รีวิว Samsung Galaxy S10+ เรือธงพี่ใหญ่! หน้าจอ 6.4 นิ้ว ดีไซน์ Infinity-O แบตอึด 4100 mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W กล้องหลัง AI Triple Camera กล้องหน้าคู่ สแกนนิ้วใต้จอ!

รีวิว Samsung Galaxy S10+ เรือธงพี่ใหญ่! หน้าจอ 6.4 นิ้ว ดีไซน์ Infinity-O แบตอึด 4100 mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W กล้องหลัง AI Triple Camera กล้องหน้าคู่ สแกนนิ้วใต้จอ!

Samsung Galaxy S10+

สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ วันนี้เรามีบทความรีวิว Samsung Galaxy S10+ แฟลกชิปใหญ่ล่าสุดในตระกูล Galaxy S Series ฉลองครบรอบ 10 ปี ชูนวัตกรรมล้ำสมัย และดีไซน์สุดพรีเมี่ยม ด้วยหน้าจอไร้ขอบแบบใหม่ Dynamic AMOLED สไตล์ Infinity-O เจาะรูที่หน้าจอสำหรับกล้องหน้าเลนส์คู่ ให้การแสดงผลแบบเต็มจอ รองรับการแสดงผลระดับ HDR10+ ให้ภาพสีสันสดใส ในโทนสีที่กว้างและสมจริงยิ่งขึ้น

และฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Ultrasonic แบบสามมิติเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวเครื่อง ที่เป็นระบบ Optical มีความแม่นยำสูง กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงเก็บครบทุกรายละเอียดด้วยเลนส์ Ultra Wide ถ่ายภาพมุมกว้างได้ถึง 123 องศา พร้อมระบบกันภาพสั่นคู่ Dual OIS บันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ 4K ได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง พร้อมเทคโนโลยีป้องกันการสั่นไหว Super Steady ระดับ Action Camera ทำงานอัจฉริยะด้วย AI ถือเป็นดีไวซ์ที่ตอบครบทุกโจทย์ และสเปคการใช้งานอื่นๆ ที่จัดเต็ม

screen-17.04.37[19.06.2019]

Samsung Galaxy S10+ มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ Prism Black, Prism White, Prism Green, Ceramic Black, Ceramic White ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 35,900 บาท (128GB), 44,900 บาท (512GB) และ 55,900 บาท (1TB) ซึ่งในวันนี้ทาง ninethaiphone จะขอนำเอา Galaxy S10+ ตัวเครื่องสีขาว Prism White มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปชมรีวิวกันเลยค่ะ

ข้อมูลสเปค Samsung Galaxy S10+

Features Samsung Galaxy S10+
วันเปิดตัว : – กุมภาพันธ์ 2562
ราคา : – 35,900.- (128GB)
– 44,900.- (512GB)
– 55,900.- (1TB)
– (ณ วันที่ 21 มิ.ย. 62)
ระบบปฏิบัติการ : – Android 9.0 (Pie) ครอบทับ One UI
หน้าจอ : – หน้าจอ Dynamic AMOLED
– ขนาด 6.4 นิ้ว
– ความละเอียด 1440×3040 พิกเซล
– อัตราส่วน 19:9
– กระจก Corning Gorilla Glass 6
– HDR10+
– Always-on display
CPU : – Exynos 9820 แบบ Octa Core ความเร็ว 2.7 GHz
GPU : – Mali-G76 MP12
RAM : – 8GB
– 12GB
ความจำตัวเครื่อง : – 128GB
– 512GB
– 1TB
– microSD Card สูงสุด 512GB
กล้องหลัง : – 12MP + 12MP + 16MP
– เลนส์ Wide + Telephoto + Ultrawide
– ค่ารูรับแสง f/1.5-2.4 + f/2.4 + f/2.2
– LED flash
– Dual Pixel PDAF
– กันสั่น OIS
– Auto Focus
– 2x optical zoom
– auto-HDR
– panorama
กล้องหน้า : – 10MP + 8MP
– ค่ารูรับแสง f/1.9 + f/2.2
– Dual Pixel PDAF
– Auto-HDR
Video : – 2160p@60fps, 1080p@240fps, 720p@960fps
Battery : – 4100 mAh สนับสนุน Fast Charging และ Wireless Charging 15W
ขนาด : – 157.6×74.1×7.8 มม.
น้ำหนัก : – 175 กรัม
รองรับซิม : – Hybrid Dual SIM
ระบบกันน้ำ : – IP68
ระบบเครือข่าย : – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz
– 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz
– 4G LTE
ระบบเชื่อมต่อ : – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax
– Bluetooth 5.0
– NFC
– USB Type-C
– FM radio
– ANT+
– 3.5mm jack
GPS : – GPS
– Glonass
– Beidou
– Galileo
Sensor : – Fingerprint Under Display
– Accelerometer
– Gyro
– Proximity
– Compass
– Barometer
– Heart rate
– SpO2
สี : – Prism Black
– Prism White
– Prism Green
– Ceramic Black
– Ceramic White

