รีวิว Vivo Nex 3 รุ่นท็อป Snapdragon 855+ จอใหญ่ไร้ปุ่ม Waterfall FullView ขนาด 6.89 นิ้ว กล้องหน้า Pop-Up กล้องหลัง 64MP แบตจุ 4500 mAh รองรับ FlashCharge
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ 🙂 ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วในประเทศไทย สำหรับ Vivo Nex 3 สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปที่มาพร้อมสโลแกน “Future Beyond Edges” จัดเต็มจอใหญ่ Waterfall FullView ดีไซน์ไร้ปุ่ม ไร้รอยบาก กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP ดีไซน์แบบ Lunar Ring Camera System มีเลนส์ Wide-Angle และ Telephoto ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบ Pop-Up คมชัด 16MP
ด้านข้างตัวเครื่องมีปุ่มสัมผัส Touch Sense ที่ทำงานบนมอเตอร์สั่นสะเทือน X-Axis Haptic ในตัวเครื่องมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 855+ แรม 8GB คู่ความจุ 128GB หน่วยความจำแบบ UFS 3.0 ชิปเสียง AK4377A ระบบเสียง Hi-Fi ฝังสแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล และแบตเตอรี่สุดอึด 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว FlashCharge กำลังไฟ 22.5W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
Vivo NEX 3 ราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 24,999 บาท ตัวเครื่องสี Glowing Night มาพร้อมรับประกันตัวเครื่อง 2 ปี ประกันหน้าจอแตกจำนวน 1 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี หากท่านใดสนใจสามารถหาซื้อได้ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, TrueMove H และ dtac รวมถึงตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ BaNANA, TG FONE, Jaymart, CSC, IT City, Big C และ IBIZ เป็นต้น
สำหรับวันนี้ทาง ninethaiphone มีรีวิว Vivo NEX 3 ตัวเครื่องสีดำ Glowing Night ดีไซน์รูปแบบใหม่เรียบหรูมีระดับ มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น เราไปชมรีวิวทั้งหมดกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค Vivo Nex 3
Features | Vivo NEX 3 |
วันเปิดตัว : | – กันยายน 2562 |
ราคา : | – 24,999.- (ณ วันที่ 11 ต.ค. 62) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 9.0 Pie ครอบทับ Funtouch OS 9.1 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ POLED |
– ขนาด 6.89 นิ้ว | |
– ความละเอียด 2256×1080 พิกเซล | |
– HDR10 | |
CPU : | – Snapdragon 855+ แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.96GHz |
GPU : | – Adreno 640 |
RAM : | – 8GB |
ROM : | – 128GB แบบ UFS 3.0 |
– ไม่รองรับ microSD Card | |
กล้องหลัง : | – 64MP + 13MP + 13MP |
– ISOCELL Bright GW1 + Wide-Angle + Telephoto | |
– ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.2 + f/2.5 | |
– LED flash | |
– PDAF | |
– HDR | |
– Panorama | |
– Super Night Mode | |
– AR Stickers | |
– Face Beauty | |
– AI Body Shaping | |
– Super Wide-Angle | |
– Super Macro | |
กล้องหน้า : | – 16MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.1 | |
– HDR | |
Video : | – 2160p@30fps, 1080p@30/60/120fps, 720p@960fps |
