รีวิว Samsung Galaxy S9 ขุมพลัง Exynos 9810 แรม 4GB รองรับ AR Emoji ลำโพงสเตอริโอ กล้องหลัง 12MP สลับรูรับแสงได้!
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ ก็เปิดตัวพร้อมกับวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย สำหรับ Samsung Galaxy S9 และ Galaxy S9+ เรือธงรุ่นท็อปใหม่ล่าสุดช่วงต้นปี ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 27,900 บาท โดยตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black สีฟ้า Coral Blue และเฉดสีใหม่ล่าสุด สีม่วง Lilac Purple โดยชูจุดเด่นที่หน้าจอโดดเด่นแบบ Infinity Display ขอบบนและล่างบางขึ้น ดีไซน์สวยพรีเมียม ตัวเครื่องโค้งมนจับถนัดมือ กันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68
พร้อมยกระดับความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี Intelligent Scan การยืนยันตัวตนรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานการสแกนม่านตาเข้ากับการจดจำใบหน้าอย่างชาญฉลาด และกล้องถ่ายภาพสามารถปรับรูรับแสงได้เองแบบอัตโนมัติ (Dual Aperture f/1.5 – f/2.4) พร้อมรองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Super Slow-mo สูงสุด 960 เฟรมต่อวินาที นอกจากนี้ยังรองรับ AR Emoji ที่สามารถถ่ายทอดความเป็นตัวเองได้ด้วยคาแรคเตอร์ 3 มิติสุดชิค
และยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงด้วยลำโพงสเตอริโอที่ปรับจูนเสียงโดย AKG ให้เสียงดังกระหึ่มรอบทิศทางด้วยเทคโนโลยี Dolby Atmos รวมถึงสเปคการใช้งานระดับเรือธงอื่นๆ ที่มีมาให้แบบล้นกล่อง ซึ่งในวันนี้ทาง ninethaiphone จะขอนำเอา Samsung Galaxy S9 ตัวเครื่องสีใหม่ยอดนิยมอย่าง สีม่วง Lilac Purple มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปติดตามกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค Samsung Galaxy S9
Features | Samsung Galaxy S9 |
วันเปิดตัว : | – มีนาคม 2561 |
ราคา : | – 27,900.- (64GB) (ณ วันที่ 23 เม.ย. 61) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 8.0 Oreo |
หน้าจอ : | – หน้าจอ Super AMOLED |
– ขนาด 5.8 นิ้ว | |
– อัตราส่วน 18.5:9 | |
– ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล (Quad HD+) | |
– Corning Gorilla Glass 5 | |
– Always-on display | |
– HDR10 | |
– Multitouch | |
CPU : | – Exynos 9810 แบบ Octa Core ความเร็ว 2.8GHz |
GPU : | – Mali-G72 MP18 |
RAM : | – 4GB |
ความจำตัวเครื่อง : | – 64GB |
– microSD Card สูงสุด 400GB | |
กล้องหลัง : | – 12 ล้านพิกเซล |
– LED flash | |
– ค่ารูรับแสง f/1.5 – f/2.4 | |
– เซ็นเซอร์ 1/2.55″ | |
– Dual Pixel PDAF | |
– Super Slow-mo | |
– Panorama | |
– Auto/Pro | |
– Digital zoom up to 8x | |
– Hyperlapse | |
– PDAF | |
– OIS | |
– Auto HDR | |
กล้องหน้า : | – 8 ล้านพิกเซล |
– เซ็นเซอร์ 1/3.6″ | |
– ค่ารูรับแสง f/1.7 | |
– Selfie focus | |
– Wide selfie | |
Video : | – 4K@30fps, 60fps |
– QHD@30fps | |
– 1080@30fps, 60fps | |
– 720p@30fps | |
– Super Slow-mo 720p@960fps | |
– Slow-mo 1080p@240 fps | |
Battery : | – 3000 mAh รองรับ Fast Charging และ wireless Charging |
ขนาด : | – 147.7×68.7×8.5 มม. |
น้ำหนัก : | – 163 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – IP68 |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz (dual-SIM model only) |
