รีวิว vivo V15 Pro จอใหญ่ไร้ขอบ Ultra FullView กล้องหน้า Pop-up คมชัด 32MP กล้องหลัง AI Triple Camera สแกนนิ้วฝังใต้จอ บอดี้ไล่เฉดงดงาม ราคาเข้าถึงง่าย!
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ ก็เปิดตัวออกมาแล้วอย่างเป็นทางการในไทยสำหรับ vivo V15 และ vivo V15 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล V Series โดยชูจุดเด่นหน้าจอไร้ขอบที่แท้จริง Ultra Fullview Display และกล้องหน้าแบบ Pop-up เลื่อนได้อัตโนมัติที่มาพร้อมความละเอียดสูงที่สุดในโลก 32MP ผสานกับ AI Triple Camera กล้องหลัง 3 ตัว สเปคการใช้งานที่ครบครันนวัตกรรมตอบโจทย์ และมีปุ่มกดเรียกใช้งาน Jovi ผู้ช่วยส่วนตัวอันชาญฉลาด ที่เข้าใจความต้องการและคอยให้ความช่วยเหลือผู้ใช้งานได้ดียิ่งกว่าเดิม
สำหรับ vivo V15 มาพร้อมขุมพลัง Helio P70 แรม 6GB ความจุ 128GB จอใหญ่ 6.53 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ กล้องหน้า Pop-up ความละเอียด 32MP กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 24MP + 8MP + 5MP รัน Android 9.0 ครอบทับ Funtouch OS 9 แบตอึด 4000 mAh รองรับชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง สนนราคา 10,999 บาท
vivo V15 เปิดให้ Pre-order ตั้งแต่วันที่ 16-27 มีนาคม 2562 และจะวางจําหน่ายในวันที่ 28 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Topaz Blue (น้ําเงิน-ฟ้า), Glamour Red (แดง)
ขณะที่ vivo V15 Pro มาพร้อมขุมพลัง Snapdragon 675 AIE แรม 6GB คู่ความจุ 128GB จอใหญ่ 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีสแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล กล้องหน้า Pop-up ความละเอียด 32MP กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 48MP + 8MP + 5MP รัน Android 9.0 ครอบทับ Funtouch OS 9 แบตอึด 3700 mAh รองรับชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging สนนราคา 14,999 บาท
vivo V15 Pro เปิดให้ Pre-Order แล้วตั้งแต่วันที่ 1-8 มีนาคม 2562 และจะเริ่มวางจําหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 มีนาคม 2562 โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Topaz Blue (น้ำเงิน-ฟ้า), Coral Red (แดง-ส้ม)
ซึ่งในวันนี้ทาง ninethaiphone มีรีวิว vivo V15 Pro ตัวเครื่องสี Topaz Blue มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน โดยตัวเครื่องมีการไล่เฉดตั้งแต่โทนสีเข้มไปยังสีอ่อนสวยงามมาก ดูหรูหรามีระดับ พูดแล้วอย่ารอช้า เราไปชมรายละเอียดรีวิวทั้งหมดกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค vivo V15 Pro
Features | vivo V15 Pro |
วันเปิดตัว : | – กุมภาพันธ์ 2562 |
ราคา : | – 14,999.- (ณ วันที่ 1 มี.ค. 62) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 9.0 (Pie) ครอบทับ Funtouch 9.0 |
หน้าจอ : | – Super AMOLED |
– Ultra Fullview Display | |
– ขนาด 6.39 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1080×2340 พิกเซล | |
– อัตราส่วน 19.5:9 | |
– Multitouch | |
CPU : | – Snapdragon 675 AIE แบบ Octa Core ความเร็ว 2.0GHz |
GPU : | – Adreno 612 |
RAM : | – 6GB |
ROM : | – 128GB |
– microSD Card สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 48MP + 8MP + 5MP (Triple Camera) |
– เลนส์หลัก + Super Ultra Wide + Depth Sensor | |
– ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.2 + f/2.4 | |
– LED flash | |
– AI Camera | |
– AI Face Beauty | |
– AI Body Shaping | |
– PDAF | |
– HDR | |
– panorama | |
กล้องหน้า : | – 32MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– HDR | |
Video : | – 2160p@30fps, 1080p@30fps |
Battery : | – 3700 mAh สนับสนุน Dual-Engine Fast Charging |
ขนาด : | – 157.3×74.7×8.2 มม. |
น้ำหนัก : | – 185 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac |
– Bluetooth 5.0 | |
– OTG | |
– microUSB 2.0 | |
– 3.5mm jack | |
GPS : | – GPS |
– A-GPS | |
– GLONASS | |
– BDS | |
Sensor : | – Fingerprint Under Display (5th Generation) |
– Face Access | |
– Accelerometer | |
– Ambient light | |
– Gyroscope | |
– Proximity | |
– Compass | |
สี : | – Topaz Blue |
– Ruby Red |
แกะกล่อง vivo V15 Pro