Battery : | – 4500 mAh รองรับ FlashCharge กำลังไฟ 22.5W |
ขนาด : | – 167.44×76.14×9.4 มม. |
น้ำหนัก : | – 217.3 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4GHz + 5GHz |
– Bluetooth 5.0 | |
– USB Type-C | |
– OTG | |
– 3.5mm jack | |
– ชิปเสียง Hi-Fi AK4377A | |
GPS : | – A-GPS |
– GLONASS | |
– GALILEO | |
Sensor : | – Fingerprint Under Display |
– Accelerometer | |
– Gyro | |
– Proximity | |
– Compass | |
สี : | – Glowing Night |
แกะกล่อง Vivo Nex 3
Vivo Nex 3 บรรจุมาในกล่องสีดำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ทีเดียว ตรงกลางกล่องมีวงกลมข้างในเป็นรูปเลนส์กล้อง 3 ตัว พร้อมชื่อตระกูล NEX ส่วนข้างกล่องมีชื่อรุ่น NEX 3
ด้านหลังกล่องมีการระบุเลข IMEI ตัวเครื่อง รุ่นความจุ และสีตัวเครื่อง เป็นต้น
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– Vivo NEX 3 ตัวเครื่องสี Glowing Night
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ รองรับ FlashCharge กำลังไฟ 22.5W
– สาย USB Type-C
– คู่มือการใช้งาน
– หูฟัง
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– ฟิล์มกันรอย (ติดมาแล้วกับตัวเครื่อง)
– เคสกันรอยแบบแข็ง
Vivo NEX 3 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh สนับสนุนเทคโนโลยี FlashCharge กำลังไฟ 22.5W ผ่านพอร์ต USB Type-C
หูฟังบรรจุมาให้ในกล่องอย่างดี เสียงคม เสียงดังฟังชัด
เคสที่แถมมาให้เป็นแบบแข็ง พื้นผิวสัมผัสคล้ายหนัง แข็งแรงทนทาน
ทำความรู้จัก Vivo Nex 3
ด้านหน้า Vivo NEX 3 มาพร้อมจอแสดงผลสวยงามไร้ที่ติแบบ Waterfall FullView บนดีไซน์ Unibody มีสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 99.6% ใช้จอขนาดใหญ่ 6.89 นิ้ว ชนิด POLED ความละเอียดคมชัด Full HD+ หรือ 2256×1080 พิกเซล
จอขอบพับเอียง 90 องศา โอบด้านข้างของตัวเครื่อง
พื้นที่จอแสดงผลทั้งสองด้านโอบตัวเครื่องตามดีไซน์ความโค้งมน แต่ให้ความรู้สึกที่กระชับ ถือจับสบายมือ ราวกับว่าตัวเครื่องไร้ขอบทั้งสองด้าน หน้าจอมีพื้นที่การใช้งานค่อนข้างเยอะ ดูโล่งสบายตามากค่ะ
ด้านหน้าส่วนบน ไร้ขอบไร้รอยบากใดๆ มารบกวนสายตา
บนสุดมีลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา
โดดเด่นด้วยกล้องหน้า Pop-Up สไตล์ NEX Series ซึ่งกล้องหน้าซ่อนอยู่ด้านในของหน้าจอ เพื่อให้เป็นหน้าจอ FullView Display อย่างแท้จริง เมื่อเซลฟี่กล้องหน้าจะยกขึ้นโดยอัตโนมัติ
เลนส์กล้องจะอยู่ทางฝั่งขวา ส่วน Selfie Softlight Flash อยู่ทางซ้าย
มุมมองเมื่อกล้อง Pop-Up ทำงานค่ะ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ด้านหลัง Vivo NEX 3 มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องรูปแบบใหม่ ใช้นวัตกรรมที่ผสมผสานระหว่าง Texture และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน
ตัวเครื่องสี Glowing Night ดูหรูหราคลาสสิค เรียบง่าย และลึกซึ้ง ด้านบนเป็นส่วนของเลนส์กล้อง ส่วนด้านล่างมีข้อความ NEX สกรีนเอาไว้บนฝาหลังค่ะ
ด้านหลังส่วนบน เลนส์กล้องทั้ง 3 ตัวของ NEX 3 ถูกดีไซน์มาแบบ Lunar Ring Camera System บนฝาหลัง ประกอบด้วย 64MP ( ISOCELL Bright GW1 ของ Samsung ) + 13MP (Wide-Angle) + 13MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.2 + f/2.5 พร้อม LED flash