– 3G : HSDPA 850/900/1700 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz) |
– Bluetooth 5.0 | |
– ANT+ | |
– Samsung Pay | |
– USB type-C | |
– NFC | |
– AR Emoji | |
– Bixby | |
– 3.5mm jack | |
GPS : | – GPS |
– Galileo | |
– Glonass | |
– BeiDou | |
Sensor : | – Fingerprint |
– Iris sensor | |
– Pressure | |
– Accelerometer | |
– Barometer | |
– Gyro | |
– Geomagnetic | |
– Hall | |
– Proximity | |
– HR | |
– RGB Light | |
สี : | – ดำ (Midnight Black) |
– ฟ้า (Coral Blue) | |
– ม่วง (Lilac Purple) |
แกะกล่อง Samsung Galaxy S9
Samsung Galaxy S9 บรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัด หน้ากล่องระบุชื่อรุ่น และความจุตัวเครื่องไว้อย่างชัดเจน
ด้านหลังกล่องมีการระบุสเปคการใช้งานเด่นแบบคร่าวๆ อาทิ ใช้หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด Quad HD+, กล้องหลังความละเอียด 12MP พร้อมกันสั่น OIS ค่ารูรับแสงปรับได้ f/1.5 และ f/2.4, รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ Super Slow-mo, กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8MP, กันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 และมีสแกนม่านตา เป็นต้น
อุปกรณ์ต่างๆ ภายในกล่องประกอบไปด้วย
– ตัวเครื่อง Samsung Galaxy S9 สีม่วง Lilac Purple
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ ที่รองรับเทคโนโลยี Fast Charge
– หูฟัง AKG แบบ In-Ear
– จุกหูฟัง 2 คู่
– เคสกันรอยแบบใส
– สาย USB Type-C
– USB OTG
– หัวแปลง Micro-USB เป็น USB Type-C
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด (Ejection pin)
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
Galaxy S9 ใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และ Adapter ชาร์จแบตเตอรี่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Fast Charging
หูฟัง AKG แบบ In-Ear ระบบเสียงดังกระหึ่มสะใจ พร้อมแถมจุกหูฟังให้อีก 2 คู่
หัวแปลงพอร์ต Micro-USB เป็น USB Type-C และ USB OTG
ทำความรู้จัก Samsung Galaxy S9
ด้านหน้า Samsung Galaxy S9 มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED แบบเต็มหน้าจอ Infinity Display เหลือขอบบนและล่างไว้เพียงเล็กน้อย ขนาดหน้าจอพอดีกับมือ 5.8 นิ้ว อัตราส่วนการแสดงผล 18.5: 9 ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล (Quad HD+) สีสันคมชัดสวยงาม รองรับฟีเจอร์ Always-on display และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง
ด้านหน้าส่วนบน (เริ่มจากซ้ายมือ) ประกอบไปด้วย ไฟแจ้งเตือน LED, อินฟราเรดที่ทำงานร่วมกับระบบสแกนม่านตา, เซ็นเซอร์วัดแสง, เซ็นเซอร์จับระยะ, ลำโพงฟังเสียงสนทนา, เลนส์กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์สแกนม่านตา ซึ่งขอบบนบริเวณดังกล่าวมีสีทึบมากกว่าเดิมกลืนไปกับหน้าจอมากขึ้น ทำให้ไม่ค่อยเห็นพวกเซ็นเซอร์ต่างๆ ชัดเจนมากนัก (จากภาพข้างต้นเลือกถ่ายในที่แสงเยอะเพื่อให้เห็นเซ็นเซอร์ทั้งหมดกันแบบชัดๆ ค่ะ)
ด้านหน้าส่วนล่าง ขอบบางขึ้นเล็กน้อย ปุ่มนำทางต่างๆ เป็นแบบ On Screen ทั้งหมด ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ
ด้านหลัง Galaxy S9 ดีไซน์สวยงามจับถนัดมือผิวด้านหลังเรียบลื่น บอดี้ใช้วัสดุวัสดุโค้งรับกับมือ กรอบเครื่องใช้วัสดุอลูมิเนียมเกรด 7000 Series ผิวสัมผัสแบบด้าน มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเซ็นเซอร์ต่างๆ ด้านหลังใหม่ โดยตัวเครื่องมีขนาด 147.7×68.7×8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 163 กรัม ภาพรวมดูสวยงามพรีเมียมค่ะ
