รีวิว Samsung Galaxy Note 9 สุดยอดเรือธง S Pen ใหม่ฉลาดล้ำ จอใหญ่ไร้กรอบ 6.4 นิ้ว กล้องคู่สวยทันใจ และสเปคที่ทรงพลังจนคุณต้องหยุด!
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ ก็เปิดตัวพร้อมกับวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Samsung Galaxy Note 9 เรือธงรุ่นใหม่จากตระกูล Galaxy Note
ชูจุดเด่นปากกา S Pen เจเนอเรชั่นล่าสุดที่ฉลาดล้ำ รองรับ Bluetooth แบบ Low-Energy สามารถสั่งการได้เสมือนรีโมทคอนโทรล เชื่อมต่อกับเครื่องสมาร์ทโฟนได้เป็นครั้งแรก และชาร์จแบตได้ง่ายๆ ด้วยการเสียบกลับเข้าไปในตัวเครื่อง
อีกทั้งยังมาพร้อมประสิทธิภาพขั้นสุด อัดแบตเตอรี่ความจุมากขึ้นใช้งานได้ตลอดวัน, ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว, มีความจุสูงสุดถึง 1TB (ความจุสูงสุด 512GB + microSD Card สูงสุด 512GB) ซึ่งหน่วยความจำที่วางจำหน่ายในไทยนั้นคือรุ่น 128GB (จริงๆ มี 2 ความจุ คือ 128GB กับ 512GB), กล้องหลังคู่อัจฉริยะที่สามารถปรับรูรับแสงได้อัตโนมัติ และหน้าจอเป็นแบบ Infinity Display ขนาดใหญ่เต็มตา 6.4 นิ้ว
พร้อมนวัตกรรมที่ดีที่สุดอีกมากมาย อาทิ เทคโนโลยี Water Carbon Cooling, ลำโพงสเตอริโอที่พัฒนาโดย AKG ให้ระบบเสียง Dolby Atmos และระบบคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น
โดย Galaxy Note 9 วางจำหน่ายในราคา 33,900 บาท ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีโอเชี่ยนบลู (Ocean Blue) ที่มาพร้อมกับ S Pen สีเหลือง สีเมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper) และสีมิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black)
ซึ่งในวันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีที่ทาง ninethaiphone จะขอนำเอา Galaxy Note 9 มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน โดยตัวเครื่องที่ทางเราหยิบมานั้นเป็นสีโอเชี่ยนบลูที่มาพร้อมปากกา S Pen สีเหลืองสุดพิเศษ อีกทั้งยังเป็นตัวเครื่องสีพิเศษที่ได้มีกระแสตอบรับดีจากแฟนๆ อีกด้วย ส่วนจะคุ้มค่าน่าซื้อใช้หรือไม่ เราไปชมรีวิวฉบับเต็มๆ กันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค Samsung Galaxy Note 9
Features | Samsung Galaxy Note 9 |
วันเปิดตัว : | – 9 สิงหาคม 2561 |
ราคา : | – 33,900.- 128GB |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 8.1 Oreo |
หน้าจอ : | – หน้าจอ Super AMOLED |
– ขนาด 6.4 นิ้ว | |
– ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล (Quad HD+ ) | |
– กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 | |
– Always-on display | |
– HDR10 | |
– Multitouch | |
CPU : | – Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.7GHz |
GPU : | – Mali-G72 MP18 |
RAM : | – 6GB |
ความจำตัวเครื่อง : | – 128GB |
– microSD Card สูงสุด 512GB | |
กล้องหลัง : | – 12MP (Wide-angle) + 12MP (Telephoto) |
– ค่ารูรับแสง f/1.5 กับ f/2.4 และ f2.4 ตามลำดับ | |
– LED flash | |
– Super Speed Dual Pixel | |
– กันสั่น OIS ทั้งสองเลนส์ | |
– dual pixel PDAF | |
– ออปติคอลซูม 2 เท่า | |
– ดิจิตอลซูม 10 เท่า | |
– Auto Focus | |
– auto-HDR | |