ส่วนรูปแบบ Lunar Ring Camera System เลนส์กล้องทั้ง 3 ตัว จะติดตั้งอยู่ในวงกลม ด้านล่างเป็นไฟแฟลชค่ะ
ด้านหลังส่วนล่าง มีแค่เพียงข้อความ NEX สกรีนไว้จุดเดียว
ด้านบนตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พื้นที่ของกล้อง Pop-Up, ปุ่มพาวเวอร์เสมือน และรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องใส่ซิมการ์ด, รูไมโครโฟน, ช่องเสียบพอร์ต USB Type-C และลำโพงเสียง
Vivo NEX 3 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ในรูปแบบประกบหน้าหลังค่ะ แต่ไม่รองรับ microSD Card
ด้านซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มหรือฟังก์ชันใช้งานใดๆ ค่ะ
ด้านขวาตัวเครื่อง ดีไซน์ไร้ปุ่มด้านข้างทำให้ตัวเครื่องดูเป็นชิ้นเดียวกันทั้งเครื่อง ทุกปุ่มใช้เป็นปุ่มสัมผัส Touch Sense ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับการใช้งานปุ่มกดจริงๆ รวมถึงยังทำงานบนมอเตอร์สั่นสะเทือน X-Axis Haptic ระหว่างที่ปลดล็อกเครื่อง, พิมพ์ตัวอักษร รับการแจ้งเตือน หรืออื่นๆ รูปแบบมอเตอร์การสั่นจะให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติ
ส่วนฟังก์ชันการใช้งานเมื่อสังเกตบนหน้าจอดีๆ จะมีระบุไว้ค่ะ โดยบนสุดเป็นปุ่มเพิ่มเสียงตามด้วยปุ่มพาวเวอร์และปุ่มลดเสียง แยกการใช้งานได้ง่ายและเด่นชัดเนื่องจากปุ่มพาวเวอร์มีผิวสัมผัสแบบขรุขระ
การแคปภาพหน้าจอ กดไปที่ปุ่มพาวเวอร์ + ลดเสียงค่ะ
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ Vivo Nex 3 ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 855+ แบบ Octa Core ความเร็ว 2.96 GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 640 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับ Funtouch OS 9.1 เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 395146 คะแนน ถือว่าทำคะแนนได้สูงมากทีเดียว
สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ Vivo Nex 3 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล Vivo 1912, รันระบบปฏิบัติการ Android 9.0, ชิปเซ็ต Snapdragon 855+, GPU Adreno 640, แบตเตอรี่ 4500 mAh, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 4805MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 101.59GB เป็นต้น
ด้านประสิทธิภาพในการเล่นเกม Vivo Nex 3 รองรับ Game Center มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้น สามารถดูข้อมูล CPU อุณหภูมิ และปริมาณข้อมูลการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Ultra Game Mode ที่สามารถปิดข้อความ และการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะเล่นเกม ทำให้งานสามารถมุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่
สำหรับในครั้งนี้เราได้ดาวน์โหลดเกมยอดนิยมอย่าง PUBG MOBILE มาทดสอบความลื่นไหลดูค่ะ
หน้าจอของ Vivo NEX 3 มีขนาดใหญ่ทำให้สามารถเล่นเกมได้อย่างเต็มตาครบทุกอรรถรส สีจอสด เสมือนจริง ถือจับตัวเครื่องได้อย่างเต็มมือ
ขอบโค้งแสดงรายละเอียดได้อย่างเต็มที่
แรกเริ่มเมื่อเข้าสู่เกม PUBG MOBILE ระบบได้ปรับอัตโนมัติที่ความละเอียดสูงตามสเปคของอุปกรณ์เพื่อให้สามารถเล่นเกมได้แบบไม่สะดุด
