกรอบด้านข้างตัวเครื่องด้วยวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยด์ พร้อมความบางเพียง 7.2 มม. และกรอบหน้าจอที่บางมากทำให้พื้นที่แสดงผลเพิ่มขึ้น คิดเป็น 72.1% จากตัวเครื่อง โดย ZTE Blade S7 มีจอภาพขนาด 5 นิ้ว แบบ FullHD (1920 x 1080) และดีไซน์กระจกหน้าจอแบบโค้ง (2.5D Curved Edge) เสริมประสิทธิภาพการป้องกันด้วยแผ่นกระจกแบบ Gorilla Glass 3
ZTE Blade S7 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 11,900 บาท มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ เขียวมะนาว (Lemon Green), ทอง (Rose Gold), ขาว (Diamond White), เทา (Space Gray) โดยเริ่มจำหน่ายในประเทศไทยก่อน แล้วจะขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังประเทศอื่น ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รัสเซีย และออสเตรเลีย
แกะกล่องยลโฉมดีไซน์ หรูหรา ทนทาน และทันสมัย
ครั้งแรกที่ได้สัมผัส เห็นขอบตัวเครื่องแล้วนึกถึง iPhone 5s ผสมกับ Samsung Galaxy Note 4 แต่เมื่อดูดี ๆ ต้องยอมรับว่า ZTE จัดเต็มกับดีไซน์ให้สวยล้ำกว่าที่คิดไปมาก และไม่ซ้ำใคร
ขอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมสีเขียวมะนาว แต่ด้านหน้าเป็นสีขาว
ช่องต่อหูฟังและตำแหน่งของไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
กล้องหน้า มีระบุว่า 13 Mega AF ย้ำกันลืมว่ามีความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซล พร้อม Auto Focus ต่างจากรุ่นอื่นที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ ใช้กล้องหน้า 13 MP เหมือนกัน แต่จะไม่สามารถโฟกัสได้
ใต้จอภาพ มีปุ่ม Home ที่เป็นปุ่มจริง พร้อม Finger scan และมีสองปุ่ม Soft touch ขนาบซ้ายขวา มีไฟ LED สีน้ำเงิน บอกตำแหน่งในการสัมผัสสั่งงาน ดูดีทีเดียว
ด้านข้าง ดีไซน์บาง ตัดขอบอะลูมิเนียมให้มีความแวววาว ดูหรูหรา เนื้องานถือว่าประณีตดีมาก
ขอบปุ่ม Power และ Volume ก็แวววาวสวยงาม เป็นอะลูมิเนียมเช่นกัน
ถาดใส่ SIM card และ microSD card พร้อมเข็มจิ้ม
ดูจากเงาสะท้อนผิวกระจกหน้า จะเห็นว่าเป็นกระจกโค้ง 2.5D ทำความสะอาดคราบมันได้ง่าย ไม่มีฝุ่นตกค้าง ไม่มีร่อง
ขนาดพอดีมือ ไม่ใหญ่เกินไป พกพาสะดวก
ในระหว่างที่รอ Boot เครื่อง มาดูในอุปกรณ์กล่องกันบ้าง มีสาย USB และ Adapter
เข็มจิ้มถาด, แผ่นพับแนะนำการใช้งานเบื้องต้น และใบรับประกัน
มีไฟ LED แสดงสถานะที่มุมบนขวาของจอภาพด้วย
รองรับ 4G ทันที ไม่ต้องตั้งค่า APN เอง พร้อมแสดงอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลหรือ Transfer rate หน่วยเป็น Byte per second
การตัดขอบรอบตัวเครื่อง ทำได้ดี ไม่คมเกินไปจนบาดมือ
หน้าจอ IPS เกรดสูง ให้ความคมชัดมากระดับ Full HD บนจอภาพขนาดไม่ใหญ่เกินไป ตัวอักษรจึงคมกริบ สีสันสดใสอย่างมาก สดกว่าหน้าจอชนิด AMOLED และคมเนียนมากกว่าจอชนิด AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD เท่ากัน มองเห็นความแตกต่างได้จริงด้วยตาเปล่า
ด้านหลังก็เป็นกระจกผิวโค้งเช่นกัน
กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และเลเซอร์ช่วยโฟกัสได้ดีในสภาวะแสงน้อย
กระจกหน้าหลัง ต้องระวังเหล็กคม ๆ ขูดขีด โดยเฉพาะกุญแจรถ จะทำให้เป็นรอยได้
หน้าจอสีดำสนิท ตัดแสงเงาสะท้อน ภาพชัดใสสไตล์ Clear Black
ด้านหน้า ดูทันสมัย คล้ายสมาร์ทโฟนขอบจอบาง หรือไร้ขอบ แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้น