– panorama | |
กล้องหน้า : | – 8MP |
– ค่ารูรับแสง f/1.7 | |
– Auto Focus | |
S Pen : | – ขนาด 5.7×4.35×106.37 มม. |
– น้ำหนัก 3.1 กรัม | |
– กันน้ำ IP68 | |
Video : | – 2160p@60fps, 1080p@240fps, 720p@960fps |
Battery : | – 4000 mAh สนับสนุน Quick Charge และ Wireless Charging |
ขนาด : | – 161.9×76.4×8.8 มม. |
น้ำหนัก : | – 201 กรัม |
รองรับซิม : | – dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – IP68 |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz) |
– Bluetooth 5.0 | |
– USB Type-C | |
– Samsung DeX | |
– Bixby | |
– ANT+ | |
– NFC | |
– MST | |
GPS : | – GPS |
– A-GPS | |
– BDS | |
– GALILEO | |
– GLONASS | |
Sensor : | – Fingerprint |
– Iris Scanner | |
– Facial Recognition | |
– Intelligent Scan | |
– Accelerometer | |
– Barometer | |
– Gyro | |
– Geomagnetic | |
– Hall | |
– Heart Rate | |
– Proximity | |
– RGB Light | |
– Pressure | |
สี : | – โอเชี่ยนบลู (Ocean Blue) |
– เมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper) | |
– มิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black) |
แกะกล่อง Samsung Galaxy Note 9
สำหรับ Galaxy Note 9 ถูกบรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมสีดำขนาดกระทัดรัด ดูเรียบหรูลึกลับชวนค้นหา ด้านหน้ากล่องเด่นชัดด้วยรูปปากกา S Pen สีเหลืองปลายปากกาสีน้ำเงินที่ตระหง่านอยู่กึ่งกลางกล่อง
ด้านหลังกล่องบรรจุจะมีสเปคการใช้งานที่โดดเด่นระบุเอาไว้ค่ะ
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– ตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note 9 สีโอเชี่ยนบลู (Ocean Blue)
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– สาย micro USB
– พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
– อุปกรณ์เปลี่ยนหัวปากกา S Pen และคีมหนีบ
– หูฟัง AKG แบบ In-Ear
– จุกหูฟังสำหรับเปลี่ยน
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด (Ejection Pin)
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
– ใบรับประกันสินค้า
ทำความรู้จัก Samsung Galaxy Note 9
ด้านหน้า Galaxy Note 9 จัดเต็มด้วยหน้าจอ Infinity Display แบบ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ (2960×1440 พิกเซล) สีสันสว่างสดใสคมชัด ซึ่งการแสดงผลค่าเริ่มต้นเป็น Full HD+ แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนเป็น Quad HD+ ได้ด้วยเมนูการตั้งค่า หน้าจอมีพื้นที่แสดงผลเต็มตาใช้งานได้แบบสบายๆ บนล่างเหลือขอบไว้เพียงเล็กน้อย หน้าจอเป็นกรอบโลหะขาวดำ
พร้อมป้องกันรอยขีดข่วนด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ Always-on display อีกด้วย ซึ่งองค์ประกอบโดยรวมแล้ว Galaxy Note 9 มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนเพียงเล็กน้อย (Galaxy Note 8 หน้าจอ 6.3 นิ้ว) สามารถใช้งานได้อย่างเพลิดเพลินไปกับมุมมองที่เต็มตา และสัมผัสประสบการณ์การดูหนังที่ใหญ่สะใจ