vivo V15 Pro บรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดโทนสีขาว หน้ากล่องมีโลโก้แบรนด์ vivo และชื่อรุ่น V15 Pro ระบุไว้เด่นชัด มุมขวาบนมีข้อมูลของ RAM และ ROM คาดสีทองระบุไว้ หน้ากล่องมีภาพดีไซน์ตัวเครื่องสี Topaz Blue ที่เผยให้เห็นหน้าจอไร้ขอบ ฝังสแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล (5th Generation) และมีกล้องหน้าแบบ Pop-up ส่วนด้านหลังมาพร้อมกล้องถ่ายภาพ 3 ตัว จัดวางในแนวตั้ง ตัวเครื่องมีการไล่เฉดสีสวยงามเผยบนหน้ากล่องแบบชัดๆ
ส่วนด้านหลังกล่องมีการชูสเปคเด่นๆ เอาไว้ 4 อย่าง ได้แก่ หน้าจอ Ultra Fullview Display, กล้องหลัง AI Triple Camera, กล้องหน้าแบบ Pop-up ความละเอียดสูง 32MP และฝังสแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล รวมถึงมีข้อมูลโมเดลเครื่อง เลข IMEI และตัวเลือกสี ระบุไว้ด้วย
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– vivo V15 Pro ตัวเครื่องสี Topaz Blue
– หูฟังสมอลทอล์ค
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ รองรับ Fast Charging
– สาย USB
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– คู่มือการใช้งาน
– ฟิล์มกันรอย (ติดมาแล้วกับตัวเครื่อง)
– เคสกันรอยแบบใสขอบพลาสติกสีดำ
ตัวเครื่องด้านหลังเมื่อสวมใส่เคส ด้านข้างเป็นกรอบยางสีดำกันกระแทก เคสเป็นพลาสติกแบบใสทำให้ยังเห็นความสวยงามของตัวเครื่องอยู่ค่ะ
บริเวณเลนส์กล้อง เคสกันรอยมีการเว้นช่องว่างไว้สำหรับเลนส์กล้องทั้ง 3 ตัว ขอบยกสูงทำให้เวลาวางเครื่องนอนกับพื้นจะไม่กระทบกับเลนส์กล้อง
ตัวเครื่องด้านหน้าเมื่อสวมใส่เคส ส่วนบนมีการเว้นช่องไว้สำหรับเลนส์กล้องหน้าแบบ Pop-up และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ส่วนด้านล่างมีช่องลำโพงเสียง และช่องเสียบสายชาร์จที่มีชิ้นส่วนปิดกันฝุ่นเข้าด้วย
เวลาเปิดใช้งานกล้องหน้า ก็จะเด้งขึ้นมาพอดีกับช่องเคสที่เว้นไว้เลยค่ะ
ทำความรู้จัก vivo V15 Pro
ด้านหน้า vivo V15 Pro มาพร้อมจอไร้ขอบอย่างแท้จริง ที่กว้างเต็มสายตาแบบ Ultra Fullview Display เป็นจอ Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว หน้าจอแทบจะปริ่มไปกับขอบของสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ โดยมีพื้นที่ใช้งานมากถึง 91.64% ให้ภาพที่เต็มตา เพลิดเพลินไปกับการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียลมีเดีย ได้แบบกว้างเต็มตา ครบทุกอรรถรส
ด้านบนไร้รอยบาก ไร้รูกล้อง ปราศจากสิ่งกีดขวางสายตาใดๆ ในอัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 ขอบกระจกโค้ง 2.5D และมีการซ่อนเซ็นเซอร์ต่างๆ ไว้ภายใต้หน้าจอด้วย
ขอบด้านบนมีช่องลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา ติดตั้งไว้โดยที่ไม่กีดขวางการใช้งานของจอแสดงผล
ด้านหน้าส่วนบน จัดเต็มด้วยกล้องหน้าแบบ Pop-up เลื่อนได้แบบอัตโนมัติ (Elevating Front Camera) ความละเอียด 32MP ซึ่ง vivo ถือเป็นแบรนด์แรกของโลกเลยก็ว่าได้ที่พัฒนานวัตกรรมนี้ขึ้นมา และยังเป็นสมาร์ทโฟนกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
ส่วนเรื่องของความแข็งแรงทนทานของกล้องหน้า Pop-up ถือว่าสมบุกสมบันมีความเสถียรสูง เพราะผ่านการทดสอบการเลื่อนกล้องขึ้น-ลงแบบต่อเนื่องถึง 3 แสนครั้งทีเดียว
ด้านความรวดเร็วในการใช้งานต้องบอกเลยว่าทันใจภายในพริบตา กล้องหน้า Pop-up อาศัยแรงจาก Electric Motor ที่มีสปริงคอยผ่อนแรงที่ตัวยกอีกที สามารถเลื่อนขึ้น-ลงได้ในระยะเวลาเพียง 0.46 วินาที ไม่ว่าจะถ่ายภาพเซลฟี่ หรือใช้ฟีเจอร์ Face Access ปลดล็อคด้วยใบหน้า ที่มีการจดจำบนใบหน้ากว่า 1,024 จุด ก็สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วทันใจเลยค่ะ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ มีการเว้นขอบด้านล่างไว้เพียงเล็กน้อยแต่ไม่มีฟังก์ชันการใช้งานใดๆ
ด้านหลัง vivo V15 Pro มาพร้อมตัวเครื่องไล่ระดับเฉดสีสุดงาม โดยตัวเครื่องที่เราได้นำมารีวิวให้ชมกันเป็นตัวเครื่องสี Topaz Blue บอดี้ไล่เฉดสีเทอร์ควอยซ์และสีน้ำเงิน ซึ่งโทนสีเข้มจะอยู่ที่บริเวณส่วนบนและส่วนล่าง นอกจากนี้หากสังเกตดีๆ ยังมีลวดลายเป็นเส้นเล็กๆ ทำให้ดูเป็นเอกลักษณ์ และให้มุมมองสีที่แตกต่างเมื่อแสงตกกระทบ
