รีวิว Samsung Galaxy S5 / Gear 2 / Gear Fit ชีวิตที่ใช่ กับ Gadget อัจฉริยะ
เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่กันไปแล้วสำหรับ Samsung Galaxy S5 และ AIS ที่ร่วมกันจัดงาน และมีแพคเกจพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพคเกจที่ AIS Shop ได้เล่นเน็ตฟรีทั้งปี โทรฟรีทุกวันบนเครือข่ายเอไอเอส
วันที่ 11 เมษายน ถือเป็นฤกษ์ดี ที่ซัมซุงเริ่มจำหน่าย Galaxy S5 พร้อมกับ Gear ทั้งสองรุ่น เป็นวันแรกพร้อมกันทั่วโลก
และนี่คือลูกค้าคนแรกที่ต่อแถวซื้อ Galaxy S5 เป็นคนแรกในประเทศไทย เริ่มจำหน่ายในเวลา 11.11 น. ของวันที่ 11 เมษายน ทันเอาไปลุยน้ำเล่นสงกรานต์พอดี จะสาดแรงแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัว
ทันทีที่ห้างเปิด ลูกค้าก็รีบเดินตรงกันมาที่ Samsung Experience Shop ที่ห้างสยามพารากอน
มร. พอล บุย ชาวเบลเยี่ยมที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็นคนแรกในประเทศไทยที่มาต่อแถวรอซื้อ “ซัมซุง กาแลคซี่ เอส ไฟว์” พร้อมสิทธิพิเศษเพียงหนึ่งเดียวที่ได้เป็นเจ้าของซัมซุง เกียร์ ฟิต และอุปกรณ์เสริม มูลค่ากว่า 9,000 บาท
ยืนยันด้วยบัตรคิวหมายเลข 1 งานนี้ไม่มีดราม่า
หลังจากห้างเปิดให้บริการไม่กี่นาที ก็มีลูกค้ากว่าร้อยคน ต่อแถวรอซื้อ Samsung Galaxy S5 ซึ่งในช่วงแรก มีจำหน่ายเฉพาะสีดำและขาว สีน้ำเงินคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายปลายเดือนเมษายน และสีทองประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้
Samsung Gear Fit ราคา 5,900 บาท ก็เป็นสินค้าที่หลายคนชื่นชอบและอยากได้มาใช้งานร่วมกับ Samsung Galaxy
ในความเป็นจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องต่อแถว ก็มีจำหน่ายในช้อปใหญ่ๆ ทั่วประเทศ แต่จำนวนต่อสาขา อาจจะมีไม่มากนักในสัปดาห์แรก
เรามาดูจุดเด่นของ Galaxy S5 กันบ้าง ซึ่งมี 5 ข้อหลัก คือ กล้อง, โหมดยืดอายุแบตเตอรี่, กันน้ำได้, เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 2 เครือข่ายพร้อมกัน และสุดท้าย มีฟังก์ชั่นสำหรับคนรักสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ
กล้องของ Galaxy S5 สามารถจับโฟกัสได้รวดเร็วมาก ใช้เวลาเพียง 0.3 วินาที ส่วนความแม่นยำของโฟกัส เท่าที่ลองดู ถือว่าแม่นยำดีมาก เป๊ะทุกครั้ง
มีฟังก์ชั่น HDR ถ่ายบุคคลย้อนแสง หรือสถานที่ที่มีแสงน้อย ก็สว่างดูดีได้
ถ่ายภาพได้สนุกกว่าเดิม ด้วยการเลือกโฟกัสได้ แม้ภาพจะถ่ายและบันทึกเสร็จแล้ว ก็มาเลือกทีหลังว่าจะให้หน้าชัดหลังเบลอ หรือหลังเบลอหน้าชัด เพราะกล้องถ่ายเก็บไว้หลายภาพให้ชัดในจุดที่มีความลึกต่างกันล่วงหน้า โดยที่เราไม่รู้ตัว
ในการถ่ายภาพ เราอาจจะไม่มีเวลาเลือกโหมดล่วงหน้า ซัมซุงจึงบันทึกไว้ให้หมดทุกโหมด เลือกใช้ทีหลังได้ทันที
เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยเพียง 10% ก็ยังสามารถยืดอายุ ใช้งานต่อได้นานเกือบ 24 ชั่วโมง ด้วย Ultra Power Saving Mode ที่เปลี่ยนหน้าจอเป็นขาวดำ ลดการใช้พลังงาน แต่ก็ยังโทรคุย เล่น Social Network ได้ปกติ กำหนดได้เองอิสระ ให้ไม่เกิน 6 แอพพลิเคชั่น อนุญาตให้รันใช้งานได้
LINE แบบหน้าจอขาวดำ สีสันถูกไล่เป็นเฉดสีเทา แต่ก็ยังใช้งานได้ตามปกติทุกอย่าง
Wallpaper, Icon และภาพทั้งหมดบนหน้าจอ ก็กลายเป็นโทนสีขาวดำ ช่วยประหยัดพลังงานบนจอ AMOLED
ป้องกันละอองน้ำและฝุ่นผงได้ตามมาตรฐาน IP67 หมดห่วงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ไม่สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้
รองรับ Wi-Fi ได้หลายการเชื่อมต่อพร้อมกัน (MIMO)
ดาวน์โหลดแรงสะใจ ด้วยการเชื่อมต่อ 3G/4G ไปพร้อมกับ Wi-Fi ไม่ต้องเลือกแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง
S-Health 3.0 เวอร์ชั่นใหม่ พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเต้นของหัวใจ ด้วยการใช้แสงที่สว่างมาก ส่องเข้าไปที่ปลายนิ้วให้เห็นชีพจร ในการใช้งานก็เพียงแค่กดแรงๆ บริเวณ LED ไฟแฟลช รอจนกว่าระบบจะตรวจวัดเสร็จสิ้น
มีระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวและปลดล็อคหน้าจอ ทำให้เราสามารถซ่อนข้อมูลบางอย่างได้ เช่นรูปภาพใน Gallery จะไม่แสดงในส่วนที่ซ่อนไว้ หากไม่ได้สแกนลายนิ้วมือ
Galaxy S5 กันน้ำได้ มี CPU ที่ทำงานรวดเร็วกว่า กล้องดีกว่า แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่ารุ่น S4 และ Note 3
สีทองจะวางจำหน่ายช้าสุด สีฟ้าต้องรอถึงปลายเดือนเมษายนนี้
อุปกรณ์เสริมอย่าง S View Cover ก็ต้องกันน้ำด้วยเช่นกัน มีให้เลือก 5 สี สวยเงางามหรูหรามากกว่าเดิม
Samsung Gear 2 ปรับปรุงหลายด้านจาก Gear รุ่นแรก ได้แก่ อายุแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานขึ้น ไม่ต้องชาร์จทุกวัน ใช้เป็นรีโมทคอนโทรลได้ รองรับ Samsung Galaxy ได้หลากหลายรุ่นกว่าเดิม และรองรับโปรแกรมด้านสุขภาพมากขึ้น
Gear 2 เปลี่ยนสายได้เหมือนนาฬิกาข้อมือทั่วไปแล้ว สายของซัมซุง ราคาก็ไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับราคา Gear 2
ปรับแต่งกราฟฟิคการแสดงผลของ Gear 2 ได้มากขึ้น ทำให้ไม่น่าเบื่อ
การแจ้งเตือนปรากฎบน Gear 2 ที่สวมใส่บนข้อมือ พร้อมกันกับที่แจ้งเตือนบน Samsung Galaxy สะดวกและไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร โดยไม่จำเป็นต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
Gear 2 และ Gear 2 Neo มีฟังก์ชั่นที่รองรับโปรแกรมสุขภาพดีกว่าเดิม
เก็บข้อมูลในขณะออกกำลังกาย ทั้งอัตราการก้าวเดินหรือวิ่ง ระยะเวลา และอัตราการเต้นของหัวใจ
ปรับเปลี่ยนลวดลายของสีสันบนจอของ Gear 2 และ Gear Fit ได้ โดยจะมีลายพิเศษออกมาจำหน่ายด้วย เพื่อรับกระแสของแฟชั่นในขณะนั้น
Gear Fit ขนาดเล็กกว่า Gear 2 แต่ดูเท่กว่า ฟังก์ชั่นครบครันเป็นเหมือนโค้ชออกกำลังกายของเราได้เลย
