รีวิว Samsung Galaxy Tab S 10.5 จอใหญ่ สีสันสวยสดใส คมชัดเหลือเชื่อ

Samsung Galaxy Tab S ขนาดใหญ่สะใจ หน้าจอ 10.5 นิ้ว เหนือชั้นกว่า Apple iPad Air โดยมีหน้าจอที่แสดงผลได้สวยงาม สีสันสดใสกว่า น้ำหนักเบากว่า อิสระในการเชื่อมต่อที่มากกว่า เพิ่มหน่วยความจำได้ ทั้งหมดนี้ในราคาเปิดตัวเพียง 19,900 บาท

ป้ายสื่อโฆษณาที่พบเห็นได้ทั่วไปในย่านการค้าทั่วประเทศ ทันทีที่เห็นก็รับรู้ได้ว่าต้องการสื่อถึงสีสันบนหน้าจอ

มาทำความรู้จักกันก่อนว่า Samsung Galaxy Tab S นั้น มีสองขนาดหน้าจอ คือ รุ่น 8.4 นิ้ว ราคา 16,900 บาท เป็นคู่แข่งที่สำคัญของ Apple iPad mini with Retina Display สำหรับถือใช้งานในหน้าจอแนวตั้งด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกรุ่นมีขนาดหน้าจอ 10.5 นิ้ว ราคา 19,900 บาท เป็นคู่แข่งที่สำคัญของ Apple iPad Air กับ Sony Xperia Z2 Tablet สำหรับถือใช้งานในหน้าจอแนวนอนด้วยมือข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ หน้าจอที่แตกต่างกันทั้งสองรุ่น ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานก็แตกต่างกัน

ข้อมูลจำเพาะของ Samsung Galaxy Tab S 10.5 นิ้ว

การเชื่อมต่อ
USB Version	2.0
์NFC	ไม่มี
Wi-Fi	802.11 a/b/g/n/ac, MIMO
Wi-Fi Direct	มี
Bluetooth Version	4.0
อื่น ๆ	รองรับสายเชื่อมต่อ MHL
เครือข่าย
SIM	Micro-SIM
3G	850, 2100 MHz
4G (LTE)	800, 900, 1800, 2600 MHz
ระบบปฏิบัติการ
OS และเวอร์ชั่น	Android 4.4 (Kitkat)
จอแสดงผล
ชนิด	Super AMOLED
ความละเอียด	2560 x 1600 พิกเซล
ขนาด	10.5 นิ้ว
ความหนาแน่นพิกเซล	288 ppi
หน่วยประมวลผล
CPU	Exynos 5 Octa 5420 8-core, 1.9 GHz, ARM Cortex-A15 & A7
หน่วยความจำ
RAM	3GB
ROM	16GB รองรับ microSD เพิ่มเติมได้ถึง 128 GB
กล้อง
กล้องหลัง	8 ล้านพิกเซล (3264 x 2448 พิกเซล)
ไฟแฟลช	LED 1 ดวง
โฟกัสอัตโนมัติ	มี
กล้องหน้า	2.1 ล้านพิกเซล
วิดีโอ	1080p@30fps
ลูกเล่นที่มี	Geo-tagging, dual camera, panorama, HDR
เซ็นเซอร์
Accelerometer, Gyro, Compass, Fingerprint
แบตเตอรี่
การถอดเปลี่ยนเอง	ไม่ได้
ความจุ	7,900 mAh
โครงสร้างภายนอก
ขนาด	247.3 x 177.3 x 6.6 mm.
น้ำหนัก	467 g.