ด้านหลังส่วนบน ประกอบด้วย AI Triple Camera กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48MP (เซ็นเซอร์หลัก) + 8MP (Super Ultra Wide) + 5MP (Depth Sensor) พร้อม LED flash ที่มาพร้อมโหมดถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ละเอียด และคมชัดแบบสุดๆ ซึ่งในตรงนี้เดี๋ยวเราค่อยไปทำความรู้จักกันในส่วนของกล้องและ Interface ค่ะ
บริเวณเลนส์กล้องหลังอยู่ในกรอบเหนือจากตัวเครื่องเพียงเล็กน้อย ส่วนของ AI Triple Camera ทั้ง 3 เลนส์ เราจะเริ่มกันที่เลนส์ล่างสุดกันก่อน โดยเป็นเซ็นเซอร์หลักความละเอียด 48MP ค่ารูรับแสง f/1.8 พิกเซล 1.6μm ถัดขึ้นมาเป็นเลนส์ Super Ultra Wide เลนส์กว้าง 120 องศา คั่นด้วยไฟแฟลช LED ส่วนเลนส์ด้านบนสุดเป็น Depth Sensor ที่มีความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง f/2.4
ด้านหลังส่วนล่าง มีโลโก้แบรนด์ vivo ปรากฏอยู่ และเห็นกันแบบชัดๆ ถึงลวดลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของ vivo V15 Pro
ด้านบนตัวเครื่อง พบรูไมโครโฟน, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และกล้องหน้าแบบ Pop-up ที่สามารถเก็บซ่อนไว้ในตัวเครื่องเมื่อไม่ได้ใช้งาน และจะเด้งขึ้นมาจากด้านบนเมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้าค่ะ
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ลำโพงเสียง, ช่องเสียบพอร์ต micro USB, รูไมโครโฟน และช่องใส่ซิมการ์ด
โดย vivo V15 Pro รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Nano SIM)
ด้านซ้ายตัวเครื่อง มีปุ่มเรียกใช้งานผู้ช่วยส่วนตัว Google Assistant และช่องใส่ microSD Card ที่รองรับสูงสุด 256GB
โดยช่องใส่ microSD Card จะอยู่เหนือปุ่มเรียกใช้งาน Google Assistant
นั่นหมายความว่า vivo V15 Pro นั้นสามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด ได้พร้อมๆ กับ microSD Card ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
ด้านขวาตัวเครื่อง มีปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด-ปิดการใช้งานตัวเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง
โดยปุ่มปรับระดับเสียงเป็นแถบยาวๆ อยู่เหนือปุ่มพาวเวอร์
การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ด้านขวาตัวเครื่องค่ะ
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ vivo V15 Pro ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 675 AIE แบบ Octa Core ความเร็ว 2.0GHz มีหน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 612 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) ครอบทับ Funtouch 9.0 เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 178262 คะแนน
สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ vivo V15 Pro ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล vivo 1818, รันระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) ครอบทับ Funtouch 9.0, ใช้ชิปเซ็ต Sm6150 ซึ่งเป็นรหัสของ Snapdragon 675, หน้าจอความละเอียด 2340×1080 พิกเซล, แบตเตอรี่ 3700 mAh, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 2334MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 99.75GB เป็นต้น
รองรับ Game Cube ผู้ช่วยจัดการเกมเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมสุดมันส์ต่อเนื่องไม่มีสะดุด โดยสามารถเปิดใช้งานตั้งค่ารายละเอียดอื่นๆ ระหว่างเล่นเกม เช่น การโทรเบื้องหลัง ที่สามารถคุยโทรศัพท์ระหว่างเล่นเกมได้, การปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ, ปฏิเสธสายเรียกเข้า, โหมด E-sport หรือการปิดใช้งานปุ่ม AI เป็นต้น การใช้งานให้ไปที่การตั้งค่า >> Game Cube เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันเพิ่มเติมค่ะ
การเรียกใช้งาน Game Cube ก็ทำได้ง่ายๆ เลยค่ะ ให้สไลด์หน้าจอด้านซ้ายไปทางขวา จะปรากฏแถบการใช้งานต่างๆ ขึ้นมา โดยเป็นการเอาใจเหล่าเกมเมอร์ด้วยการอัพเกรดเกมโหมด 5.0 ที่มาพร้อมกับ Competition Mode โฉมใหม่ที่ จัดสรรในส่วนทรัพยากรระบบเพื่อจัดลําดับความสําคัญของเพอร์ฟอร์แมนซ์เกม และทวินเทอร์โบที่ช่วยลดปัญหาภาพกระตุกได้มากถึง 300% และทําให้เกมไหลลื่นแบบสุดๆ
ส่วนการใช้งาน YouTube สามารถกางหรือบีบนิ้วเพื่อปรับให้ภาพพอดีกับหน้าจอได้ค่ะ ซึ่งการขยายจนเต็มหน้าจอจะเป็นการซูมภาพเข้าจนไม่เหลือขอบด้านข้างและเห็นภาพได้ใกล้ตามากยิ่งขึ้น
ส่วนขนาดมาตรฐานจะยังคงเหลือขอบด้านข้างอยู่เพียงเล็กน้อย