ภาพกราฟิกอยู่ในระดับ HDR HD มีผลทันทีช่วยลดอาการค้าง ความร้อน และการใช้งานของแบตเตอรี่ แต่อุปกรณ์ยังไม่รองรับการตั้งค่า Ultra HD นะคะ) ส่วนเฟรมเรทสามารถปรับให้อยู่ในระดับสูงสุดได้ค่ะ
ส่วนประสิทธิภาพการเล่นเกมต้องบอกเลยว่าตอบโจทย์คอเกมสุดๆ ระบบทัชสกรีนลื่น ไม่มีอาการกระตุกใดๆ ระบบประมวลผลไว ลำโพงเสียงดังกระหึ่มสะใจ
Interface
หน้าจอ Lock Screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน หรือหากใครที่ลงทะเบียนสแกนลายนิ้วมือและปลดล็อกด้วยใบหน้าแล้ว ก็สามารถสแกนนิ้วมือบนจอแสดงผล หรือกดปลุกหน้าจอแล้วสแกนใบหน้าได้เลยค่ะ สามารถเข้าถึงโทรศัพท์ที่มุมล่างซ้าย และกล้องถ่ายภาพที่มุมขวาล่าง
หลังจากที่ปลดล็อกหน้าจอแล้วจะพาเข้าสู่หน้า Home Screen โดยมีมาให้จำนวน 3 หน้า สามารถเพิ่มหน้าได้ภายหลัง หากปัดหน้าจอไปทางขวาจะพบกับหน้าทางลัด ที่สามารถเข้าถึงแอปฯ ที่ใช้งานบ่อยๆ ส่วนแอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องก็รองรับการใช้งานได้อย่างครบครัน จัดวางเป็นระเบียบไม่รกตา
หากต้องการย้ายตำแหน่งหรือลบแอปฯ ภายในเครื่อง ก็สามารถทำได้ด้วยการกดค้างไปที่ไอคอนแอปฯ บนหน้าจอ จากนั้นก็ทำการเลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ หรือกดกากบาทลบได้เลย และเมื่อสไลด์หน้าจอด้านบนลงจะพบกับหน้าแจ้งเตือนต่างๆ ค่ะ
หากกดค้างไปยังพื้นที่ว่างบนหน้าจอก็สามารถตกแต่งหน้าวิดเจ็ตได้เอง
เมื่อสไลด์หน้าจอด้านล่างขึ้นจะพาเข้าสู่หน้า Quick Settings ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และปรากฏแอปฯ ที่เพิ่งใช้งานไปล่าสุด แต่เมื่อสไลด์หน้าจอด้านบนลงจะพาเข้าสู่แถบการแจ้งเตือนล่าสุดค่ะ
ในส่วนนี้เป็นแอปฯ V-Store, iTheme และ Google Play
iManager เป็นการจัดการพื้นที่ต่างๆ ภายในเครื่องให้ลื่นไหลขึ้น ด้วยการล้างข้อมูลขยะต่างๆ ในตัวเครื่อง หรือตั้งค่าการรับส่งข้อมูล รายละเอียดของข้อมูล รวมไปถึงการตั้งค่าเกี่ยวกับการใช้บริการเครือข่ายด้วย
ศูนย์รวมแอปฯ Google, หน้าโทรศัพท์ และการรับส่งข้อความ
หน้าจัดการไฟล์, หน้าอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ และหน้าแสดงข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์
หน้าแสดงข้อมูล RAM พื้นที่สำหรับเก็บข้อมูล และการล้างข้อมูลเพื่อเพิ่มพื้นที่ในตัวเครื่อง
EasyShare แอปฯ ช่วยให้การแบ่งปันง่ายขึ้น หรือการย้ายข้อมูลจากมือถือเครื่องเก่าไปยัง Vivo เครื่องใหม่ในขั้นตอนง่ายๆ รวมถึงแบ่งปันไฟล์ข้ามแพลตฟอร์มต่างๆ หลากหลายรูปแบบได้ด้วย
แอปฯ Vivo.com เป็นการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Vivo รวมถึงช่องทางการให้บริการได้ภายในแอปฯ เดียว
เครื่องมือการใช้งานก็มีมาให้ครบครัน เริ่มที่ เครื่องคิดเลข, เครื่องบันทึกเสียง
แอปฯ วัดสภาพอากาศ, ปฏิทิน, นาฬิกาปลุก
สมุดโน๊ต, เข็มทิศ และ Game Center
แอปฯ iReader มี Hot Apps และ Hot Games แนะนำเกมหรือแอปฯ ยอดนิยมแนะนำให้ด้วย
เมนูการตั้งค่าภายในตัวเครื่อง
จอแสดงผลรองรับการปรับตั้งค่าตัวกรองแสงสีฟ้าได้ที่โหมดถนอมสายตา เพื่อถนอมสายตาระหว่างใช้งานยามค่ำคืน หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล และสามารถปรับอุณหภูมิความเข้มของโทนสีเหลืองได้เองอีกด้วย โดยตั้งเป็นกำหนดเวลา หรือเปิดใช้งานทันทีก็ได้ สามารถป้องกันแสงสีฟ้าที่ส่งผลเสียแก่ดวงตาของเราได้