ทำงานประสานกันได้ดีเยี่ยมกับ Samsung Galaxy ไม่พลาดทุกการสื่อสาร
เปรียบเทียบความแตกต่างของ Gear 2 และ Gear Fit จะเห็นได้ว่า Gear Fit เน้นเพื่อใช้งานด้านสุขภาพอย่างเดียว
Gear Fit เหนือกว่า Gear 2 / Gear 2 Neo ตรงที่รองรับการใช้งานกับ Galaxy Tab ได้ด้วย
กลับมาดู Samsung Galaxy S5 กันบ้าง โดยจะขอเปรียบเทียบขนาดกับ iPhone 5S
จะเห็นได้ว่า Galaxy S5 มีขนาดใหญ่กว่า iPhone 5S อยู่พอสมควร แต่ก็ยังจับได้ถนัดมือ ต่างจาก Galaxy Note 3 ที่ใหญ่เกินไป จับอย่างไรก็ไม่ถนัด มีโอกาสที่จะหลุดมือได้ง่ายกว่า Galaxy S5
รู้จัก Gear 2 กันไปแล้ว มาดูตัวจริงกันหน่อย
วัสดุดูดีและทนทานมากกว่า Gear รุ่นแรกเล็กน้อย
วิธีการสวมใส่ก็เหมือนกับรุ่นแรก ใช้เวลาสวมใส่นานกว่านาฬิกาข้อมือสายเหล็กหลายวินาที
กล้องถ่ายภาพที่ขอบด้านบนของ Gear 2
น้ำหนักเบา หน้าจอสีสว่างสดใส
สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อ Samsung Galaxy S5 (23,800 บาท) อยู่แล้วหรือใช้ Galaxy รุ่นอื่นอยู่ ก็อาจจะซื้อ Gear 2 หรือ Gear Fit ไปเป็น Gadget คู่ใจสำหรับเสริมความเท่ และใช้กับโปรแกรมสุขภาพในขณะออกกำลังกายด้วยก็ได้
ในส่วน Weather (รายงานสภาพอากาศปัจจุบันและล่วงหน้า) มีการปรับเปลี่ยนกราฟฟิคที่ดูสวยงามมากขึ้น
Weather Widget ที่โฮมสกรีน ก็สวยงามมากขึ้นกว่าใน Galaxy S4 / Note 3
Widget S Health ที่บอกจำนวนก้าวเดิน นับตามจริง และอัตราการเต้นของหัวใจ ส่วน Geo News จะรายงานข่าวด่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์และภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม สึนามิ ไฟไหม้ป่า แผ่นดินไหว
Widget อื่นๆอีกมากมาย ที่ซัมซุงนำเสนอ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและใช้ Smartphone ได้คุ้มค่ามากที่สุด
์Notification การแจ้งเตือน และ Toggle switch ด้านบน
Toggle switch สำหรับปิดเปิดการเชื่อมต่อและฟังก์ชั่นต่างๆ ทางลัดที่รวดเร็วกว่าการเข้าไปไล่หาเมนู
มาดู Ultra Power Saving Mode กันบ้าง
เมื่อเปิดใช้งาน หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นภาพขาวดำ และปิดการรันแอพพลิเคชั่นทั้งหมด เหลือไว้ไม่เกิน 6 แอพที่เรากำหนดเอง
แบตเตอรี่ชาร์จเต็ม ใช้งานได้นานสูงสุด 12.5 วันเลยทีเดียวสำหรับในโหมดนี้
Dial Pad เหมือนกับในรุ่นเก่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ใช้งานง่าย ปุ่มใหญ่กดง่าย
รายการแอพพลิเคชั่นที่ติดมากับเครื่อง ไม่สามารถลบได้ แต่ปิดหรือซ่อนได้
กล้องถ่ายภาพ มีเมนูสองข้าง ไม่รกจอภาพเท่าไรนัก
เมนูปิดเปิดฟังก์ชั่นที่หลากหลายของกล้อง เนื่องจากลูกเล่นเยอะมาก ก็เลยมีปุ่มเยอะ
โหมดการถ่ายภาพ (Scene)
เมนูการตั้งค่า
มาพร้อมกับ Android 4.4.2 และอัพเดตได้อีกเรื่อยๆ ภายใน 1 ปีเศษหลังเปิดตัว
หน้าจอ Lock Screen มีปุ่มลัดเข้ากล้องถ่ายภาพ และแสดงสภาพอากาศ
S Health เวอร์ชั่นใหม่ สวยกว่าน่าใช้มากขึ้น