ด้านหน้าส่วนบน ประกอบไปด้วย แสงไฟแจ้งเตือนสถานะ LED, ลำโพงฟังเสียงสนทนา, แสงไฟอินฟราเรด, เลนส์กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8MP, เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner) และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบไปด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ด้านหลัง Galaxy Note 9 ตัวเครื่องใช้วัสดุโลหะแบบ Unibody มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 161.9×76.4×8.8 มม. และน้ำหนัก 201 กรัม ตัวเครื่องจับถนัดมือไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป กรอบโลหะมีเส้นผ่านตามแนวขอบเหมือนเหลี่ยมเพชรเพิ่มความหรูหรามากขึ้น สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 อยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที
โดยตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีโอเชี่ยนบลู (Ocean Blue) ที่มาพร้อมปากกา S Pen สีเหลือง, สีเมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper) และสีมิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black)
ด้านหลังส่วนบน Galaxy Note 9 มีกล้องหลังเลนส์คู่ที่ฝังกับฝาหลังเพื่อเพิ่มความเรียบเนียนรอบด้าน เลนส์กล้องคู่จัดวางในรูปแบบแนวนอนเหมือนกับ Galaxy Note 8 แต่จะมีการเปลี่ยนตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาไว้ใต้เลนส์กล้อง จากเดิมที่อยู่ด้านข้างเลนส์กล้อง
ด้านหลังส่วนล่าง มีการสกรีนรหัสโมเดล เลข IMEI และอื่นๆ เอาไว้
ด้านบนตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย รูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM
สำหรับช่องใส่ซิมการ์ด จะเป็นแบบ Hybrid Dual SIM รองรับได้ 2 ซิมการ์ด แต่จะต้องเลือกใช้งานระหว่าง SIM + SIM หรือ SIM + microSD Card ที่รองรับสูงสุด 512GB ค่ะ
ด้านล่างตัวเครื่อง พบช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และโอนถ่ายข้อมูล, รูไมค์โครโฟน, ลำโพงเสียงหลัก และช่องเสียบปากกา S Pen
ปากกา S Pen ของ Galaxy Note 9 ตัวเครื่องสีโอเชี่ยนบลู (Ocean Blue) เป็นด้ามสีเหลืองที่มีหัวปากกาสีเดียวกับตัวเครื่อง ขณะที่ตัวเครื่องสีเมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper) และ มิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black) จะมีปากกาสีเดียวกับตัวเครื่องค่ะ
ด้านซ้ายตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง และปุ่มสำหรับเรียกใช้งาน Bixby
ด้านขวาตัวเครื่อง มีแค่เพียงปุ่มพาวเวอร์สำหรับเปิด/ปิด และล็อคตัวเครื่อง
การแคปภาพหน้าจอ ให้กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ Samsung Galaxy Note 9 ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.7GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Mali-G72 MP18 มีหน่วยความจำแรม 6GB คู่ความจุ 128GB เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 225137 คะแนน อยู่ในระดับที่ดีสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธง โดยทำได้มากกว่า Galaxy Note 8 ที่มาพร้อมชิป Exynos 8895 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz ซึ่งทำคะแนนรวมอยู่ที่ 165768 คะแนน (ชมรีวิว)