ทำความรู้จัก Samsung Galaxy S10+

Galaxy S10+ (1)

ด้านหน้า Samsung Galaxy S10+ มาพร้อมจอแสดงผล Dynamic AMOLED เทคโนโลยี Cinematic Display รองรับ HDR10+ ดีไซน์จอใหม่ล่าสุดแบบ Infinity-O มีการเจาะรูที่มุมขวาแบบ Hole Punching เหลือขอบล่างและขอบบนไว้เพียงเล็กน้อย ขนาดหน้าจอใหญ่เต็มตา 6.4 นิ้ว อัตราส่วนการแสดงผล 19:9 ความละเอียด 1440×3040 พิกเซล (Quad HD+) สีสันคมชัดสวยงาม สว่างสดใส ความสว่าง 800 unit และ Contrast Ratio 1:2,000,000 ขาว-ดำชัดทุกเฉด

โดยการแสดงผลค่าเริ่มต้นเป็น Full HD+ แต่สามารถปรับเปลี่ยนเป็น Quad HD+ ได้ด้วยเมนูการตั้งค่า พร้อมรองรับฟีเจอร์ Always-on display และเทคนิค Dynamic Tone Mapping ที่มีการปรับเปลี่ยนการแสดงผลให้เหมาะสมกับภาพที่เห็นอยู่ตลอดเวลา และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 6 ทั้งด้านหน้าและหลัง รวมถึงติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ไว้ใต้จอแสดงผล ซึ่งเทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงในการสแกนแบบ 3D ทำให้แม่นยำและปลอดภัย

Galaxy S10+ (16)

ด้านหน้าส่วนบน Galaxy S10+ มาพร้อมกล้องเซลฟี่ 2 ตัว เป็นเซ็นเซอร์หลัก และกล้อง RGB Depth ความละเอียด 10MP + 8MP ค่ารูรับแสง f/1.9 + f/2.2 พร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel PDAF โดยเลนส์กล้องและเซ็นเซอร์ต่างๆ ถูกฝังอยู่ใต้จอแสดงผล ถัดขึ้นไปเป็นช่องลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา ขอบสีดำด้านบนและด้านล่างบางเฉียบมากกว่าเดิม

Galaxy S10+ (2)

ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบไปด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

Galaxy S10+ (11)

ด้านหลัง Galaxy S10+ ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 157.6×74.1×7.8 มม. และน้ำหนัก 175 กรัม ตัวเครื่องจับถนัดมือ กรอบเครื่องอลูมิเนียมขัดเงา 7000 series ผิวด้านหลังเรียบลื่น ตัวเครื่องสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 อยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที โดดเด่นด้วยสีสันที่แตกต่างกันไป มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ Prism Black, Prism White, Prism Green, Ceramic Black และ Ceramic White พร้อมเทคโนโลยีเคลือบด้วยฟิล์มนาโน ด้านบนเป็นส่วนของกล้องถ่ายภาพ 3 ตัว ถัดลงมาเป็นโลโก้แบรนด์ Samsung

Galaxy S10+ (13)

ด้านหลังส่วนบน เริ่มจากฝั่งซ้าย ประกอบด้วย เลนส์ซูม Telephoto ความละเอียด 12MP + เลนส์มุมกว้าง Wide Angle 12MP + กล้องเลนส์กว้างพิเศษ Ultra Wide Camera 16MP ค่ารูรับแสง f/1.5-2.4 + f/2.2 + f/2.4 พร้อมไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