พร้อมรองรับ Dark Mode ช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ในเครื่องด้วย
Vivo Nex 3 รองรับปุ่มสัมผัส Touch Sense ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับการใช้งานปุ่มกดจริงๆ โดยบนสุดจะเป็นปุ่มเพิ่มเสียงตามด้วยปุ่มพาวเวอร์และปุ่มลดเสียงค่ะ
ปุ่มด้านข้างเสมือนสามารถเลื่อนมาทางซ้ายเพื่อเปิดฟังก์ชันเพิ่มลดเสียงได้
รูปแบบการใช้งานของปุ่มด้านข้างเสมือนค่ะ
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ Vivo NEX 3 รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้จอแสดงผล และมีฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า ซึ่งก่อนจะลงทะเบียนต้องกำหนดรหัสผ่านหรือรูปแบบก่อน
สามารถเลือกเอฟเฟกต์การปลดล็อกที่มีให้ใช้งานได้หลายรูปแบบ
ฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า ลงทะเบียนง่ายๆ เพียงยกสมาร์ทโฟนขึ้นสแกนใบหน้า ส่วนการใช้งานต้องปลุกหน้าจอขึ้นมาก่อน จากนั้นส่องใบหน้าแล้วสแกนปลดล็อกได้เลยค่ะ
รองรับ Jovi ตั้งค่าการใช้งานอัจฉริยะต่างๆ
สามารถเปลี่ยนฟอนต์ตัวอักษรในเครื่องได้ตามใจชอบ มีให้ดาวน์โหลดไปใช้งานฟรีๆ เพียบเลยค่ะ
เปลี่ยนธีมและภาพพื้นหลังได้ตามสไตล์
โหมดจัดการพลังงานแบตเตอรี่ เปิดใช้งานโหมดสิ้นเปลืองพลังงานช่วยเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหลือน้อย, โหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงที่เปิดใช้งานเฉพาะรายชื่อ โทรศัพท์ ข้อความ และนาฬิกาปลุกเท่านั้น
รองรับ Easy Touch, การเปิดโหมด AI Beauty ระหว่างโทรผ่านวิดีโอ LINE และการเปิดแฟลชเพื่อแจ้งเตือน
การใช้งานอัจฉริยะ เป็นการเปิดการใช้งานฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เพื่อปลุกหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น SmartWake การวาดตัวอักษรที่กำหนดผ่านหน้าจอที่กำลังสลีป, ใช้งานโดยไม่สัมผัส, เปิด/ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ, การโทรอัจฉริยะ, เขย่าเพื่อเปิดไฟฉาย, ซูมโดยการเอียงโทรศัพท์, การเตือนอัจฉริยะ และรองรับการสะท้อนอัจฉริยะ ได้ทั้งวิดีโอ เพลง รูปภาพ และไฟล์สื่อ ซึ่งสามารถสะท้อนไปยังอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อเล่น และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับโทรทัศน์ได้ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
รองรับ Smart Split เวอร์ชันล่าสุด ฟังก์ชั่นนี้ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอปฯ ได้หลายแอพฯ เช่น Facebook, WhatsApp, LINE, WeChat, YouTube ได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว เพียงใช้ 3 นิ้ว ลากลงมาที่หน้าจอ ก็สามารถแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ส่วน ให้ผู้ใช้งานได้สนุกทั้งความบันเทิง และการแชทได้อย่างอิสระ
การแคปหน้าจอสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ 3 นิ้วปัดขึ้น หรือกดปุ่มพาวเวอร์ + ลดเสียงข้างตัวเครื่องค่ะ
รองรับการโคลนแอปฯ ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอปฯ แชทได้พร้อมกัน 2 บัญชี ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการล็อกอินหลายบัญชี