Gallery ภาพถ่าย
คีย์บอร์ดภาษาไทย-อังกฤษ ที่ติดมากับตัวเครื่อง สามารถเปลี่ยนได้
ฝาหลังสำหรับเครื่องสี Charcoal Black
กล้อง ไฟแฟลช LED 1 ดวง และข้างๆ คือ Sensor วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ลำโพงด้านหลัง
ด้านหน้า จอภาพสีดำสนิท
LED แสดงสถานะ เป็นไฟหลายสี
ด้านบนมีช่อง Infrared ใช้เป็นรีโมทคอนโทรลได้ ถัดไปเป็นช่องต่อหูฟัง
สันขอบเครื่องด้านซ้าย มีเพียงปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง
สันขอบเครื่องด้านขวา มีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ไม่มีปุ่มชัตเตอร์
ท้ายเครื่อง มีช่องต่อ microUSB แบบ USB 3.0 เหมือนกับ Galaxy Note 3 ซึ่งไม่เหมือนกับ Android ทั่วไป แต่ใช้สาย microUSB ทั่วไปต่อใช้งานได้ ได้ความเร็วต่ำเท่า USB 2.0 และชาร์จไฟได้ตามปกติ
ช่องลำโพง ไม่เป็นโครเมียมอีกแล้ว ถัดมาในมุมขวา เป็นกล้องหน้า
โลโก้ซัมซุง ตัวอักษรสีเงิน ดูหรูหรากว่าการสกรีนสีเป็นโลโก้
ฝาหลังไม่ลื่น หนืดมือนิดๆ จับแล้วไม่หลุดมือง่าย แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีนัก
สีขาว Shimmer white ที่หลายคนชื่นชอบมากกว่าสีดำ Charcoal black
เห็นลายหลุมได้ชัดเจน ดูมีสไตล์
เสียดายที่ระดับราคา 23,800 บาท แต่ใช้วัสดุเป็นพลาสติกล้วน
ด้านหน้า สีขาวตัดขอบโครเมียมสวยงาม
ขอบโครเมียมเป็นพลาสติกทำสีให้ดูคล้ายโลหะ ต้องระวังหลุดลอกและรอยขีดข่วน ซึ่งเกิดได้ง่าย
สีขาวมีลายจุดเล็กๆ ไม่ใช่สีขาวเรียบๆ
ขอบโครเมียมตัดกับตัวเครื่องสีขาว ดูสวยงาม แต่ต้องระวังเคสที่มักจะทำให้ขอบเครื่องเสียหาย รวมทั้งต้องระมัดระวังหล่นกระจกจอแตกร้าว ซึ่งเป็นปัญหาของซัมซุงทุกรุ่นในระดับกลาง-บน
ความประทับใจเมื่อได้ทดสอบการใช้งาน
- กล้องถ่ายภาพ ทำงานได้เร็วมาก โฟกัสแม่นยำ ฉลาด ภาพถ่ายสวยงามมาก ไม่มีรุ่นใดทำได้ขนาดนี้ในตลาด
- โหมดยืดอายุแบตเตอรี่ มีประโยชน์มาก
- การเปิดใช้ระบบนับก้าวเดิน-วิ่ง ก็ไม่ได้ทำให้เปลืองแบตเตอรี่เท่าไรนัก
- มีสีทองและสีฟ้าที่สวยงาม แปลกใหม่ แวววาว
- ระบบสแกนลายนิ้วมือ ใช้ดีและมีประโยชน์กว่าของ iPhone
- ลูกเล่นของกล้อง มีประโยชน์จริง และรู้สึกสนุกกับการถ่ายภาพ
ข้อสังเกต
- วัสดุแย่ ไม่ทนทาน ไม่สมราคา เก่าเร็ว เกิดรอยขีดข่วนได้ทุกวันที่ใช้งาน
- กล้องหน้า สีจืดมาก และความละเอียดน้อยเกินไป
- เกิดความร้อนสูงเมื่อเปิดใช้งานกล้อง
- จอภาพสีสดเกินจริง ภาพบนจอไม่สวย เมื่อเปรียบเทียบกับจอภาพ IPS ที่ความละเอียดเท่ากัน
- อุปกรณ์เสริม Samsung ของแท้ ราคาสูงมาก ไม่คุ้มค่า วัสดุและเนื้องานดูธรรมดา
- ศูนย์บริการ รอคิวนาน
- ลูกเล่นกันน้ำ ยังไม่น่าไว้ใจ ต้องปิดฝาให้สนิท
- Heart rate sensor เป็นของเล่นที่ใช้งานจริงไม่ได้ในบางคน
คู่แข่งที่น่าสนใจในระดับราคาใกล้เคียงกัน
ถ้าเห็นบทความนี้ประโยชน์ รบกวนช่วยกด LIKE + SHARE ให้ทีมงานหน่อยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^
Leave a Reply