Galaxy S10+ (12)

ด้านหลังส่วนล่าง ใต้แผ่นกระดาษมีการสกรีนรหัสโมเดล เลข IMEI และอื่นๆ เอาไว้

Galaxy S10+ (7)

ด้านบนตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย รูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM

Galaxy S10+ (8)

ซึ่งช่องใส่ซิมการ์ดจะเป็นแบบ Hybrid Dual SIM รองรับได้ 2 ซิมการ์ด แต่จะต้องเลือกใช้งานระหว่าง SIM + SIM หรือ SIM + microSD Card ที่รองรับสูงสุด 512GB ค่ะ

Galaxy S10+ (6)

ด้านล่างตัวเครื่อง พบช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, รูไมค์โครโฟน และลำโพงตัวหลักเพื่อความบันเทิง โดยลำโพงคู่ Sterio ระบบเสียง 24 bit รองรับ Dolby Admos surround 3D sound ปรับจูนเสียงโดย AKG

Galaxy S10+ (9)

ด้านซ้ายตัวเครื่อง พบปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง และปุ่มเรียกใช้งานผู้ช่วย Bixby

Galaxy S10+ (10)

โดยปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่เหนือปุ่ม Bixby ค่ะ

Galaxy S10+ (4)

ด้านขวาตัวเครื่อง พบแค่เพียงปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด/ปิดตัวเครื่อง, รีสตาร์ทเครื่อง และเปิดโหมดฉุกเฉินค่ะ

Galaxy S10+ (5)

การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์

ทดสอบประสิทธิภาพ

Screenshot_20190325-174836_AnTuTu Benchmark_resize

เมื่อนำ Samsung Galaxy S10+ ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Exynos 9820 แบบ Octa Core ความเร็ว 2.7GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Mali-G76 MP12 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) ครอบทับ One UI เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมทะลุ 3 แสนทีเดียว ซึ่งทำออกมาได้ดีสำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงพี่ใหญ่ และทำคะแนนได้มากกว่า Galaxy S10 ที่เราได้รีวิวไปให้ชมก่อนหน้านี้ (คลิกชมรีวิว)

Screenshot_20190325-174906_AnTuTu Benchmark_resize
Screenshot_20190325-175021_AnTuTu Benchmark_resize

สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ Samsung Galaxy S10+ ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล SM-G975F, ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9, ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9820, จีพียู Mali-G76, หน้าจอ 6.39 นิ้ว ความละเอียด 1080×2280 พิกเซล, กล้องหลัง 12MP, กล้องหน้า 10MP, แบตเตอรี่ 4100 mAh, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 2373MB, ความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 102.54GB และรองรับ NFC เป็นต้น

game (4)

เมื่อนำ Samsung Galaxy S10+ ไปทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกม โดยทางทีมงานได้ลองดาวน์โหลดเกม PUBG Mobile มาลองเล่นกันดูค่ะ พบว่าประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ ทำงานได้อย่างลื่นไหลดีเยี่ยมสมกับเป็นเรือธงทรงประสิทธิภาพ

Screenshot_20190316-160005_PUBG MOBILE_resize

แรกเริ่มเข้าสู่เกม ระบบปรับค่าความละเอียดอยู่ที่ระดับสูงให้ ตามระดับของอุปกรณ์ซึ่งมีฮาร์ดแวร์สเปคสูงเป็นที่เรียบร้อย

Screenshot_20190316-165019_PUBG MOBILE_resize

จอภาพกราฟิกสวยสมจริง สีสันคมชัดสุดๆ ระบบทัชสกรีนทำงานได้ดี ทำให้เล่นกันได้แบบเพลินๆ เลยค่ะ

Screenshot (14)

นอกจากนี้ระหว่างที่กำลังเล่นเกมโปรด ยังมีแถบ Game Tools สำหรับปิดกั้นแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ หรือสายเรียกเข้า พร้อมเปิดระบบเสียง Dolby Atmos และคุณสมบัติเกมขั้นสูง เป็นต้นอีกด้วย

Interface

Screenshot (2)

หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน และเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนมุมขวาขึ้น และเข้าถึงการโทรสนทนาได้ทันทีที่มุมซ้ายล่าง