มาพร้อมฟังก์ชันใหม่ Multi Turbo Center Turbo เพิ่มความเร็วให้กับระบบ ลดความล่าช้าของหน่วยความจำ ป้องกันปัญหาเฟรมเรตตก 78% พร้อม AI Turbo มีความฉลาดในการสั่งงานเรียกใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยให้เร็วยิ่งขึ้น 20% และฟังก์ชัน Cooling Turbo ที่ออกแบบโครงสร้าง และระบบจัดการความร้อนให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอีกหนึ่งฟังก์ชัน Game Turbo มีระบบการเข้าถึง และการเพิ่มประสิทธิภาพขั้นสูงสำหรับการเล่นเกม (PUBG Mobile และ Mobile Legend) ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานอย่างรวดเร็ว เล่นเกมได้อย่างไหลลื่น
สามารถเปิดใช้งานตั้งค่ารายละเอียดอื่นๆ ระหว่างเล่นเกมได้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การโทรเบื้องหลัง ที่สามารถคุยโทรศัพท์ระหว่างเล่นเกมได้, การบล็อคการแจ้งเตือนต่างๆ, ปฏิเสธสายเรียกเข้า, โหมด E-sport เป็นต้น การใช้งานให้ไปที่การตั้งค่า >> Ultra Game Mode เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันเพิ่มเติม
เมื่อกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะพบกับแอปฯ ที่เราเพิ่งใช้งานไปล่าสุด หากต้องการลบทุกอย่างให้กดไปที่กากบาทปิดทั้งหมดค่ะ ในส่วนนี้จะมีไอคอนสำหรับล็อคแอปฯ ที่ใช้งานบ่อยๆ และแบ่งการใช้งาน 2 หน้าจอด้วย
ถ่ายโอนข้อมูลและรูปภาพลงคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วด้วยการเสียบสาย USB Type C แล้วต่อเข้าเครื่อง PC, Vivo Nex 3 รองรับระบบชาร์จเร็ว เมื่อเสียบสายชาร์จจะมีไอคอนแสดงขึ้นมาด้วย และหากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องก็จะเป็นการเปิด-ปิด และรีสตาร์ทตัวเครื่องค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้ากันเลย โดย Vivo NEX 3 มาพร้อมกล้องหน้าแบบ Pop-Up ความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง f/2.1 พร้อม Selfie lighting
มีโหมดการใช้งาน ได้แก่ โหมด Portrait รองรับ Face Beauty สามารถเลือกปรับได้หลายอย่าง คือ ค่าผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับความขาว, หน้าเรียว, ปรับรูปหน้า, กราม, ดวงตากลมโต, ช่วงตา, หน้าผาก, ปรับรูปจมูก, ความเรียวของจมูก และรูปปาก
รองรับ Selfie Softlight Flash, HDR, ปรับอัตราส่วนของภาพถ่าย, ฟิลเตอร์สี และเอฟเฟกต์แสงสำหรับถ่ายภาพ
ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพปกติ รองรับ Selfie Softlight Flash, HDR, ปรับอัตราส่วนของภาพถ่าย, ฟิลเตอร์สี และเอฟเฟกต์แสงให้เลือกใช้งาน
โหมดวิดีโอกล้องหน้าของ Vivo NEX 3 รองรับการบันทึกวิดีโอที่ระดับสูงสุด Full HD มีฟิลเตอร์สีสวยๆ ให้เลือกใช้งาน
พร้อมรองรับ Face Beauty ปรับใบหน้าสวยเนียนทันใจ และ AI Body Shaping สำหรับปรับรูปร่าง
ส่วนโหมดการใช้งานพิเศษกล้องหน้ารองรับโหมด Panorama, Live Photo สร้างภาพถ่ายที่เคลื่อนไหวได้ในจังหวะสั้นๆ
โหมดถ่ายคลิป รองรับฟิลเตอร์สี ตั้งความเร็ว และตัดต่อวิดีโอ
สุดท้ายเป็นโหมด AR Stickers มีสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ไว้ให้ใช้งานเพียบ หากต้องการบันทึกเป็นวิดีโอก็กดค้างไปที่ปุ่มชัตเตอร์ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกโหมดพิเศษเพิ่มบนอินเทอร์เฟชได้อีกด้วย