ด้านหลังส่วนบน ประกอบไปด้วย เลนส์กล้องดิจิทัลความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.5 – f/2.4 ซึ่งม่านรูรับแสงบนเลนส์กล้องจะขยับได้เหมือนกับดวงตาของมนุษย์ เมื่อเปิดใช้งานค่ารูรับแสงข้างต้น ถัดลงมาเพียงเล็กน้อยจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ถูกจัดวางใหม่ให้ใช้งานสะดวกมากขึ้น ขยับลงมาที่กึ่งกลางตัวเครื่องจะเป็นโลโก้แบรนด์ ส่วนด้านข้างเลนส์กล้องฝั่งขวามือจะมี LED flash ถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจค่ะ
ด้านหลังส่วนล่าง พบเลขรหัสโมเดลตัวเครื่อง และข้อความลิขสิทธิ์สกรีนเอาไว้
ด้านบนตัวเครื่อง ประกอบด้วย รูไมค์โครโฟนตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิมการ์ด
Galaxy S9 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Nano SIM แต่ต้องเลือกใช้งานระหว่าง SIM + SIM หรือ SIM + MicroSD Card ที่รองรับได้สูงสุด 400GB กล่าวง่ายๆ คือไม่สามารถใช้งาน SIM + SIM + MicroSD Card ได้ภายในเวลาเดียวกันค่ะ
ด้านล่างตัวเครื่อง พบช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, รูไมค์โครโฟน และลำโพงตัวหลักเพื่อความบันเทิง
ด้านซ้ายตัวเครื่อง มีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง และปุ่มเรียกใช้งานผู้ช่วย Bixby
ด้านขวาตัวเครื่อง พบแค่เพียงปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด/ปิดตัวเครื่อง, รีสตาร์ทเครื่อง และเปิดโหมดฉุกเฉินค่ะ
การแคปภาพหน้าจอ ให้กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ Samsung Galaxy S9 ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Exynos 9810 แบบ Octa Core ความเร็ว 2.8GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Mali-G72 MP18 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 2 แสนกว่าๆ ถือว่าทำออกมาได้ดีสำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธง นอกจากนี้การใช้งานจริงยังทำงานได้แบบมีประสิทธิภาพ เล่นเกมสีสันสดใสไม่กระตุก เล่นได้แบบลื่นๆ เลยค่ะ
สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ Samsung Galaxy S9 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล SM-G960F, ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.0, ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9810, จีพียู Mali-G72, หน้าจอความละเอียด 2220×1080 พิกเซล, กล้องหลัง 12.2MP, กล้องหน้า 8MP, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 1179MB, ความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 46.80GB และรองรับ NFC เป็นต้น
และเมื่อนำ Samsung Galaxy S9 ไปทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกม ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ ทำงานได้อย่างลื่นไหล จอภาพกราฟิกสวย สีสันคมชัดมาก ระบบทัชสกรีนทำงานได้ดี แต่ยังปรากฏขอบด้านข้างเอาไว้ทำให้ระหว่างเล่นเกมดูขัดๆ เล็กน้อยค่ะ
Interface
หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน เข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนมุมขวาขึ้น และเข้าถึงการโทรสนทนาได้ทันทีที่มุมซ้ายล่าง หลังปลดล็อคหน้าจอจะพาเข้าสู่หน้า Home screen เมื่อปัดหน้าจอขึ้นหรือลงจะพาเข้าสู่หน้ารวมแอปฯ ที่ติดมากับตัวเครื่องค่ะ