Screenshot (34)

หากลงทะเบียนลายนิ้วมือแล้ว สามารถสแกนบนหน้าจอเพื่อปลดล็อกตัวเครื่องได้เลยค่ะ

Screenshot (3)

หลังปลดล็อคหน้าจอจะพาเข้าสู่หน้า Home screen เมื่อปัดหน้าจอขึ้นหรือลงจะพาเข้าสู่หน้า Home Screen และเมื่อกดปุ่มข้างตัวเครื่องทางฝั่งซ้ายจะเป็นการเรียกใช้งานผู้ช่วยส่วนตัว Bixby โดยสามารถสั่งงานด้วยเสียง ข้อความ หรือการสัมผัส ซึ่งเจ้า Bixby สามารถเรียนรู้รูปแบบการทำงานของผู้ใช้ได้ตลอดเวลา

Screenshot (4)

ปัดขึ้นจะเจอกับหน้ารวมแอปฯ ทั้งหมดในตัวเครื่อง

Screenshot (5)

เมื่อกดค้างไปที่ว่างบนจอแสดงผล จะมีเมนูให้ตั้งค่าวอลเปเปอร์, ธีม, วิดเจ็ต และตั้งค่าหน้าจอหลัก ส่วนธีมมีให้เลือกใช้งานหลายสไตล์ ทั้งแบบเรียบๆ และแบบมีสีสัน

Screenshot (6)

เข้าถึงหน้า Quick settings ได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนหน้าจอด้านบนลง ส่วนแถบด้านล่างจะเป็นการแจ้งเตือน

Screenshot (15)

แผง Edge เข้าถึงแอปฯ โปรดได้ที่หน้าจอขอบ ด้วยการปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อดูแผงอื่นๆ สามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้ด้วยการปัดแผง Edge ไปทางด้านซ้าย สามารถเข้าถึงแอปฯ ที่ใช้บ่อยๆ ได้ทันทีค่ะ

Screenshot (8)

ดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการเพิ่มเติมได้ที่ Google Play และใช้งานแอปฯ จาก Google ได้อย่างครบครัน นอกจากนี้ยังรองรับ Samsung Smart Things ระบบควบคุมบ้านอัจฉริยะผ่านสมาร์ทโฟนอีกด้วย

Screenshot (7)

การโทรสนทนา, การส่งข้อความ และนาฬิกา

Screenshot (10)

หน้าแสดงข้อมูลไฟล์ในเครื่อง, หน้าอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ๆ และหน้าแสดงข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์

Screenshot (9)

เครื่องบันทึกเสียง สามารถบันทึกได้ทั้งเสียงปกติ, เสียงระหว่างสัมภาษณ์ และคำพูดเป็นข้อความ

Screenshot (12)

ปฏิทิน, เครื่องคิดเลข และสมุดโน๊ต

Screenshot (1)

Game Tools สำหรับปิดกั้นแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ หรือสายเรียกเข้าระหว่างที่ผู้ใช้งานกำลังเพลิดเพลินไปกับเกมสุดโปรด

Screenshot (13)

สำหรับ Game Launcher เป็นแอปฯ สำหรับจัดเก็บเกมทั้งหมดไว้ในที่เดียวกัน รวมทั้งสามารถใช้คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับการเล่นเกม เช่น ประหยัดพลังงานขณะเล่นเกม ปิดการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม เป็นต้น

Screenshot (11)

รองรับ Samsung Health สำหรับคนรักสุขภาพและการออกกำลังกาย, Galaxy Store และ Galaxy Wearable สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมของ Samsung

Screenshot (16)

เมนูการตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง

Screenshot (17)

มีโหมดหน้าจอปรับช่วงสี ระดับสี และความคมชัดในการแสดงผลได้ รวมถึงเปลี่ยนค่าความละเอียดของหน้าจอได้ที่ตั้งแต่ระดับ HD+, Full HD+ และ WQHD+

Screenshot (33)

พร้อมมีฟีเจอร์ตัวกรองสีฟ้าที่จะปรับหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวลช่วยถนอมสายตา โดยลดแสงสีฟ้ามากกว่าจอ OLED ทั่วไปถึง 40% ซึ่งโหมดนี้จะพิเศษกว่าที่หน้าจอจะไม่เหลืองเข้มเหมือนกระดาษเก่าๆ แล้ว