มาต่อกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหลังกันต่อเลย โดย Vivo Nex 3 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย 64MP ( ISOCELL Bright GW1 ของ Samsung ) + 13MP (Wide-Angle) + 13MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.2 + f/2.5 พร้อม LED flash
โหมดการใช้งานเริ่มด้วย โหมด Night หรือถ่ายภาพในช่วงเวลากลางคืน รองรับการปรับอัตราส่วนภาพ
โหมด Portrait รองรับ 2x optical zoom, HDR, ปรับอัตราส่วนของภาพถ่าย, ฟิลเตอร์สี และเอฟเฟกต์แสงสำหรับถ่ายภาพ
รองรับ Face Beauty และ AI Body Shaping นวัตกรรมถ่ายภาพสุดล้ำที่สามารถปรับแต่งรูปร่างทุกสัดส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เอว สะโพก และรูปขาออกมาได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ โดยมีให้เลือกปรับแบบเต็มตัว เฉพาะศีรษะ, ไหล่, เอว, ทำให้สูงขึ้น, ปรับช่วงขา และช่วงสะโพกค่ะ
กล้อง AI มีความฉลาดสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เรากำลังถ่ายอยู่นั้นเป็นอะไร จากนั้นกล้องจะปรับให้ภาพออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด
รองรับโหมด Super Wide-Angle ถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ 120 องศา และ Bokeh หน้าชัดหลังเบลอ
โหมดถ่ายภาพ Auto รองรับ HDR และการซูม 2x optical zoom
รองรับฟิลเตอร์สี และเอฟเฟกต์แสง
รองรับโหมดถ่ายภาพพิเศษ Ultra Wide Angle, Bokeh และ Super Macro ถ่ายใกล้ในระยะ 2.5 เซนติเมตร
กล้องหลังรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K พร้อมระบบกันสั่นพิเศษ และมีฟิลเตอร์สีมากมายให้เลือกใช้งาน
รองรับ Face Beauty และ AI Body Shaping
รองรับโหมดบันทึกวิดีโอกว้างพิเศษ Ultra Wide Angle
ส่วนโหมดการใช้งานพิเศษกล้องหลังรองรับทุกฟังก์ชันเลยค่ะ ได้แก่ 64MP ถ่ายภาพด้วยความคมชัดสูง, Panorama เก็บภาพในแนวกว้าง
Live Photo สร้างภาพถ่ายที่เคลื่อนไหวได้ในจังหวะสั้นๆ, Slo-Mo บันทึกวิดีโอสโลวโมชั่น และวิดีโอ Time-Lapse
โหมด Pro ปรับตั้งค่า White Balance, การควบคุมค่าแสง, ตั้งค่าขนาดรูรับแสง, ความไวชัตเตอร์ และ Auto Focus ได้เอง, โหมด AR Stickers และโหมด DOC สำหรับถ่ายภาพเอกสาร ตั้งเวลาในการถ่ายภาพได้
โหมดคลิป สร้างคลิปวิดีโอเจ๋งๆ ได้ด้วยตัวเอง รองรับฟิลเตอร์สี ตั้งความเร็ว และตัดต่อวิดีโอ
ด้วยความฉลาดของ Jovi Image Recognizer ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสแกนเพื่อวิเคราะห์หาสินค้าที่คุณต้องการจากฐานข้อมูลสินค้าต่างๆ มากกว่า 1 ร้อยล้านข้อมูลบนร้านค้าออนไลน์มากกว่า 100 หน้าร้าน โดยระบบจะแสดงข้อมูลสินค้า ราคา ข้อมูลที่น่าสนใจต่างๆ ให้ผู้ใช้ได้สนุกไปกับยุคของการช้อปปิ้งออนไลน์แบบเต็มประสิทธิภาพ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดพิเศษจากกล้องหลังของ Vivo Nex 3
ภาพถ่าย Super Night Mode
ภาพถ่าย Portrait
ภาพถ่ายฟิลเตอร์สี
ภาพถ่ายเอฟเฟกต์แสง
ภาพถ่าย AI Face Beauty
ภาพถ่าย AI Body Shaping
ภาพถ่าย Super Wide-Angle
ภาพถ่าย Super Wide-Angle
ภาพถ่าย Super Macro
ภาพถ่าย 64MP
ภาพถ่าย AR Stickers
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดปกติกล้องหลังจาก Vivo Nex 3