จากการทดสอบทางทีมงานได้ลองเล่นเกม PUBG Mobile พบว่า vivo V15 Pro สามารถเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น ไม่หน่วง ไม่กระตุก ระบบทัชสกรีนลื่น ปรับเฟรมเรทอยู่ที่ระดับกลางภาพกราฟิกสวย จอคมชัด มุมมองแบบเต็มหน้าจอไร้ขอบ หน้าจอใหญ่กว้างเต็มตา เล่นได้อย่างเต็มอรรถรสทั้งประสิทธิภาพความลื่นไหล ภาพกราฟิก ความคมชัด และระบบเสียง
Interface
หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน แต่หากลงทะเบียนลายนิ้วมือแล้วก็สามารถสแกนตรงไอคอนลายนิ้วมือได้เลย นอกจากนี้ยังเข้าถึงกล้องถ่ายภาพที่มุมล่างขวา และโทรศัพท์ที่มุมล่างซ้ายได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งหลังจากที่ปลดล็อกหน้าจอแล้วจะพาเข้าสู่หน้า Home screen โดยมีมาให้จำนวน 2 หน้า และสามารถเพิ่มหน้าได้ภายหลัง สำหรับแอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องนั้นรองรับการใช้งานได้อย่างครบครัน
เมื่อกดค้างไปที่ปุ่มด้านซ้ายของตัวเครื่อง จะเป็นการเรียกใช้งาน Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ให้ใช้งานผ่านการสั่งงานด้วยเสียง ในส่วนของหน้า Home screen หากสไลด์ไปทางขวาเป็น Jovi Smart Scene สามารถรับข้อมูลข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นพยากรณ์อากาศ ตารางนัดหมาย หรือแม้กระทั่งการแจ้งเตือนต่างๆ แต่หากปัดหน้าจอด้านบนลงจะเป็นเมนูแถบแจ้งเตือนต่างๆ
หากสไลด์หน้าจอด้านล่างขึ้นจะพาเข้าสู่หน้า Quick Settings ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และปรากฏแอปฯ ที่เพิ่งใช้งานไปล่าสุดด้วย
หากต้องการย้ายตำแหน่งหรือลบแอปฯ ภายในเครื่อง ก็สามารถทำได้ด้วยการกดค้างไปที่ไอคอนแอปฯ บนหน้าจอ จากนั้นก็ทำการเลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ หรือกดกากบาทลบได้เลย
เมนูการตั้งค่าภายในตัวเครื่อง
จอแสดงผลรองรับการปรับตั้งค่าตัวกรองแสงสีฟ้าได้ที่โหมดถนอมสายตา เพื่อถนอมสายตาระหว่างใช้งานยามค่ำคืน หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล และสามารถปรับอุณหภูมิความเข้มของโทนสีเหลืองได้เองอีกด้วย โดยตั้งเป็นกำหนดเวลา หรือเปิดใช้งานทันทีก็ได้ค่ะ
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ vivo V15 Pro รองรับฟีเจอร์ Face Access หรือระบบจดจำใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล (5th Generation) ซึ่งก่อนที่จะเปิดใช้งานต้องลงทะเบียนตั้งค่ารหัสผ่านเป็นตัวเลข Pin หรือรูปแบบก่อน
เริ่มกันที่ระบบจดจำใบหน้า ลงทะเบียนด้วยการถือเครื่องสมาร์ทโฟนให้ห่างจากใบหน้าราว 20-50 ซม. และควรหลีกเลี่ยงการบันทึกใบหน้าในที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไป หลังจากที่ลงทะเบียนใบหน้าเสร็จสมบูรณ์ สามารถใช้ปลดล็อคได้ง่ายๆ ด้วยการกดไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องเพื่อปลุกหน้าจอ จากนั้นปัดหน้าจอขึ้น เพียงเท่านี้กล้องหน้า Pop-up ก็จะเด้งขึ้นมาสแกนใบหน้าเรา และปลดล็อกตัวเครื่องในเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังไว้ใต้จอแสดงผล ลงทะเบียนด้วยการกดทาบนิ้วไปที่ไอคอนลายนิ้วมือจอแสดงผล ส่วนการใช้งานก็ง่ายๆ หากปรากฏไอคอนลายนิ้วมือบนหน้าจอก็สามารถทาบนิ้วของเราสแกนปลดล็อคได้เลยค่ะ
สำหรับ Jovi ผู้ช่วยอันชาญฉลาด เพียงแค่เข้าไปที่โหมดตั้งค่าเลือก Jovi และเปิดใช้งาน เท่านี้ก็สามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย ทั้งการใช้งานกล้องถ่ายภาพอัจฉริยะ, การจดรูปภาพ, การจำแนกสถานการณ์ต่างๆ และการใช้งานปุ่มกดอัจฉริยะอย่าง Google Assistant
Game Cube ให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับสุดยอดประสบการณ์ของการเล่นเกม เป็นระบบปิดกั้นการรบกวนในขณะที่เล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นการตัดเสียงรบกวนจากสายโทรเข้า หรือข้อความที่เข้ามา ทำให้ผู้ใช้สนุกกับเกมได้ถึงขีดสุด ทั้งช่วยให้เล่นเกมเป็นไปอย่างราบรื่น และลด frame-drop ถึง 300% นอกจากนี้ยังสามารถเปิดแอปฯ สนทนาในหน้าต่าง Easy Touch ได้อีกด้วย
โหมดมอเตอร์ไซค์ สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนร่วมกับมอเตอร์ไซค์เป็นประจำเพื่อความปลอดภัยจากอุบัติเหตุอีกด้วย โดยมีการตั้งค่าปฏิเสธสายแบบอัตโนมัติ, ตอบกลับอัตโนมัติด้วย SMS, ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ หรือประเมินความเร็วก่อนการรับสาย เป็นต้น