Screenshot (18)

สามารถปิดซ่อนกล้องหน้าโดยเป็นการเพิ่มแถบสีดำไปยังด้านบนของหน้าจอเพื่อไม่ให้มองเห็นเซ็นเซอร์กล้องได้ค่ะ, รองรับการใช้งานโหมดหน้าจอใช้ง่าย และมีแอปฯ วัดสภาพอากาศ

Galaxy S10+ (17)Galaxy S10+ (19)

ตัวอย่างการซ่อนกล้องหน้าของ Galaxy S10+

Screenshot (19)

รองรับฟีเจอร์ Always On Display แสดงผลบนหน้าจอขณะหน้าจอปิด

Screenshot (20)

Samsung Galaxy S10+ มีรูปแบบการปลดล็อคที่หลากหลาย ได้แก่ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล, ระบบจดจำใบหน้า และการตั้งรูปแบบปลดล็อคตัวเครื่องอื่น เช่น การตั้งรูปแบบ, ปัดหน้าจอ, ใส่พินไอดี, รหัสผ่าน

Screenshot (21)

สแกนลายนิ้วมือและระบบจดจำใบหน้าสามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว

Screenshot (22)

Smart Switch สามารถถ่ายโอนข้อมูลเก่าไปยังมือถือเครื่องใหม่ได้ง่ายๆ ผ่านสายเคเบิล และ Wi-Fi

Screenshot (23)

รองรับ Dual Messenger หรือการโคลนแอปฯ ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอปฯ ได้พร้อมกัน 2 บัญชี ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการล็อกอินหลายบัญชีค่ะ

Screenshot (24)

เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น และตั้งค่าการใช้งาน ได้ที่หน้าการบำรุงรักษาอุปกรณ์

Screenshot (25)

รองรับการช่วยเหลือการเข้าถึงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตัวอ่านหน้าจอ, เสริมการมองเห็น, การได้ยิน เป็นต้น

Screenshot (29)

สามารถจับภาพหน้าจอได้อย่างง่ายดายด้วยการจับภาพอัจฉริยะ และแชร์คอนเทนท์ดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

Screenshot (26)

มีคู่มือการใช้งานต่างๆ มาให้ด้วย ทั้งรูปแบบ ฟังก์ชันของเครื่อง อาทิ กล้องถ่ายภาพ, ฟีเจอร์ AR Emoji, Bixby เป็นต้น

Screenshot (28)

การใช้งาน Smart Lock ช่วยรักษาอุปกรณ์และบัญชีให้ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย สามารถตั้งล็อคอุปกรณ์ได้ทันทีเมื่ออุปกรณ์ไม่ได้อยู่กับตัว, การใช้ Chromebook ล็อคโดยอัตโนมัติเมื่อไม่ได้อยู่กับตัว และปลดล็อคทันทีเมื่ออุปกรณ์อยู่ใกล้ๆ และไม่ได้ล็อคอยู่ หรือใช้รหัสผ่านลดความยุ่งยากในการรักษาบัญชีให้ปลอดภัย สามารถบันทึกรหัสผ่านไปยังบัญชี Google ใช้งานได้อย่างสะดวก และปลอดภัย

Screenshot (27)

รองรับ Wireless PowerShare โดยเป็นการแชร์แบตเตอรี่แบบไร้สาย ซึ่งมีวิธีการใช้งานที่ง่ายมากๆ และสะดวกรวดเร็ว คือหันหลังสมาร์ทโฟน Samsung ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแบ่งแบตเตอรี่ จากนั้นนำสมาร์ทโฟนเครื่องที่จะรับแบตเตอรี่มาวางบริเวณตรงกลางติดกับด้านหลังอุปกรณ์ตัวแบ่ง

Screenshot (28)