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Vivo Nex 3
สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่แบบ Pop-Up ของ Vivo NEX 3 มาพร้อมความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง f/2.1 พร้อมด้วย Selfie Softlight ให้ภาพสว่างสวยชัด มีฟิลเตอร์สี และเอฟเฟกต์แสงให้เลือกใช้งานมากมาย รองรับฟีเจอร์ AI Beauty โหมดแต่งหน้าอัจฉริยะ รองรับปรับตั้งค่าผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับความขาว, หน้าเรียว, ปรับรูปหน้า, กราม, ดวงตากลมโต, ช่วงตา, หน้าผาก, ปรับรูปจมูก, ความเรียวของจมูก, รูปปาก เป็นต้น รวมถึงรองรับ Face Beauty และ AI Body Shaping สำหรับปรับรูปร่างทั้งการถ่ายภาพและการบันทึกวิดีโอ เราไปชมตัวอย่างภาพเซลฟี่โหมดต่างๆ กันเลยค่ะ
ภาพถ่ายปกติ
ภาพถ่าย AI Beauty แบบ Portrait
ภาพถ่ายฟิลเตอร์สี
ภาพถ่ายเอฟเฟกต์แสง
ภาพถ่าย AR Stickers
สรุป
– หน้าจอดีไซน์ Waterfall FullView แบบ Unibody ขนาดใหญ่ 6.89 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รูปแบบ POLED ให้มุมมองที่กว้างขึ้น พื้นที่หน้าจอสูงถึง 99.6% ดีไซน์โค้งมน
– ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังระดับเรือธง Snapdragon 855+
– หน่วยความจำ RAM 8GB + ROM 128GB หน่วยความจำแบบ UFS 3.0
– แบตเตอรี่ความจุสูง 4500 mAh ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว FlashCharge กำลังไฟ 22.5W
– ใช้เทคโนโลยีฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล ปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างฉับไว
– รันระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9.1 บนพื้นฐาน Android 9.0 Pie
– กล้องหลัง 3 ตัว ดีไซน์แบบ Lunar Ring Camera System ความละเอียดสูง (ISOCELL Bright GW1 ของ Samsung) + 13MP (Wide-Angle) + 13MP (Telephoto) พร้อม LED flash มีโหมดการใช้งานพิเศษมากมาย อาทิ Super Night Mode, Portrait, AR Stickers, Face Beauty, AI Body Shaping, Super Wide-Angle, Super Macro และ AI Portrait Framing เป็นต้น
– กล้องหลังบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K
– กล้องหน้าเซลฟี่แบบ Pop-Up คมชัด 16MP พร้อม AI Beauty และ Selfie lighting
– รองรับ Wi-Fi 2.4GHz + 5GHz, Bluetooth 5.0, OTG
– ชิปเสียง AK4377A ระบบเสียง Hi-Fi
– มีปุ่มสัมผัส Touch Sense ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับการใช้งานปุ่มกดจริงๆ ข้างตัวเครื่อง
– ดีไซน์ตัวเครื่องรูปแบบใหม่เรียบง่ายหรูหรา
– ตัวเครื่องมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System
– เป็นสมาร์ทโฟนระดับท็อปดีไซน์สวยที่มาพร้อมสเปคการใช้งานระดับเรือธงในงบราคา 25,000 บาท
ข้อสังเกต
– ตัวเครื่องค่อนข้างหนาและมีน้ำหนักเล็กน้อย
– มีให้เลือกสีเดียวคือ Glowing Night
– ตัวเครื่องไม่รองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น
– ไม่รองรับ microSD Card
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– iPhone 11
– Samsung Galaxy S10
– Samsung Galaxy S9+
– OPPO Reno 10x Zoom
– OPPO R17 Pro
– OnePlus 7 Pro
– Samsung Galaxy A80
– Sony Xperia XZ2 Premium
Leave a Reply