ต้องยอมรับว่าทั้งวัสดุและดีไซน์ของ Blade S7 นั้น ดูดีเกินราคาจริง ๆ
ทดสอบประสิทธิภาพ
ทดสอบด้วย Antutu Benchmark ทำคะแนนได้ 36007 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ ตามประสิทธิภาพของ CPU Snapdragon 615 ที่ไม่ได้แรงทรงพลังสำหรับการเล่นเกม 3D แต่สำหรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นทั่วไป ก็ถือว่าเร็วลื่นดีพอใช้ได้
ซอฟต์แวร์
เนื่องจาก Launcher เดิม ๆ ของ ZTE ที่ติดมากับเครื่องนั้น ใช้งานได้ยาก ในการรีวิวครั้งนี้จึงขอปรับเปลี่ยนเป็น Nova Launcher เพื่อให้ใช้งานง่ายเหมือนกับ Android ดั้งเดิมตามที่ Google พัฒนาขึ้นมา หรือคล้ายกับ Google Nexus นั่นเอง
Quick settings สามารถปรับเปลี่ยนปุ่มลัดได้ใจชอบ
จดโน้ตแปะบนหน้า Home screen ได้เลย | มีระบบเดารายชื่อที่กำลังจะโทรออก
App drawer รวมแอปพลิเคชั่นที่ส่วนใหญ่ติดมากับเครื่อง
Gallery และเมนูตั้งค่าหลักของตัวเครื่อง
ปรับขนาดตัวอักษรและความเข้มของสีหน้าจอได้ในเมนู Display
ปรับตำแหน่งปุ่มสั่งงานใต้จอภาพได้ | ลูกเล่นสั่งงานด้วยท่าทางก็มีให้ใช้มากมาย
ROM 32GB เหลือใช้ใช้งานได้อีก 26GB | ตั้งเวลาเปิดปิดเครื่องอัตโนมัติได้
ตั้งค่าการสั่งงานด้วย Finger scan ใช้สำหรับซ่อนภาพถ่ายได้ด้วย ถ้าไม่สแกนนิ้วมือเจ้าของเครื่องก่อน ก็มองไม่เห็นภาพลับเฉพาะ
มาพร้อมกับ Android 5.1.1 ที่อาจจะมีอัพเดตปรับปรุงแก้ไขในอนาคต
กล้องถ่ายภาพ
เนื่องจากว่า ZTE Blade S7 เน้นจุดขายเรื่องกล้องเป็นพิเศษ จึงต้องมาดูกันหน่อย ว่ามีลูกเล่นอะไรน่าสนใจกันบ้าง
UI ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้หลายแบบ
ปิดเสียงชัตเตอร์ได้, กดปุ่ม Home สองครั้งเร็ว ๆ เพื่อเข้ากล้องอย่างรวดเร็วได้, เลือกใช้ปุ่ม Volume เป็นปุ่ม Shutter หรือใช้ Zoom ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง, ถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse ได้ด้วย ถือเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจและใช้ประโยชน์ได้จริง
ปรับขนาดและสัดส่วนภาพถ่ายได้หลากหลาย
สั่งถ่ายภาพด้วยเสียงได้, ตรวจจับและโฟกัสใบหน้าอัตโนมัติ, กดชัตเตอร์ได้ด้วยการสัมผัสหน้าจอในตำแหน่งใดก็ได้, โหมด Beauty ปรับได้ 5 ระดับ
สั่งถ่ายภาพอัตโนมัติทันทีที่ยิ้มหรือชูสองนิ้วได้
มี Effect มากมายให้เลือกใช้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
บทสรุป
จากการทดสอบใช้งานจริงมากว่า 3 สัปดาห์ ZTE Blade S7 มีจุดที่น่าประทับใจหลายอย่าง เป็นสมาร์ทโฟนระดับ Mid-End ที่ดีเพียงพอที่จะใช้งานยาว ๆ 1-2 ปีได้สบาย ให้ความสนุกในการถ่ายภาพ รองรับ 4G ในราคาไม่แพง
สิ่งที่ประทับใจ
- หน้าจอสีสดมาก ตัวอักษรคมกริบ แสดงภาพถ่ายและชมภาพยนตร์ได้ภาพที่สวยงามมาก
- ตัวเครื่องสวยงาม ใช้วัสดุที่ดี ผลิตด้วยความประณีต ดูหรูหราเกินราคา
- กล้องถ่ายภาพ น่าประทับใจทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีลูกเล่นในการถ่ายภาพ
- กล้องหน้าในโหมด Beauty ให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพและสมจริง ดูเป็นธรรมชาติ
- พกพาสะดวก ขนาดเหมาะมือ
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องค่อนข้างร้อนเร็วเมื่อเล่นเกม
- ควรติดฟิล์มกันรอย โดยเฉพาะด้านหลัง
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
Leave a Reply