เมนูการใช้งานภายในตัวเครื่อง
หน้าจอมีฟีเจอร์ตัวกรองสีฟ้าที่จะปรับหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวลช่วยถนอมสายตา โหมดหน้าจอปรับช่วงสี ระดับสี และความคมชัดในการแสดงผลได้ รวมถึงเปลี่ยนค่าความละเอียดของหน้าจอได้ที่ตั้งแต่ระดับ HD+, Full HD+ และ WQHD+
การโทรสนทนา และการส่งข้อความ
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น และตั้งค่าการใช้งาน ได้ที่หน้าการบำรุงรักษาอุปกรณ์
Samsung Galaxy S9 มีรูปแบบการปลดล็อคที่หลากหลาย ได้แก่ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง, การตั้งรูปแบบปลดล็อคตัวเครื่องอื่น เช่น การปัดหน้าจอ, ใส่พินไอดี, รหัสผ่าน
เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner) ใช้งานอย่างง่ายดายด้วยการยกสมาร์ทโฟนขึ้นเพื่อให้ดวงตาของเราตรงกับวงกลม 2 วงบนหน้าจอเพื่อสแกนม่านตา
การใช้งานของระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) เพียงแค่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นคล้ายกับว่ากำลังถ่ายเซลฟี่ ก็สามารถปลดล็อคตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็วแล้วค่ะ
และ Intelligent Scan หรือการสแกนอัจฉริยะ ปลดล็อคได้ทันทีด้วยเทคโนโลยีที่สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นรวมเอาระบบจดจำใบหน้า และการสแกนม่านตาผสานเข้าด้วยกัน เมื่อการรับรู้ใบหน้าไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ การสแกนม่านตาจะเข้ามาช่วยยืนยันตัวตน พร้อมสามารถระบุตัวคุณได้แม้ในที่มีแสงน้อย
การใช้งาน Smart Lock ช่วยรักษาอุปกรณ์และบัญชีให้ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย สามารถตั้งล็อคอุปกรณ์ได้ทันทีเมื่ออุปกรณ์ไม่ได้อยู่กับตัว, การใช้ Chromebook ล็อคโดยอัตโนมัติเมื่อไม่ได้อยู่กับตัว และปลดล็อคทันทีเมื่ออุปกรณ์อยู่ใกล้ๆ และไม่ได้ล็อคอยู่ หรือใช้รหัสผ่านลดความยุ่งยากในการรักษาบัญชีให้ปลอดภัย สามารถบันทึกรหัสผ่านไปยังบัญชี Google ใช้งานได้อย่างสะดวก และปลอดภัย
หน้าอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุด
ในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลการเปิดใช้งานคุณสมบัติพิเศษ อาทิ การพักหน้าจออัจฉริยะ, โหมดใช้งานมือเดียว หรือใช้งาน 2 หน้าจอ และการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดหรือปิดแผงการแจ้งเตือน เป็นต้น
ฟีเจอร์ Always On Display แสดงผลบนหน้าจอขณะหน้าจอปิดค่ะ
หน้า Quick settings จะต้องเลื่อนหน้าจอด้านบนลง แถบด้านล่างจะเป็นการแจ้งเตือน
Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวใหม่ของซัมซุง สามารถสั่งงานด้วยเสียง ข้อความ หรือการสัมผัส Bixby สามารถเรียนรู้รูปแบบการทำงานของผู้ใช้ได้ตลอดเวลา เข้าถึงได้ง่ายๆ ด้วยการกดปุ่มข้างตัวเครื่องเพื่อเข้าสู่หน้าหลักของ Bixby หรือกดค้างเพื่อคุยกับ Bixby
แผง Edge เข้าถึงแอปฯ โปรดได้ที่หน้าจอขอบ ด้วยการปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อดูแผงอื่นๆ สามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้ด้วยการปัดแผง Edge ไปทางด้านซ้าย สามารถเข้าถึงแอปฯ ที่ใช้บ่อยๆ ได้ทันทีค่ะ
Samsung Health เป็นแอปฯ ที่รวบรวมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสำหรับคนรักสุขภาพแบบครบวงจร เหมือนมีโค้ชคอยให้คำแนะนำในการออกกำลังกาย ช่วยเก็บข้อมูลการรับประทานอาหาร และเครื่องดื่ม, บันทึกอัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละวัน และปรับรูปแบบการออกกำลังกายให้ตรงใจผู้ใช้งาน, แอปฯ ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Gear