รูปลักษณ์ของตัวเครื่อง

Samsung Galaxy Tab S 10.5 นิ้วที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็นสี Titanium Bronze ดูหรูหรา ด้านหน้าใกล้โลโก้ซัมซุงมีกล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล

มีปุ่ม Home, Menu และ Back เหมือนกับ Samsung Galaxy ทุกรุ่น

ขอบตัวเครื่องรอบด้าน เป็นพลาสติกทำสีทองแวววาว ดูหรูหรา

จอภาพคมกริบ เนียนจนมองไม่เห็นเม็ดสีด้วยความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล สีสันสวยสดใสมาก เพราะใช้จอภาพ Super AMOLED

ขอบปุ่ม Home ก็ยังเป็นสีทอง ทำให้ดูคล้ายโลหะ

ขอบจอภาพซ้ายขวา มีความบางแคบ ดูทันสมัย ไม่ใหญ่เทอะทะ

พอร์ต microUSB อยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง

ด้านข้างตัวเครื่องฝั่งขวามือ มีช่องใส่ microSD และ SIM card พร้อมลำโพงซ้ายขวาสเตอริโอ

ดูแปลกตาไปบ้างที่พอร์ต microUSB ไม่ได้อยู่ใต้ปุ่ม Home ตรงกลางส่วนล่างของตัวเครื่อง

ด้านข้างฝั่งซ้ายมือ มีช่องต่อหูฟังและลำโพงอีกข้างหนึ่ง

ตรงกลาง ด้านบนที่ขอบตัวเครื่อง มีพอร์ต Infrared สำหรับใช้งานเป็นรีโมทคอนโทรลได้

เลื่อนมาใกล้มุมบนซ้ายของตัวเครื่อง มีปุ่ม Power และปุ่ม Volume

ด้านหลังเป็นพลาสติกสี Titanium ออกโทนน้ำตาล ขึ้นรูปผิวลื่นเต็มไปด้วยตารางจุด

โลโก้ซัมซุงสีทองแวววาว เหนือโลโก้เป็นกล้องหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อม Flash LED

มุมล่างทั้งซ้ายและขวามีปุ่มกลม ๆ

สองปุ่มนี้เป็นหลุมสปริง สำหรับยึดตัวเครื่องติดกับ Book Cover ซึ่งเป็นเคสอย่างดีจากซัมซุง

ถ้าใครได้เห็นจอภาพของแทบเล็ตรุ่นนี้ จะต้องชื่นชอบ เพราะคมกริบ ชัดเจนทุกมุมมอง สีสันสดสวย อาจจะสวยเกินจริงไปบ้าง แต่ดูมีชีวิตชีวามากกว่าจอภาพสีซีด

มาดูกันในส่วนของซอฟต์แวร์กันบ้าง

หน้า Home screen แสดงข้อมูลข่าวสารและเรื่องราวส่วนตัว

มี Widget แสดงข้อมูลที่ควรรู้บนหน้า Home screen ซึ่งไม่มีบน iPad ทุกรุ่น

์Notification ขนาดใหญ่ครึ่งจอภาพ

ปุ่มลัดมากมายสำหรับปิดเปิดฟังก์ชั่นของตัวเครื่อง

ปรับเปลี่ยนหรือย้ายตำแหน่งปุ่มลัดได้อิสระ

รายการแอพพลิเคชั่นทั้งหมดที่มีให้มาจากโรงงาน ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นแอพพลิเคชั่นที่ทำงานได้คล้าย Word Excel PowerPoint ซัมซุงมีให้มาทุกเครื่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

ใช้แชร์อินเทอร์เน็ตไร้สายให้อุปกรณ์อื่นได้ แบตเตอรี่เยอะมากกว่า Wi-Fi Hotspot แบบพกพา

เพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดด้วยการเปิดใช้ Wi-Fi กับ LTE ไปพร้อมกัน แบ่งขนานกันช่วยดาวน์โหลด

เก็บสถิติการใช้ Data ได้ละเอียดดี แยกตามเวลาและแอพพลิเคชั่น

แชร์ข้อมูลในเครื่องกับอุปกรณ์อื่นผ่าน Wi-Fi Direct ได้ ซึ่ง iPad ทำไม่ได้

ตั้งค่าเสียงแจ้งเตือน

ตั้งค่าการแสดงผลจอภาพ

ปรับขนาดตัวอักษรได้ 7 ขนาด เปลี่ยนฟอนต์ได้ด้วย

Adaptive Display ปรับสีสันหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย

มีโหมดการอ่านสำหรับแอพพลิเคชั่นที่รองรับ ช่วยปรับจอภาพให้อ่านตัวอักษรได้สบายตามากขึ้น