เพียงเท่านี้ก็สามารถชาร์จและแชร์แบตเตอรี่ได้อย่างง่ายดายแล้วค่ะ และไม่เพียงแต่แชร์แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนสู่สมาร์ทโฟนได้แล้ว พวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่างเช่น สมาร์ทวอทช์ หูฟังต่างๆ ที่รองรับมาตรฐาน QI ก็ยังรองรับ โดยจ่ายไฟที่ 5 โวลต์ 2 แอมป์ และมี Dual Charging ที่สามารถเสียบชาร์จไฟให้ Galaxy S10+ ไปพร้อมๆ กับวางอุปกรณ์อื่นๆ ที่ด้านหลังเครื่องสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

Screenshot (31)

โหมดการใช้งานสำหรับเด็ก ช่วยจำกัดเวลาในการใช้งาน ป้องกันการติดเกม ล็อคแอปฯ ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ และแอปฯ ที่สนุกสนานสำหรับน้องๆ หนู

Screenshot (30)

รองรับโหมดประหยัดพลังงาน เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

Screenshot (32)

เมื่อเสียบสาย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์ สามารถถ่ายโอนข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว, หากกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะปรากฏหน้าแอปฯ ที่เราใช้งานไปทั้งหมด และเมื่อกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องจะมีเมนู ปิด/เปิดเครื่อง, รีสตาร์ทเครื่อง และโหมดฉุกเฉินปรากฏขึ้นมา

Screenshot (35)

ถัดมาจะไปดูกันที่การรับชมวิดีโอบน YouTube กันค่ะ

Screenshot (36) Screenshot (37)

สำหรับการรับชมวิดีโอบน YouTube จะยังเหลือขอบด้านข้างเพียงเล็กน้อย แต่สามารถกางหรือบีบนิ้วเพื่อปรับให้ภาพพอดีกับหน้าจอได้ ซึ่งการขยายจนเต็มหน้าจอจะเป็นการซูมภาพเข้าจนไม่เหลือขอบด้านข้างและเห็นภาพได้ใกล้ตามากยิ่งขึ้น

โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ

หน้า (1)

มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้า โดยกล้องหน้าของ Galaxy S10+ เป็นเลนส์คู่ความละเอียด 10MP + 8MP ค่ารูรับแสง f/1.9 + f/2.2 พร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel PDAF โฟกัสไวและแม่นยำ เราไปดูโหมดการใช้งานกล้องหน้าทั้งหมดกันเลยค่ะ ได้แก่ โหมดไลฟ์โฟกัสสำหรับเซลฟี่ที่ช่วยสร้างภาพเซลฟี่พร้อมเอฟเฟ็กต์ภาพเบลอ สามารถเลือกปรับระดับสีผิว และความเนียนของผิวได้เอง

หน้า (2)

ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพ Auto สามารถเลือกได้ว่าจะถ่ายภาพเซลฟี่เดี่ยวหรือเซลฟี่หมู่ มีให้เลือกปรับฟิลเตอร์แสงตามใจชอบ รวมถึงรองรับโหมด Beautu เลือกปรับระดับสีผิว รูปหน้า และความเนียนของผิวได้เช่นเดียวกัน

Screenshot (38)

หลังถ่ายภาพสามารถปรับฟิลเตอร์สีได้มากมาย

หน้า (3)

โหมดบันทึกวิดีโอของกล้องหน้า รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K และมาพร้อมกันสั่น เอาใจผู้ใช้งานด้วยการใช้งานฟิลเตอร์สี และสามารถปรับค่าความสวยเนียนระหว่างบันทึกวิดีโอได้อีกด้วย

Screenshot (4)

Live Focus เพิ่มลูกเล่นเอฟเฟ็คมาให้เลือก 4 แบบ คือ Blur (เบลอธรรมดา), ปั่น (Spin), ซูม (Zoom) และเลือกจุดสี (Color Point)

หน้า (4)

โหมด AR Emoji มาพร้อมความสามารถในการแทร็กที่ง่ายขึ้น รวดเร็ว และถูกต้อง สามารถเก็บท่าทางของผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น สามารถสร้าง My Emoji ได้แบบง่ายๆ ด้วยการบันทึกภาพใบหน้าของตนเองลงบนกรอบวงกลม และเพื่อให้ได้ภาพ My Emoji ส่วนตัวของเราดีที่สุด จะต้องถอดแว่นหรือปัดผมออก จากนั้นยิ้มแบบไม่เห็นฟันแล้วกดถ่ายภาพได้เลยค่ะ หลังกดถ่ายภาพจะมีให้เรายืนยันว่าต้องการให้ My Emoji เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จากนั้นระบบจะทำการสร้างตัว My Emoji แบบ 3D ให้เรา พร้อมรองรับการใช้งานกับโหมดสติ๊กเกอร์อีกด้วย