คู่มือการใช้งานของฟีเจอร์ และโหมดการทำงานต่างๆ ของ Galaxy S9
สามารถปรับแต่งหน้า Home screen ได้เอง ไม่ว่าจะเป็น ตั้งค่าวอลเปเปอร์ หน้าวิดเจ็ต หรือการตั้งค่าอื่นๆ
แอปฯ พิเศษที่ติดมากับตัวเครื่อง และสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการได้เพิ่มเติมที่ Play Store
หากกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะขึ้นหน้าแอปฯ ที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด สามารถเคลียร์แอปฯ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดไปที่ปิดทั้งหมด, ส่วนการใช้งานแอปฯ 2 หน้าจอ หรือ Multi Window ให้เพื่อนๆ กดค้างไปที่ปุ่ม Recent Apps แล้วเลือกใช้งานแอปฯ หรือเว็บที่ต้องการ สำหรับการปิด-เปิดเครื่อง, รีสตาร์ท และเปิดโหมดฉุกเฉิน ทำได้ด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้า ได้แก่ โหมดโฟกัสสำหรับเซลฟี่ที่ช่วยสร้างภาพเซลฟี่พร้อมเอฟเฟ็กต์ภาพเบลอ พร้อมเลือกปรับระดับสีผิว และความเนียนของผิวได้เอง, ถัดมาเป็นโหมดเซลฟี่ มีให้เลือกปรับฟิลเตอร์แสงตามใจชอบ รวมถึงปรับระดับสีผิว และความเนียนของผิวได้เช่นเดียวกัน
โหมดการถ่ายภาพในมุมกว้าง เก็บภาพเซลฟี่ในมุมกว้างไม่หลุดเฟรม และท้ายสุดเราจะมาพูดถึง AR Emoji สุดน่ารัก ที่จะมีตัวการ์ตูนสติ๊กเกอร์ขยับได้แบบ 3D, ภาพสติ๊กเกอร์ขยับได้, กรอบภาพ และแสตมป์ลายน้ำให้เราได้เลือกใช้
นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง My Emoji ได้แบบง่ายๆ ด้วยการบันทึกภาพใบหน้าของตนเองลงบนกรอบวงกลม และเพื่อให้ได้ภาพ My Emoji ส่วนตัวของเราดีที่สุด จะต้องถอดแว่นหรือปัดผมออก จากนั้นยิ้มแบบไม่เห็นฟันแล้วกดถ่ายภาพได้เลยค่ะ หลังกดถ่ายภาพจะมีให้เรายืนยันว่าต้องการให้ My Emoji เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จากนั้นระบบจะทำการสร้างตัว My Emoji แบบ 3D ให้เรา
ลำดับถัดไปเมื่อระบบสร้าง My Emoji แบบ 3D ให้เสร็จแล้ว จะมีให้เราเลือกปรับแต่งสีผิว ทรงผม สีของผม มีแว่นตาให้เลือกใส่แบบชิคๆ
จากนั้นเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่โดนใจ แล้วกดตกลงได้เลยค่ะ เพียงเท่านี้ระบบก็จะบันทึกภาพ My Emoji ให้เราในอัลบั้มแกลเลอรี่ทันทีแบบอัตโนมัติ โดยจะมีให้ใช้งานทั้งหมด 18 แบบ นอกจากนี้ยังใช้งาน My Emoji เป็นภาพเคลื่อนไหว (เฉพาะใบหน้า) ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การอ้าปาก, ขยิบตา, ยิ้ม เป็นต้น
ตัวอย่าง My Emoji
มาต่อกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหลังกันบ้าง เริ่มจาก โหมดถ่ายภาพอาหารให้มีสีสันสดใสน่ารับประทานยิ่งขึ้น, โหมดพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง, โหมดถ่ายภาพมือโปร ที่สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้เอง รวมถึงปรับค่ารูรับแสง f/1.5 และ f/2.4 ด้วย ซึ่งหากสังเกตที่เลนส์กล้องด้านหลังจะมีการกระพริบเหมือนกับดวงตาของมนุษย์เลยค่ะ
โหมดโฟกัสที่เลือก คือถ่ายภาพวัตถุที่เรานั้นโฟกัสเป็นพิเศษ, โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติที่รองรับฟิลเตอร์สีต่างๆ
การบันทึกวิดีโอ Super Slow-mo
สร้าง My Emoji ได้ง่ายๆ เหมือนกับกล้องหน้า และการบันทึกวิดีโอแบบ Hyperlapse ที่เลือกปรับความเร็วได้ตามต้องการ
เมนูการตั้งค่าสำหรับกล้องหลังและกล้องหน้าของ Samsung Galaxy S9
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Samsung Galaxy S9