รองรับการโคลนแอปฯ ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอปฯ แชทได้พร้อมกัน 2 บัญชี ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการล็อกอินหลายบัญชีค่ะ
โหมดจัดการพลังงานแบตเตอรี่ เปิดใช้งานโหมดสิ้นเปลืองพลังงานช่วยเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหลือน้อย, โหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงที่เปิดใช้งานเฉพาะรายชื่อ โทรศัพท์ ข้อความ และนาฬิกาปลุกเท่านั้น
การตั้งค่าเพิ่มเติม, หน้าแสดงข้อมูลหน่วยความจำ และการอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชันล่าสุด
EasyTouch เครื่องมืออำนวยความสะดวกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเป็นปุ่มลอยตัว คล้ายๆ กับ Assistive Touch ของ iPhone รองรับ Face Beauty ระหว่างสนทนาทางวิดีโอผ่านแอปฯ ที่รองรับการใช้งาน ถัดมาเป็นหน้าจัดการไฟล์ในตัวเครื่อง
การใช้งานอัจฉริยะ เป็นการเปิดการใช้งานฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เพื่อปลุกหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น SmartWake การวาดตัวอักษรที่กำหนดผ่านหน้าจอที่กำลังสลีป, ใช้งานโดยไม่สัมผัส, เปิด/ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ, การโทรอัจฉริยะ, เขย่าเพื่อเปิดไฟฉาย, ซูมโดยการเอียงโทรศัพท์, การเตือนอัจฉริยะ และมีโหมดการใช้งานมือเดียวอีกด้วย
การสะท้อนอัจฉริยะ ทั้งวิดีโอ เพลง รูปภาพ และไฟล์สื่อ สามารถสะท้อนไปยังอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อเล่น และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับโทรทัศน์ได้ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
รองรับ Smart Split เวอร์ชันล่าสุด ฟังก์ชั่นนี้ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอปฯ ได้หลายแอพฯ เช่น Facebook, WhatsApp, LINE, WeChat, YouTube ได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว เพียงใช้ 3 นิ้ว ลากลงมาที่หน้าจอ ก็สามารถแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ส่วน ให้ผู้ใช้งานได้สนุกทั้งความบันเทิง และการแชทได้อย่างอิสระ
รองรับการใช้งานมือเดียว จับภาพหน้าจอแบบพิเศษ และเริ่มต้นการใช้งานด่วนเพียงกดค้างไปที่ปุ่มลดระดับเสียงค้างไว้
iManager เป็นการจัดการพื้นที่ต่างๆ ภายในเครื่องให้ลื่นไหลขึ้น ด้วยการล้างข้อมูลขยะต่างๆ ในตัวเครื่อง หรือตั้งค่าการรับส่งข้อมูล รายละเอียดของข้อมูล รวมไปถึงการตั้งค่าเกี่ยวกับการใช้บริการเครือข่ายด้วยค่ะ
EasyShare แอปฯ ช่วยให้การแบ่งปันง่ายขึ้นขึ้น หรือการย้ายข้อมูลจากมือถือเครื่องเก่าไปยัง vivo เครื่องใหม่ในขั้นตอนง่ายๆ รวมถึงแบ่งปันไฟล์ข้ามแพลตฟอร์มต่างๆ หลากหลายรูปแบบได้ด้วย
โทรศัพท์, ข้อความ และเว็บเบราว์เซอร์
เครื่องมือการใช้งานมีมาให้ครบครัน เริ่มต้นที่ เครื่องคิดเลข, เครื่องบันทึกเสียง
เข็มทิศ, แอปฯ vivo.com, วิทยุ FM
แอปฯ Google Duo ใช้งานวิดีโอคอลหาครอบครัว เพื่อน และคนอื่นๆ ได้ การโทรจะเข้ารหัส ให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้และคนที่โทรหา, สมุดโน๊ตจด เขียน และแทรกรูปภาพได้ โดยโหมดเครื่องมือสามารถเพิ่มเติมแอปฯ ที่ต้องการได้ด้วย
ปฏิทิน, นาฬิกาปลุก, ตั้งค่าธีม
ศูนย์รวมแอปฯ Google มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ หรือยูทูป เป็นต้น และเพื่อนๆ สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการได้จาก Play Store ถัดมาเป็น V-Appstore โหลดแอปฯ ที่ต้องการได้เช่นเดียวกัน
แอปฯ สภาพอากาศ, vivo Cloud สามารถสำรองข้อมูล ผู้ติดต่อ ข้อความ และ
โหมดสำหรับเด็ก ช่วยจำกัดเวลาในการใช้งาน ล็อคแอปฯ ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ ถัดมาเป็น iReader แหล่งรวมหนังสือ e-book ที่น่าอ่าน
vivo V15 Pro รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวด้วยโปรแกรมคู่ ใช้เวลาในการชาร์จเพียงไม่นาน และหากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องก็จะเป็นการเปิด-ปิด และรีสตาร์ทตัวเครื่องค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้ากันเลย โดยกล้องหน้าของ vivo V15 Pro เป็นแบบ Pop-up มาพร้อมความละเอียด 32MP ซึ่ง vivo ถือเป็นแบรนด์แรกของโลกเลยก็ว่าได้ที่พัฒนานวัตกรรมนี้ขึ้นมา และยังเป็นสมาร์ทโฟนกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงที่สุดในโลกอีกด้วย มาพร้อมค่ารูรับแสง f/2.0 และเซ็นเซอร์ HDR