หลัง (1)

ลำดับถัดไปเรามาชมโหมดถ่ายภาพของกล้องหลัง โดยกล้องหลังของ Galaxy S10+ มีความละเอียด 12MP (Wide Angle) + 16MP (Ultra Wide) + 12MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.5-2.4 + f/2.2 + f/2.4 พร้อม LED flash รองรับเทคโนโลยี Scene Optimizer ระบบ AI ช่วยปรับแต่งภาพให้เหมาะสม ส่วนโหมดการใช้งานต่างๆ ได้แก่ โหมดถ่ายภาพอาหารให้มีสีสันสดใสน่ารับประทานยิ่งขึ้น, โหมดพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง

photo (44)photo (5)

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอาหาร

หลัง (2)

และโหมดมือโปร สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้เอง รวมถึงปรับค่ารูรับแสง f/1.5 และ f/2.4 ด้วย ซึ่งหากสังเกตที่เลนส์กล้องด้านหลังจะมีการกระพริบเหมือนกับดวงตาของมนุษย์เลยค่ะ, โหมดไลฟ์โฟกัส สำหรับถ่ายภาพวัตถุที่เรานั้นโฟกัสเป็นพิเศษ สร้างภาพถ่ายพร้อมเอฟเฟ็กต์ภาพเบลอ มีให้เลือกปรับระดับสีผิว และความเนียนของผิวได้เอง

หลัง (3)

โหมดถ่ายภาพ Auto รองรับฟิลเตอร์สีต่างๆ และการปรับระดับหน้าสวยเนียน สังเกตเห็นจะมีไอคอนรูปต้นไม้ 3 แบบ เหนือปุ่มชัตเตอร์ สามารถเลือกสลับกล้องไปมาได้อย่างอิสระ โดยรูปต้นไม้ 1 ต้น (Telephoto) คือการซูม 2 เท่า แบบไม่เสียความละเอียด, รูปต้นไม้ 2 ต้น (Wide Angle) คือมุมมองภาพแบบปกติ และรูปต้นไม้ 3 ต้น (Ultra Wide) คือมุมมองภาพแบบมุมกว้าง โดยกล้องของ Galaxy S10+ มาพร้อมเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ให้มุมกว้าง 123 องศา เก็บภาพถ่ายแบบ Landscape ได้กว้างแบบสุดๆ

หลัง (4)

รองรับ Scene Optimizer กล้องอัจฉริยะตรวจวัตถุในเฟรม แล้วปรับแต่งภาพแบบ Real Time พร้อมมีฟิลเตอร์สี และรองรับโหมด Beauty ปรับแต่งผิวเนียน รูปหน้า ดวงตา รูปปาก ได้เหมือนกับกล้องหน้าเลยค่ะ

Screenshot_20180312-221007_Camera_resize

ระบบ AI มีความชาญฉลาด สามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เราถ่ายนั้นคืออะไร

หลัง (5)

โหมดถ่ายวิดีโอที่รองรับการบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K หรือ 3840×2160 พิกเซล ที่ 60fps พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอ HDR10+ ที่ 30fps, ฟิลเตอร์สี และปรับค่าความสวยเนียนของบุคคล รองรับไอคอนรูปต้นไม้ 3 แบบเหมือนโหมด Auto

หลัง (6)

สำหรับโหมด Slow Motion อยู่ที่ระดับ 960fps สามารถบันทึกได้นานกว่าเดิมเป็น 0.4 วินาที หรือหากปรับลดความละเอียดเหลือ 480p จะสามารถบันทึกได้ 0.8 วินาที ตอนท้ายสามารถตัดต่อหรือแก้ไขวิดีโอได้

9

วิธีการใช้งานโหมด Slow Motion ค่ะ

หลัง (7)

สุดท้ายเป็นโหมด Hyperlapse ที่เลือกปรับความเร็วได้ตามต้องการ และ Slow Motion ระดับ 960fps