วอลล์เปเปอร์สำหรับรุ่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นภาพขนาดใหญ่พิเศษ

กำหนด 5 ปุ่มลัดสำหรับใส่ไว้ในปุ่มซ่อนที่ลอยเหนือหน้าจอตลอดเวลา

Gesture ก็รองรับเหมือนโทรศัพท์มือถือ สั่งงานด้วยท่าทางหรือการเคลื่อนไหว

Accessibility เมนูพิเศษสำหรับปรับแต่งการใช้งาน

โหมดห้ามรบกวน เลือกบล็อกหรือรับสายเฉพาะที่คนสำคัญโทรเข้ามา หรือบล็อกทุกสายก็ได้

ตั้งค่าเมื่อใช้อุปกรณ์เสริม เช่นต่อไปยัง TV หรือใช้งานร่วมกับ Book Cover

โหมดประหยัดพลังงาน ช่วยให้สแตนบายได้นาน 25 วัน หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นเฉดสีเทาดำ

หน่วยความจำภายใน 16GB เหลือใช้งานอีกนิดหน่อย

มาพร้อมกับ Android 4.4.2

จัดการแอพพลิเคชั่นภายในเครื่อง ย้ายหรือลบได้ ยกเว้นแอพพลิเคชั่นที่มาจากโรงงาน

ลบค่า Default application ได้

ตั้งค่าการโทร

ตั้งค่าสมุดโทรศัพท์

คีย์บอร์ดภาษาอังกฤษ

คีย์บอร์ดภาษาไทย

ตั้งค่า Web browser

ปรับขนาดตัวอักษรที่แสดงผลบนจอภาพ

ควบคุมการใช้ Data สำหรับการเปิดดูเว็บไซต์บนเครื่อง

ตั้งค่าชั้นสูงของการใช้งานอินเทอร์เน็ต

กำหนดให้จดจำหรือลบรหัสผ่านที่เคยกรอกไว้ได้

ตั้งค่าปฏิทิน

ตั้งค่า SMS / MMS

Gallery ภาพถ่ายและวิดีโอ แยกตามโฟลเดอร์

โทรได้เหมือนโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง คุยผ่านลำโพงสนทนาหรือหูฟังบลูทูธเท่านั้น

สร้างโฟลเดอร์บน Home screen ได้เหมือน Android ปกติ

จัดการไฟล์ในเครื่องได้ แบ่งตามประเภทของไฟล์

การแสดงผลนัดหมายในปฏิทิน

แอพพลิเคชั่นสำหรับเล่นเพลง

รายการวิดีโอในเครื่อง แสดงระยะเวลาและภาพตัวอย่าง Intro

เครื่องคำนวณพร้อมฟังก์ชั่นทางวิทยาศาสตร์

นาฬิกาโลก แสดงเวลาได้หลายประเทศพร้อมกัน

มี Help หรือระบบช่วยเหลือเป็นภาษาไทย

S Voice สั่งงานด้วยเสียง คล้ายกับ Siri ของ iPad / iPhone

นำภาพถ่ายมาใส่อัลบั้มหรือร้อยเรียงเป็นเรื่องราว เพื่อนำไปเสนอหรือถ่ายทอดให้คนอื่นได้เห็นในรูแบบของสมุดภาพหรือรูปแบบอื่นตามที่ต้องการ

แอพพลิเคชั่นที่ทำงานพื้นฐานได้คล้าย Excel

แอพพลิเคชั่นที่ทำงานพื้นฐานได้คล้าย Word

แอพพลิเคชั่นที่ทำงานพื้นฐานได้คล้าย PowerPoint

สร้างวิดีโอคลิปอย่างง่ายได้บนเครื่อง ไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ มีธีมหลายแบบให้เลือกใช้

เมนูกล้องถ่ายภาพ

มีโหมดถ่ายภาพหรือ Scene ให้เลือกใช้มากมาย

เมนูการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพ ละเอียดและดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Samsung Galaxy Tab S 10.5

กล้องหน้า ให้คุณภาพของภาพถ่ายที่ดี น่าพอใจ

กล้องหลัง มีความฉลาดในการวัดแสงและโฟกัสได้แม่นยำดี ให้ภาพที่สวยงามแม้ในสภาวะแสงน้อย ถ่ายภาพมาโครได้ดี