สำหรับสเปคการใช้งานของ Samsung Galaxy Note 9 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล SM-N960F, ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9810, รันบน Android 8.1, ใช้หน้าจอ 2220×1080 พิกเซล, กล้องหลังคู่ 12MP, แบตเตอรี่ 4000 mAh, มีหน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 3218MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 101.14GB เป็นต้น
เมื่อทดลองเล่นเกมที่มีกราฟิกสูงๆ พบว่า Galaxy Note 9 มีหน้าจอแสดงผลพิกเซลสวยคมชัดสมจริง ภาพสวย เสียงดังกระหึ่มสะใจมาก ประสิทธิภาพลื่นไหลดี ไม่มีอาการกระตุก หรือติดขัดใดๆ ให้กวนใจเลยค่ะ
Interface
หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน เข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนมุมขวาขึ้น และเข้าถึงการโทรสนทนาได้ทันทีที่มุมซ้ายล่าง
หลังปลดล็อคหน้าจอจะพาเข้าสู่หน้า Home Screen เมื่อปัดหน้าจอขึ้นหรือลงจะพาเข้าสู่หน้ารวมแอปฯ ที่ติดมากับตัวเครื่องค่ะ
หน้า Bixby Home, แถบแจ้งเตือน และหน้า Quick Settings
รองรับแอปฯ พิเศษที่ติดมากับตัวเครื่อง และแอปฯ Google Duo สำหรับการสนทนาผ่านวิดีโอแบบง่ายๆ
มีแอปฯ Samsung Health, Samsung Members และแอปฯ SmartThings ให้ใช้งานด้วย
รองรับ Game Launcher แอปฯ จัดการเกมทั้งหมดในตัวเครื่อง สามารถใช้คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับการเล่นเกม อาทิ ประหยัดพลังงานขณะเล่นเกม หรือปิดการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม เป็นต้น
Galaxy Note 9 ถือเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของค่ายที่ทาง Samsung นำเทคโนโลยี Bluetooth มาใช้งานกับ S Pen โดยหัวปากกามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.7 มม. รองรับแรงกด 4096 ระดับ และกันน้ำตามมาตรฐาน IP68 รองรับการควบคุมที่ดีเยี่ยม อาทิ ใช้เป็นรีโมทในการถ่ายภาพ, เปลี่ยนหน้าพรีเซนเทชั่น, เล่นหรือหยุดวีดีโอบน YouTube, ตั้งค่าการควบคุมแบบกำหนดเอง เป็นต้น
เมื่อเราดึงปากกา S Pen ออกจากตัวเครื่อง จะพบกับหน้า Air Command สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ รองรับการจดบันทึกในโน๊ต, การแปลภาษา ซึ่งเมื่อจิ้มปลายปากกาไปยังคำที่ต้องการ ก็จะสามารถแปลภาษาได้ทันที แต่จะเป็นการแปลได้ทีละคำนะคะ
มีฟังก์ชัน Smart Select หรือการเลือกอัจฉริยะ สามารถเลือกบันทึกภาพส่วนส่วนใดของหน้าจอก็ได้ มีให้เลือกหลายรูปแบบ, การเขียนภาพหน้าจอ และ Live Message หรือข้อความสด เขียนข้อความหรือรูปภาพบันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF ให้กับเพื่อนๆ ผ่านแอปฯ แชทได้ นอกจากนี้ยังมี Screen Off Memo จดบันทึกต่างๆ ได้โดยไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอ ข้อความจะถูกแสดงบนหน้าจอ Always on Display เห็นได้ตลอดเวลา และกดบันทึกลงในโน้ตได้ด้วย
PENUP เป็นแอปฯ เครือข่ายสังคมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวาดภาพ และพูดคุยกับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เหมือนกัน เพื่อนๆ สามารถอัปโหลดผลงานให้สมาชิกในกลุ่ม PENUP ได้เห็น พร้อมแสดงความคิดเห็น กดไลค์ และรีโพสต์ได้ พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับการลงสีตามแบบฉบับของตนเอง และยังเก็บผลงานชิ้นโปรดเป็นวอลเปเปอร์บนเครื่องได้อีกด้วย