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอาหาร
ภาพบนจากโหมดถ่ายภาพอาหาร ภาพล่างจากโหมดอัตโนมัติ
ภาพบนจากโหมดถ่ายภาพอาหาร ภาพล่างจากโหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างวิดีโอแบบ Super Slow-mo
การบันทึกวิดีโอ Super Slow-mo ใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะปุ่มบันทึกแล้วถือ Galaxy S9 ไว้เพื่อเริ่มการตรวจจับความเคลื่อนไหว ซึ่งบนหน้าจอจะปรากฏกรอบสี่เหลี่ยมขึ้น และหากมีบางสิ่งเคลื่อนไหวในกรอบสี่เหลี่ยม ระบบก็จะทำการบันทึกวิดีโอ Super Slow-mo แบบอัตโนมัติค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Samsung Galaxy S9
สำหรับกล้องหน้าของ Samsung Galaxy S9 มาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 1/3.6″ ค่ารูรับแสง f/1.7 จากตัวอย่างภาพถ่ายข้างต้นเลือกถ่ายด้วยโหมดเซลฟี่ที่ใช้ฟิลเตอร์น่ารัก ปรับค่าผิวเนียนที่ระดับต้นๆ ภาพที่ได้มีความเป็นธรรมชาติไม่นวลเนียนเกินไป เห็นรายละเอียดของเส้นผม เสื้อผ้า หรือฉากหลัง โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังค่ะ
จุดเด่น
– จอแสดงผล Super AMOLED กว้าง 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล (Quad HD+) อัตราส่วน 18.5:9 แบบ Infinity Display กระจกกันรอยขีดข่วน Corning Gorilla Glass 5
– ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.8GHz จีพียู Mali-G72 MP18 ภาพกราฟิกสวยคมชัด ระบบทำงานได้ลื่นไหลมาก
– หน่วยความจำแรม 4GB จับคู่ความจุ 64GB รองรับ microSD Card สูงสุด 400GB
– กล้องหลังความละเอียด 12MP พร้อม LED flash กันสั่น OIS สามารถปรับค่ารูรับแสง (Dual Aperture) ได้ระหว่าง f/1.5 และ f/2.4 เพื่อเพิ่มความสว่าง และความคมชัดให้ภาพถ่าย
– กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง f/1.7 มีให้ปรับค่าผิวเนียน
– การบันทึกวิดีโอ Super Slow-mo ถ่ายภาพเคลื่อนไหวทำออกมาได้ดี เห็นรายละเอียดชัดเจน
– AR Emoji สร้างสติ๊กเกอร์ภาพ GIF เคลื่อนไหวได้แบบน่ารักๆ โดยสติ๊กเกอร์รูปแบบอารมณ์มีทั้งหมด 18 แบบ
– รองรับ Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะ
– ลำโพงสเตอริโอที่ปรับแต่งโดย AKG และคุณภาพเสียง Dolby Atmos
– ตัวเครื่องสีม่วง (Lilac Purple) ซึ่งเป็นสีใหม่สวยแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
– ระบบรักษาความปลอดภัยที่หลากหลาย ได้แก่ สแกนม่านตา, สแกนลายนิ้วมือ, จดจำใบหน้า หรือ Intelligent Scan หรือการสแกนอัจฉริยะ
– ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68
– แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh รองรับ Fast Charging ใช้งานได้นานเพียงพอในแต่ละวัน
ข้อสังเกต
– ตัวเครื่องใช้วัสดุกระจกทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายมาก
– AR Emoji ยังไม่ค่อยเหมือน และมีให้ใช้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ รวมถึงไม่รองรับการเคลื่อนไหว หรือท่าทางบางอย่างด้วย
– รองรับชาร์จไร้สายก็จริง แต่ต้องจะซื้อ แท่นชาร์จ สายชาร์จ และอะแดปเตอร์ แยกต่างหากค่ะ
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แต่ต้องเลือกใช้งานระหว่าง SIM + SIM หรือ SIM + MicroSD Card ไม่สามารถใช้งาน SIM + SIM + MicroSD Card ได้ภายในเวลาเดียวกัน
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– iPhone 8 (64GB)
– Huawei Mate 10 Pro
– Huawei P20 Pro
– Sony Xperia XZ2
– Samsung Galaxy S8+
Leave a Reply