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Samsung Galaxy S10+

photo (39)
photo (40)
photo (42)
photo (43)
photo (14)
photo (38)
photo (2)
photo (4)
photo (1)

photo (45)
photo (46)
photo (49)
photo (32)
photo (31)
photo (30)
photo (29)
photo (27)
photo (26)
photo (24)
photo (23)
photo (22)
photo (16)
photo (15)

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Samsung Galaxy S10+

สำหรับกล้องหน้าของ Samsung Galaxy S10+ มาพร้อมกล้องเลนส์คู่ความละเอียด 10MP + 8MP ค่ารูรับแสง f/1.9 + f/2.2 พร้อม Dual Pixel PDAF รองรับ Auto-HDR จากตัวอย่างภาพถ่ายภาพที่ได้มีความละเอียดคมชัดดีมาก ภาพถ่าย Portrait มีลูกเล่นความเบลอให้เลือกเยอะ ปรับค่าผิวเนียนอยู่ที่ระดับต้นๆ ภาพมีความเป็นธรรมชาติไม่นวลเนียนเกินไป เห็นรายละเอียดของเส้นผม เสื้อผ้า หรือฉากหลัง โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยค่ะ

0+3

ภาพถ่ายปกติ > ปรับ Beauty ระดับ 3

6+PT

ปรับ Beauty ระดับ 6 > ภาพถ่าย Portrait

จุดเด่นของ Samsung Galaxy S10+

• Samsung Galaxy S10+ เรือธงสเปคทรงพลังมีให้เลือกถึง 3 รุ่น ได้แก่ 128GB (35,900.-), 512GB (44,900.-) และ 1TB (55,900.-)
• ตัวเครื่องดีไซน์สวยหรูทันสมัย มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 มีให้เลือกมากถึง 5 สี ได้แก่ Prism Black, Prism White, Prism Green, Ceramic Black, Ceramic White*
• หน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ อัตราส่วน 19:9 ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 รองรับ HDR10+ และฟีเจอร์  Always-on Display
• ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Exynos 9820 แบบ Octa Core ความเร็ว 2.7 GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Mali-G76 MP12
• หน่วยความจำแรม 8GB และ 12GB คู่ความจุ 128GB, 512GB และ 1TB รองรับ microSD Card สูงสุด 512GB
• รันบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) ครอบทับ One UI
• กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย 12MP (Wide Angle) + 16MP (Ultra Wide) + 12MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.5-2.4 + f/2.2 + f/2.4 พร้อม LED flash, เทคโนโลยี Dual Pixel PDAF, 2x optical zoom, Digital Zoom up to 10x, กันสั่น OIS, บันทึกวิดีระดับ 4K, Slow Motion ระดับ 960fps กล้องสวยคมชัด ระบบ AI ฉลาด
• กล้องหน้าเลนส์คู่ความละเอียด 10MP + 8MP เทคโนโลยี dual Pixel PDAF ค่ารูรับแสง f/1.9 + f/2.2 พร้อม Beauty Mode และเทคโนโลยี Dual Pixel PDAF
• แบตเตอรี่มีความจุสูง 4100 mAh สนับสนุน Fast Charging และ Wireless Charging 15W สามารถใช้งานได้แบบยาวๆ หายห่วงเลยค่ะ
• รองรับพอร์ต USB Type-C
• ฝังเซ็นเซอร์ไว้ใต้จอแสดงผล และรองรับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าอันฉับไว

*รุ่นความจุ 128GB มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Prism Black, Prism White และ Prism Green
**รุ่นความจุ 512GB และ 1TB มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic Black และ Ceramic White

ข้อสังเกต

– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แต่ต้องเลือกใช้งานระหว่าง SIM + SIM หรือ SIM + MicroSD Card ไม่สามารถใช้งาน SIM + SIM + MicroSD Card ได้ภายในเวลาเดียวกัน
– ตัวเครื่องเกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย
– ราคาเรือธงค่อนข้างสูงทีเดียว

ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน

iPhone XS Max
Huawei Mate 20 Pro
Samsung Galaxy S10
Samsung Galaxy S9+
Samsung Galaxy Note 9

ขอขอบคุณ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

Written by : Nan Kanyarat Thongpeng