สรุปการทดสอบใช้งาน Samsung Galaxy Tab S ขนาด 10.5 นิ้ว

• น้ำหนักเบา จับได้ถนัดมือมากกว่า Apple iPad Air โอกาสที่จะหลุดลื่นหล่นพื้น มีน้อยกว่า
• หน้าจอสีสดมาก ปรับได้ว่าต้องการสีสันสดแค่ไหน
• หน้าจอความละเอียดสูงที่สุดในบรรดา Android Tablet โค่นแชมป์ Sony Xperia Z2 Tablet
• สะดวกและง่ายในการถ่ายโอนไฟล์ แบ่งปัน คัดลอก ย้าย ลบ ข้อมูลตามสไตล์ของ Android
• โทรได้เหมือนโทรศัพท์มือถือทั่วไป ใช้วิธีเปิดลำโพงสนทนา คุยแนบหูไม่ได้
• มีดีไซน์ที่ค่อนข้างสวยงามและอุปกรณ์เสริมหรูหรา
• ลำโพงซ้ายขวา ได้มิติความเป็นสเตอริโอ
• กล้องหน้าและหลัง คมชัด ถ่ายนำไปใช้งานได้จริง
• เปลี่ยนรูปแบบและขนาดตัวอักษรได้ โดยไม่ต้อง Root
• หน้าจอ Super AMOLED ในโหมดจอขาวดำ ประหยัดไฟมากกว่า ให้มุมมองกว้างกว่า

ข้อสังเกต

• หน้าจอสีสดจัดจ้านเกินจริงไปมาก หน้าจอของ Sony Xperia Z2 Tablet ดูเป็นธรรมชาติสมจริงมากกว่า
• แม้ว่าหน้าจอ iPad Air จะไม่สดแบบจัดจ้านเท่า Galaxy Tab S แต่ในการใช้อ่าน e-Book นาน ๆ จะสบายตากว่า
• แอพพลิเคชั่นสำหรับแทบเล็ตของ iOS มีความสมบูรณ์และสวยงามมากกว่า Android
• ตัวอักษรภาษาไทยของ Galaxy Tab S และซัมซุงทุกรุ่น ไม่สวยงาม อ่านยากกว่า iPad
• แบตเตอรี่ความจุปานกลาง 7,900 mAh ต้องชาร์จทุก 3-5 วัน
• วัสดุขอบเครื่องสีทองยังไม่ดีพอ มีโอกาสที่สีจะลอกเห็นเนื้อพลาสติก
• ด้านหลังเป็นพลาสติก ให้ความรู้สึกในการสัมผัสไม่ดีเท่าแทบเล็ตจาก Apple และ Sony
• ไม่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันฝุ่นผงดินทราย
• กระจกหน้าจอบาง มีโอกาสแตกได้ง่ายยิ่งกว่าโทรศัพท์มือถือซัมซุงเมื่อได้รับแรงกระแทก
• จำเป็นต้องใส่ microSD เพิ่ม เพราะหน่วยความจำในเครื่องอาจไม่เพียงพอ
• ไม่มีปากกา เพราะไม่ใช่แทบเล็ตในตระกูล Galaxy Note
• หลายแอพพลิเคชั่นยังไม่รองรับหน้าจอความละเอียดสูง บริหารพื้นที่บนจอภาพได้ไม่ดีพอ
• ประสบการณืในการใช้งานบน iPad ให้ความรู้สึกดีกว่า แม้ว่าเป็นแอพพลิเคชั่นเดียวกัน
• หน้าจอ iPad และ Xperia Z2 Tablet ตัดแสงสะท้อนได้ดีกว่า เพราะเคลือบผิวด้านในเหมือนกระจกสีดำ

ตัวเลือกอื่นที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน

• Microsoft Surface 2
• Microsoft Surface Pro 3 (เริ่มจำหน่ายในเดือนสิงหาคม 2557)
• Sony Xperia Z2 Tablet
• Apple iPad mini with Retina Display
• Apple iPad Air
• Samsung Galaxy Note Pro
• Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^