การโทรสนทนา, การส่งข้อความ และสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการได้ที่ Play Store
สมุดโน๊ต และเครื่องบันทึกเสียง
นาฬิกา, ปฏิทิน และเครื่องคิดเลข
สามารถปรับแต่งหน้า Home screen ได้เอง ไม่ว่าจะเป็น ตั้งค่าวอลเปเปอร์ หน้าวิดเจ็ต หรือการตั้งค่าอื่นๆ
เมนูการตั้งค่าภายในเครื่อง
หน้าจอมีฟีเจอร์ตัวกรองสีฟ้าที่จะปรับหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวลช่วยถนอมสายตา โหมดหน้าจอปรับช่วงสี ระดับสี และความคมชัดในการแสดงผลได้ รวมถึงเปลี่ยนค่าความละเอียดของหน้าจอได้ที่ตั้งแต่ระดับ HD+, Full HD+ และ WQHD+
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น และตั้งค่าการใช้งาน ได้ที่หน้าการบำรุงรักษาอุปกรณ์
Galaxy Note 9 มีรูปแบบการปลดล็อกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สแกนม่านตา, นวัตกรรมระบบจดจำใบหน้า, สแกนลายนิ้วมือ, Intelligent Scan หรือการสแกนอัจฉริยะ , รูปแบบ, รหัสผ่าน และรหัส 4 หลัก เป็นต้น และรองรับการใช้งาน Smart Lock ช่วยรักษาอุปกรณ์และบัญชีให้ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย
รองรับการใช้งานคุณสมบัติพิเศษ อาทิ การพักหน้าจออัจฉริยะ, โหมดใช้งานมือเดียว, โหมดมัลติวินโดว์ใช้งาน 2 หน้าจอ และการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดหรือปิดแผงการแจ้งเตือน เป็นต้น
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหลัง Galaxy Note 9 มาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12MP (Wide-Angle) + 12MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.5 กับ f/2.4 และ f2.4 ตามลำดับ รองรับ LED flash, Super Speed Dual Pixel, dual pixel PDAF, Auto Focus และมีกันสั่น OIS ทั้งสองเลนส์ มีโหมดการใช้งานดังนี้
โหมดพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง, โหมดถ่ายภาพมือโปร ที่สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้เอง รวมถึงปรับค่ารูรับแสง f/1.5 และ f/2.4 ด้วย ซึ่งหากสังเกตที่เลนส์กล้องด้านหลังจะมีการกระพริบเหมือนกับดวงตาของมนุษย์เลยค่ะ
โหมดไลฟ์โฟกัส สำหรับถ่ายภาพวัตถุที่ต้องการโฟกัสเป็นพิเศษ, โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติที่รองรับฟิลเตอร์สีต่างๆ และมีฟีเจอร์อัจฉริยะ FLAW detection ช่วยตรวจสอบความผิดพลาดแบบอัตโนมัติที่อาจเกิดขึ้นในขณะถ่ายภาพ และผสานระบบ Recognizable AI อันชาญฉลาด ที่สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เรากำลังถ่ายภาพนั้นคืออะไร ไม่ว่าจะเป็น ภาพคน, ภาพสัตว์, ภาพอาหาร หรือภาพวิวทิวทัศน์ เป็นต้น
การบันทึกวิดีโอ Super Slow-mo, การสร้าง My Emoji แสดงตัวตนของแบบใหม่ด้วย AR Emoji และการบันทึกวิดีโอแบบ Hyperlapse ที่เลือกปรับความเร็วได้ตามต้องการ
ถัดไปเรามาดูกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้า เริ่มต้นที่ โหมดโฟกัสสำหรับเซลฟี่ที่ช่วยสร้างภาพเซลฟี่พร้อมเอฟเฟ็กต์ภาพเบลอ พร้อมเลือกปรับระดับสีผิว และความเนียนของผิวได้เอง, โหมดเซลฟี่มีให้เลือกปรับฟิลเตอร์ต่างๆ รวมถึงปรับระดับสีผิว ความเนียนของผิวได้ตามต้องการ และการสร้าง My Emoji หรือ AR Emoji สุดน่ารัก