มีโหมดการใช้งานมากมาย ได้แก่ โหมดถ่ายภาพพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง, โหมด AI ใบหน้าสวย หรือ AI Face Beauty ที่รองรับการตั้งค่า HDR, เปิดไฟแฟลช LED, มีฟีเจอร์ AI Portrait Lighting เอฟเฟ็กต์แสงถ่ายภาพบุคคล, ตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, มีฟิลเตอร์สี และปรับค่าใบหน้าสวยต่างๆ ได้เองตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น ผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับความขาว, หน้าเรียว, ปรับรูปหน้า, กราม, ดวงตากลมโต, ช่วงตา, หน้าผาก, ปรับรูปจมูก, ความเรียวของจมูก และรูปปาก เรียกได้ว่าครบครันสุดๆ สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบภาพเซลฟี่
ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพปกติ มีโหมด Live Photo เพิ่มเข้ามา, โหมดบันทึกวิดีโอความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD กับระดับสูงสุด Full HD รองรับโหมด AI Beauty ปรับใบหน้าสวยและ AI Body Shaping ปรับรูปร่าง ท้ายสุดจะเป็นโหมดเซลฟี่สุดน่ารักแบบ AR มีสติ๊กเกอร์เพิ่มความน่ารักให้แก่ภาพถ่าย และหากกดปุ่มถ่ายภาพค้างไว้ก็จะเป็นการบันทึกวิดีโอค่ะ
สำหรับฟีเจอร์ AI Body Shaping เปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาได้ดีทีเดียว โดยเป็นนวัตกรรมถ่ายภาพสุดล้ำที่สามารถปรับแต่งรูปร่างทุกสัดส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เอว สะโพก และรูปขาออกมาได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ โดยมีให้เลือกปรับแบบเต็มตัว เฉพาะศีรษะ, ไหล่, เอว, ทำให้สูงขึ้น, ปรับช่วงขา และช่วงสะโพก
มาต่อกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหลังกันเลย โดยกล้องหลังของ vivo V15 Pro เป็น AI Triple Camera กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 48MP (เซ็นเซอร์หลัก) + 8MP (Super Ultra Wide) + 5MP (Depth Sensor) ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.2 + f/2.4 มีโหมดการใช้งาน ได้แก่ โหมด DOC ตั้งเวลาในการถ่ายภาพได้, โหมดมืออาชีพที่สามารถปรับตั้งค่า White Balance, การควบคุมค่าแสง, ตั้งค่าขนาดรูรับแสง, ความไวชัตเตอร์ และ Auto Focus ได้ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพได้ง่ายๆ ด้วยการกดไปที่เฟืองด้านบน
โหมดถ่ายภาพพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง, โหมดถ่ายภาพกลางคืน หรือ AI Super Night Mode ที่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ละเอียดและคมชัด ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาการถ่ายภาพในที่มืดและภาพสั่น, โหมด AI ใบหน้าสวย หรือ AI Face Beauty รองรับการเปิดไฟแฟลช LED, HDR, ปรับหน้าสวยเนียนดังใจ, ตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, ฟิลเตอร์สี, ถ่ายภาพบุคคล, ถ่ายภาพมุม Wide เลนส์กว้างขึ้น เก็บรายละเอียดได้เยอะ ไม่ตกเฟรม และมีเอฟเฟ็กต์ AI Portrait Lighting แสงสำหรับถ่ายภาพบุคคล โดยมีให้เลือกถึง 6 เอฟเฟกต์ ได้แก่ แสงธรรมชาติ, ไฟสตูดิโอ, ไฟสเตอริโอ, ลูปไลท์, แสงรุ้ง และภาพพื้นหลังแบบขาวดำ
โหมดถ่ายภาพกลางคืน หรือ AI Super Night Mode ตัวช่วยดีๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเก็บภาพถ่ายในยามค่ำคืน หรือสภาวะแสงน้อย แก้ปัญหาภาพสั่น และเกิด noise เยอะ
โหมดถ่ายภาพมุม Wide ช่วยให้กล้องเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้กว้างขึ้นกว่า 120 องศา
ด้าน AI Face Beauty รองรับการปรับแต่งใบหน้าสวย สามารถเลือกปรับได้ทั้ง ผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับความขาว, หน้าเรียว, ปรับรูปหน้า, กราม, ดวงตากลมโต, ช่วงตา, หน้าผาก, ปรับรูปจมูก, ความเรียวของจมูก, รูปปาก และการปรับรูปร่าง AI Body Shaping โดยมีให้เลือกปรับแบบเต็มตัว เฉพาะศีรษะ, ไหล่, เอว, ทำให้สูงขึ้น, ปรับช่วงขา และช่วงสะโพกเช่นเดียวกัน รวมถึงรองรับ Jovi ผู้ช่วยอันชาญฉลาดที่สามารถใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านการสแกน
สำหรับกล้องของ vivo V15 Pro ที่รองรับ Jovi ผู้ช่วยอันชาญฉลาด เป็นเทคโนโลยี AI ของ vivo ที่ได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับจากผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่เข้าใจความต้องการและความปรารถนาของผู้ใช้งานได้ดียิ่งกว่าเดิม ผู้จดจํารูปภาพ Jovi โฉมใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนการทํางานด้วยเทคโนโลยี AI สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเมนสตรีมได้กว่า 100 แพลตฟอร์มอย่าง Shopee และ Zalora