ซึ่งการสร้าง My Emoji ทำได้แบบง่ายๆ ด้วยการบันทึกภาพใบหน้าของตนเองลงบนกรอบวงกลม และเพื่อให้ได้ภาพ My Emoji ส่วนตัวของเราดีที่สุด จะต้องถอดแว่นหรือปัดผมออก จากนั้นยิ้มแบบไม่เห็นฟันแล้วกดถ่ายภาพได้เลยค่ะ หลังกดถ่ายภาพจะมีให้เรายืนยันว่าต้องการให้ My Emoji เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จากนั้นระบบจะทำการสร้างตัว My Emoji แบบ 3D ให้เราทันที
และเมื่อระบบสร้าง My Emoji แบบ 3D ให้เสร็จแล้ว จะมีให้เลือกปรับแต่งสีผิว ทรงผม สีของผม มีแว่นตา มีเสื้อผ้า ให้เลือกใช้งานมากมาย จากนั้นให้กดตกลงได้เลยค่ะ เพียงเท่านี้ระบบก็จะบันทึกภาพ My Emoji ให้เราในอัลบั้มแกลเลอรี่ทันทีแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังใช้งาน My Emoji เป็นภาพเคลื่อนไหว (เฉพาะใบหน้า) ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การอ้าปาก, ขยิบตา, ยิ้ม เป็นต้น และโหมดถัดไปจะเป็นการเซลฟี่แบบมุมกว้างค่ะ
เมนูการตั้งค่าสำหรับกล้องหลังและกล้องหน้าของ Samsung Galaxy Note 9
ตัวอย่างภาพ My Emoji
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Samsung Galaxy Note 9
ตัวอย่างวิดีโอแบบ Super Slow-mo
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Samsung Galaxy Note 9
Galaxy Note 9 มาพร้อมกล้องเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.7 เลนส์มุมกว้าง รองรับ Auto Focus ถ่ายภาพออกมาได้คมชัดในระดับนึง Face Beauty ปรับระดับต้นๆ ดูเป็นธรรมชาติไม่นวลเนียนจนเกินไป เห็นรายละเอียดของเส้นผม เสื้อผ้า หรือฉากหลัง โดยรวมแล้วทำออกมาได้ดี แต่ยังไม่ว้าวเท่ากล้องหลังค่ะ
นอกจากนี้ยังมีสติ๊กเกอร์น่ารักๆ สุดมุ้งมิ้งแบบ 3D ให้เลือกใช้งานอีกด้วย ซึ่งไม่ว่าเราจะขยับใบหน้าไปมาในทิศทางใดสติ๊กเกอร์ก็ยังตามติด แถมยังสามารถจับโฟกัสใบหน้าได้หลายคนอีกด้วยค่ะ
สรุป
Samsung Galaxy Note 9 ตัวเครื่องสีโอเชี่ยนบลู (Ocean Blue) ที่มาพร้อมปากกา S Pen สีเหลือง บอดี้กระจกสะท้อนเงาสีสวยรับกับปากกาสีใหม่ สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP68 พร้อมจอแสดงผล Infinity Display ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ แสดงผลเต็มหน้าจอบนกระจกไร้รอยต่อจากขอบจรดขอบ
จอใหญ่เต็มตา สีสันสดคมชัดดี ชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้แบบจุใจ และรองรับฟีเจอร์ Always-on display ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตเรือธง Exynos 9810 ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดาวน์โหลดไฟล์ต่าง ได้อย่างรวดเร็ว เครื่องไม่อืด ใช้งานได้อย่างลื่นไหล มีหน่วยความจำแรม 6GB จับคู่ความจุ 128GB ที่รองรับ microSD Card สูงสุด 512GB
โดยเคาะราคามาเท่ากับ Galaxy Note 8 ที่เปิดตัวเมื่อปีก่อนอยู่ที่ 33,900 บาท แต่เพิ่มความจุเริ่มต้นอยู่ที่ 128GB ขณะที่ Galaxy Note 8 นั้นมีความจุ 64GB รวมถึงมีแบตเตอรี่ความจุมากยิ่งขึ้น 4000 mAh สนับสนุน Quick Charge ที่ชาร์จได้เร็ว และใช้งานได้นานจริง รวมถึงมีสเปคการใช้งานที่ครบเครื่องมากยิ่งขึ้น