โดย Jovi สามารถค้นหาสินค้า ต่างๆ ผ่านระบบข้อมูลได้ถึงกว่า 500 ล้านชิ้น ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านการสแกน แค่นี้ Jovi ก็สามารถระบุสถานที่ที่จําหน่ายผลิตภัณฑ์ที่กําลังค้นหาได้อย่างง่ายดาย นับเป็นการอํานวยความสะดวก และยกระดับการช้อปปิ้งให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยนวัตกรรม AI แห่งอนาคต
การใช้งาน Jovi นั้นง่ายและรวดเร็วเพียงปลายนิ้ว เพียงแค่ผู้ใช้งานกดปุ่ม Smart Button ที่อยู่ด้านข้างของ V15 Pro โดยเริ่มจากการเปิดใช้งาน Google Assistant และเรียก Jovi Image Recognizer ให้เริ่มทํางาน เพียงเท่านี้ Jovi ก็จะถูกปลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้ใช้งาน และที่พิเศษสุดๆ คือทาง vivo ยังได้พัฒนานวัตกรรมจดจํารูปภาพร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง Google
ทําให้ V15 Pro มีเสียงสั่งการที่ปรับเปลี่ยนได้เพื่ออํานวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคําสั่งใช้งาน AI Face Beauty สั่งเคลียร์เมมโทรศัพท์ หรือสั่งค้นหารูปภาพอาหารในโทรศัพท์ก็จะตอบรับคําสั่งอย่างรวดเร็วทันใจค่ะ
พร้อมรองรับการถ่ายภาพบุคคลในระยะ 2 เมตร ถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพปกติ ที่รองรับการถ่ายภาพเหมือนโหมด AI ใบหน้าสวย แต่เพิ่มการถ่ายภาพ Live Photo เข้ามาด้วย ส่วนโหมดบันทึกวิดีโอความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD, Full HD กับระดับสูงสุด 4K รองรับโหมด AI Beauty ปรับค่าความสวยเนียนใบหน้าสวยและการปรับรูปร่างได้ด้วยเช่นกัน
ถัดมาเป็นโหมดเซลฟี่สุดน่ารักแบบ AR ช่วยเพิ่มความน่ารักให้แก่ภาพถ่ายด้วยสติ๊กเกอร์ สามารถจับโฟกัสใบหน้าได้ไว มีสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ให้เลือกใช้งานเพียบ พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปชมตัวอย่างภาพถ่ายของ vivo V15 Pro กันเลยค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก vivo V15 Pro
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Wide
โหมด Wide ถ่ายภาพมุมกว้างเป็นพิเศษ ช่วยให้สามารถถ่ายภาพระยะไกลได้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดกลางคืน
โหมดถ่ายภาพกลางคืน รูรับแสงกว้างถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี ภาพมีความคม เห็นแสงสีชัดเจน
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก vivo V15 Pro
สำหรับกล้องหน้าของ vivo V15 Pro มีความละเอียด 32MP ค่ารูรับแสง f/2.0 มาพร้อมระบบปรับผิวสวยเนียน AI Beauty เลือกปรับใบหน้าสวยได้เองตามต้องการ โดยมีให้เลือกปรับทั้ง ค่าผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับผิวขาว, หน้าเรียว, รูปหน้า, กราม, ตาโต, ช่วงตา, หน้าผาก, ปรับรูปทรงจมูก, จมูกเรียว และรูปปาก
อีกทั้งยังรองรับการเปิดใช้งาน HDR เอฟเฟ็กต์แสงถ่ายภาพบุคคล AI Portrait Lighting โดยมีให้เลือกถึง 6 เอฟเฟกต์ ได้แก่ แสงธรรมชาติ, ไฟสตูดิโอ, ไฟสเตอริโอ, ลูปไลท์, แสงรุ้ง และภาพพื้นหลังแบบขาวดำ ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ มีฟีเจอร์ Live Photo และฟิลเตอร์สีต่างๆ ส่วนวิดีโอกล้องหน้าสามารถบันทึกที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD รองรับ AI Beauty และ AI Body Shaping ปรับได้ทั้งใบหน้าสวยเนียนและการปรับรูปร่างเลยค่ะ
ซึ่งจากภาพตัวอย่างเลือกปรับทั้งหมดอยู่ที่ระดับมาตรฐาน ซึ่งจะมีจุดวงกลมขาวๆ ระบุไว้ค่ะ หากต้องการลดหรือเพิ่มก็เลื่อนปรับได้เลย ส่วนผลลัพธ์ที่ได้กล้องเซลฟี่มีความคมชัดมาก กล้อง Pop-up ทำงานว่องไว ระบบ AI Beauty และ AI Body Shaping เป็นตัวช่วยที่ดีในการถ่ายภาพเซลฟี่ กล้องสดก็สวย ระบบโฟกัสทำงานไว ภาพถ่ายโหมดเซลฟี่สุดน่ารักแบบ AR หรือภาพถ่ายโหมด Sticker มีให้เลือกใช้หลายลาย จับใบหน้าได้หลายคน เราไปชมตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่กันเลย
โหมดถ่ายภาพปกติ > โหมดถ่ายภาพ AI Beauty
เปิด AI Portrait Lighting แสงธรรมชาติ > โหมดเซลฟี่สุดน่ารักแบบ AR
สรุป