สำหรับด้านประสิทธิภาพกล้องถ่ายภาพ Galaxy Note 9 ใช้กล้องเลนส์คู่ความละเอียด 12MP (Wide-angle) + 12MP (Telephoto) สามารถปรับค่ารูรับแสงได้ f/1.5 กับ f/2.4 ปรับได้แบบเรียลไทม์ตามสภาพแสง มีกันสั่น OIS ทั้งสองเลนส์ ภาพถ่ายที่ได้สวยคมชัดผสานระบบ Recognizable AI สุดอัจฉริยะที่รับรู้ได้ว่าวัตถุที่เราถ่ายอยู่นั้นคือสิ่งใด
ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของ Samsung เลยก็ว่าได้ ที่สามารถจดจำซีนได้สูงสุด 20 ซีนแบบเรียลไทม์ อาทิ ภาพคน, อาหาร, สัตว์, ดอกไม้, วิวทิวทัศน์ หรือภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตก เป็นต้น โดยจะมีรูปไอคอนเล็กๆ เป็นสัญลักษณ์ปรากฏอยู่กลางภาพเหนือฟังก์ชันตัวเลือกใช้งาน ซึ่งระบบทำงานได้ว่องไวจับภาพได้รวดเร็วทันใจ
ทั้งยังมีระบบแจ้งเตือนการบกพร่องของภาพถ่าย อาทิ ภาพเบลอไม่ชัด, เลนส์กล้องสกปรก หรือตรวจจับการกะพริบตา เป็นต้น มีฟีเจอร์ AR Emoji สร้างคาแรคเตอร์สุดน่ารักตามแบบฉบับของเรา โดยมีการอัพเกรดใหม่เป็นธรรมชาติมากขึ้น มีตัวเลือกตกแต่งเสื้อผ้าหน้าผมเยอะกว่าเวอร์ชันก่อน ด้านกล้องหน้ามีความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง f/1.7 เซลฟี่สวยเป็นธรรมชาติมีฟีเจอร์ปรับแต่งสีผิวให้สวยเนียนยิ่งขึ้น
และปลดล็อคได้ภายในพริบตาด้วยระบบสแกนม่านตา, ระบบจดจำใบหน้า หรือสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง พร้อมรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ที่ใช้งานได้ทั้ง 2 หมายเลข บนสัญญาณ LTE ในเครื่องเดียว
ด้านความบันเทิงต่างๆ เต็มอิ่มกับระบบเสียง Dolby Atmos จากลำโพงสเตอริโอที่ปรับจูนเสียงโดย AKG เสียงดังกระหึ่มสะใจสมจริงในทุกการใช้งาน และเอาใจคอเกมด้วยการยกระดับประสบการณ์เหนือชั้นกับโปรเซสเซอร์ที่ทันสมัย ลดอาการหน่วง มีระบบคลายความร้อนด้วยความเย็นน้ำคาร์บอน (Water-carbon) และมีตัวปรับสมรรถนะ AI-based เพิ่มความไหลลื่นไม่มีสะดุดระหว่างเล่นเกม ทำให้เพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น
และอีกหนึ่งความประทับใจนั้นคงจะหนีไม่พ้นปากกา S Pen ใหม่ที่รองรับ Bluetooth รองรับการควบคุมที่ดีเยี่ยม เป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ สามารถใช้งานปากกาเป็นรีโมทกดชัตเตอร์ในการถ่ายภาพ, กดสลับกล้อง, เปลี่ยนหน้าพรีเซนเทชั่น, เล่นหรือหยุดวีดีโอบน YouTube เป็นต้น ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น และทำงานได้เยอะขึ้น
ข้อสังเกต
– รูปลักษณ์ดีไซน์ยังไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่
– ตัวเครื่องเปื้อนรอยนิ้วมือง่าย ควรสวมใส่เคสระหว่างใช้งาน
– ราคาแอบแรงไปสักหน่อย อาจเกินงบสำหรับคนที่กำลังมองหาเรือธงรุ่นใหม่
– หัวปากกา S Pen ดูไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก
– ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM คือจะต้องเลือกว่าจะใช้ SIM + SIM หรือ SIM + microSD Card ไม่ใช่แบบ Triple Slot
– เมื่อใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานตัวเครื่องจะร้อนเล็กน้อย
– น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 201 กรัม
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– iPhone Xs Max
– iPhone Xs
– Huawei Mate 10 Pro
– Samsung Galaxy S9+
ขอขอบคุณ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด
Leave a Reply