• ข้อแรกเลยคือราคาดีมากค่ะ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ล้ำๆ นวัตกรรมที่ทันสมัย และสเปคการใช้งานต่างๆ ตอนแรกคิดว่าจะเปิดตัวมาในราคาเกือบ 2 หมื่นบาทด้วยซ้ำ แต่เคาะราคามาเพียง 14,999 บาท เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
• vivo V15 Pro มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าแบบ Pop-up เลื่อนได้อัตโนมัติ (Elevating Front Camera) ที่ตอบสนองได้ฉับไวเพียง 0.46 วินาที ใช้วัสดุโลหะเข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้อง Pop-up มาพร้อมความละเอียดสูง 32MP ถ่ายภาพเซลฟี่ออกมาได้สวยโดนใจ
• หน้าจอไร้ขอบที่แท้จริงแบบ Ultra Fullview Display บนขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 มีสัดส่วนหน้าจอถึง 91.64% ใช้งานได้อย่างเต็มอรรถรส ไม่ว่าจะดูหนัง, ฟังเพลง, เล่นเกม, ท่องโลกโซเชียล
• เทคโนโลยีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล 5th Generation มีความแม่นยำ รวดเร็วเพียง 0.37 วินาที และปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมรองรับฟีเจอร์ Face Access ระบบจดจำใบหน้าที่ทำงานได้อย่างว่องไวจริงๆ
• AI Triple Camera กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48MP (เซ็นเซอร์หลัก) + 8MP (Ultra Wide) + 5MP (Depth Sensor) พร้อม LED flash พร้อมโหมด AI Super Night ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ละเอียดและคมชัดแบบสุดๆ กล้องโฟกัสไว ผสานการทำงานร่วมกับระบบ AI ที่ชาญฉลาด ทั้ง AI Portrait Lighting, AI Beauty ปรับใบหน้าสวย, ฟีเจอร์ล้ำๆ AI Body Shaping สำหรับปรับรูปร่าง และ AI Super Night Mode ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี
ด้านเซ็นเซอร์หลัก 48MP ค่ารูรับแสง f/1.8 พิกเซล 0.8μm เซ็นเซอร์ 1/2.25 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Four In-One Pixel ส่วนเลนส์กล้อง Super Wide-Angle นั้นสามารถเก็บภาพในมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้นถึง 120 องศา ค่ารูรับแสง f/2.2 ขณะที่ Depth Sensor ค่ารูรับแสง f/2.4 ถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายได้อย่างสวยงาม
• รูปลักษณ์ตัวเครื่องไล่เฉดสวยงามสไตล์ Spectrum Ripple บอดี้โดดเด่นไม่เหมือนใคร มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Topaz Blue และ Ruby Red ให้มุมมองสะท้อนที่แตกต่างเมื่อแสงตกกระทบ โดยตัวเครื่องค่อนข้างมีน้ำหนัก แต่สามารถพกพาได้สะดวก
• ประสิทธิภาพสเปคการใช้งานที่เหนือชั้น ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 675 AIE แบบ Octa Core ความเร็ว 2.0GHz จีพียู Adreno 612 แรม 6GB คู่ความจุ 128GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB
• แบตเตอรี่ความจุ 3700 mAh สนับสนุน Dual-Engine Fast Charging 22.5W ใช้เวลาในการชาร์จเพียงไม่นาน และสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการทดสอบทางทีมงานได้ลองเล่นเกม PUBG Mobile เป็นเวลาราวครึ่งชั่วโมง จากแบตเตอรี่ 100% ลดเหลือ 90% เท่านั้น ถือว่าทำออกมาได้ดี เครื่องไม่มีอาการร้อนแต่อย่างใด
• เล่นเกมได้อย่างราบรื่นและสนุกอย่างต่อเนื่องด้วย Game Cube มีการจัดสรรทรัพยากรพลังงานแบตเตอรี่ที่ดี ปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายเรียกเข้าหรือข้อความ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะสม เร่งความเร็วด้วย Dual-Turbo เล่นเกมได้สมูท และเปิดแอปฯ สนทนาในหน้าต่าง Easy Touch ได้อีกด้วย
• สนับสนุน Jovi Smarter AI อันชาญฉลาด และมีปุ่มเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัว Google Assistant ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง
• รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด พร้อมๆ ไปกับการใช้งาน microSD Card เนื่องจากมีช่องใส่ที่แยกจากกัน แต่จะไม่รองรับ NFC ซึ่งฟีเจอร์นี้มีเฉพาะใน ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และรัสเซีย เท่านั้น
• ท้ายสุดที่จะสรุปกันก็คือ ตัวเครื่องไม่กันน้ำ และยังคงใช้พอร์ต Micro USB อยู่ค่ะ
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– OPPO F9
– vivo V11
– Huawei nova 4
– Honor 10
– Samsung Galaxy A7 (2018)
– Samsung Galaxy A9 (2018)
– Xiaomi Mi 8
– Xiaomi Mi Mix 3
– Pocophone F1 (128GB)
ขอขอบคุณ บริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
Leave a Reply