รีวิว Samsung GALAXY K Zoom ซูมไกล 10 เท่า ภาพไม่สั่นไหว

ใหม่ล่าสุด กับสมาร์ทโฟนที่มีเลนส์ซูมไกลถึง 10 เท่า รุ่นที่ 3 ในตระกูล Galaxy นั่นคือ Samsung Galaxy K Zoom ด้วยราคาเปิดตัวที่ 15,900 บาท ถือว่าไม่แพงจนเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับกล้องคอมแพคที่มีเลนส์ซูม 10 เท่า ที่เหมือนกัน

เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกล้องใน Galaxy K Zoom เราจึงใช้ภาพประกอบในส่วนแรกของบทความนี้ ที่ถ่ายด้วย Galaxy K Zoom โดยไม่มีปรับแต่ง เพียงแค่ย่อขนาดของภาพลงมา ประเดิมด้วยสองภาพแรก ที่แสดงให้เห็นว่าการถ่ายมาโครแบบหน้าชัดหลังเบลอ เป็นเรื่องง่ายๆ ระยะโฟกัสใกล้วัตถุกว่ากล้องทั่วไป จึงสามารถ Close-up ใกล้ๆ ได้เลย

ดีไซน์ด้านหน้า ก็เหมือนกับ Samsung Galaxy รุ่นระดับกลางทั่วไป ขอบจอภาพหนากว่ารุ่นระดับไฮเอนด์

ช่องลำโพง ช่อง Sensor และลก้องหน้า จัดวางไว้ในตำแหน่งที่คุ้นเคยกันดี คล้ายกับสมาร์ทโฟนของซัมซุงทั่วไป

ใต้จอภาพ ก็มีปุ่ม Home ปุ่มเมนู และปุ่มย้อนกลับ ตามมาตรฐานของซัมซุงทุกรุ่น พอร์ต microUSB อยู่ตรงกลางด้านใต้เครื่องเช่นเดิม ทำให้สะดวกเมื่อเสียบบนแท่นชาร์จหรือแท่นลำโพง

เมื่อพลิกดูด้านหลัง ก็จะเห็นว่ากลายเป็นกล้องดิจิตอลทันที สลัดคราบโทรศัพท์มือถือออกไปจนหมดสิ้น

ตัวเครื่องมีด้วยกัน 3 สี สีนี้คือ Shimmerry White อีกสองสี จะเป็นสีดำและฟ้าเหมือนกับ Galaxy S5

เลนส์เหมือนกับกล้องคอมแพคจริงๆ

ระหว่างเลนส์และขอบตัวเครื่อง เป็นช่องลำโพงหลักของตัวเครื่อง

สีขาวนี้ดูเป็นขาวไข่มุก

เพื่อให้ความรู้สึกในการใช้งาน เหมือนกับกล้อง จึงต้องมีปุ่มชัตเตอร์ สำหรับถือถ่ายภาพในแนวนอน

แฟลช Xenon และไฟ LED สีแดงสำหรับช่วยโฟกัสเหมือนกับกล้องคอมแพค

โลโก้ซัมซุงสีเงิน และผิวด้านหลังตัวเครื่องเป็นตารางหลุมเหมือนกับ Galaxy S5

ตัวเครื่องมีความหนามากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป เพราะมีกลไกของเลนส์ที่ซูมยื่นได้ด้วยมอเตอร์

และนี่คือจุดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ มีเลนส์ซูม 10 เท่า แน่นอนว่าซูมไกลขนาดนี้ก็ต้องมีเลนส์ที่ยื่นออกไปมากหน่อย

น้ำหนักกำลังดี ตัวเครื่องไม่ลื่นเกินไป ถือใช้งานได้ค่อนข้างสะดวก และทั้งหมดข้างบนนั้นคือภาพประกอบบทความรีวิว ที่ถ่าย Samsung Galaxy K Zoom นำมาย่อขนาดลง

____________________________________________________________

ต่อจากนี้เป็นภาพประกอบบทความที่ถ่ายด้วย Sony Xperia Z2 เอื้อเฟื้อโดย บริษัท โซนี่ไทย จำกัด

มาดูกันต่อในเรื่องของสเปครุ่นนี้

หน้าจอแสดงผลได้ดีแบบนี้ เพราะเป็นจอภาพชนิด sAMOLED ขนาด 4.8 นิ้ว เรียงเม็ดพิกเซลแบบ Pentile ความละเอียดระดับ HD (1280 x 720 พิกเซล) ยังไม่ถึง Full HD และภาพหยาบกว่าจอ HD แบบ IPS อีกด้วย แม้ความความละเอียดเท่ากัน แต่การเรียงพิกเซลแบบ Pentile จะใช้จุดสีร่วมกันกับพิกเซลรอบข้าง

น้ำหนัก 200 กรัม จับได้ถนัดมือ ไม่หนักหรือเบาเกินไป

หน้าจอสีสันสดใสดี แต่ไม่จัดจ้านเกินจริงเหมือนกับรุ่น Galaxy S5

ปุ่มชัตเตอร์ของรุ่นนี้ ใช้แรงกดที่เบามาก ถ่ายได้ง่ายกว่า Sony Xperia เมื่อใช้แรงกดน้อย กล้องก็มีการสั่นไหวที่น้อย

ใส่หรือถอด microSD card ได้จากด้านข้าง ไม่ต้องปิดเครื่องแล้วเปิดฝาเหมือนกับสมาร์ทโฟนทั่วไป

ปุ่ม Home ที่เป็นปุ่มจริง ทำให้กดได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอให้จอภาพติด ออกจากแอพพลิเคชั่นได้สะดวกกว่า

กล้องหน้าความละเอียด 2.0 ล้านพิกเซล

ขอบรอบตัวเครื่องเป็นสีเงินเคลือบผิวลื่น กันเป็นรอยได้ในระดับหนึ่ง ช่องต่อหูฟังอยู่ด้านบน

กล้องหลักมีความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซล ซูมออพติคอลได้ 10 เท่า แต่ก็สามารถซูมได้มากกว่านั้นด้วยระบบดิจิตอล

ขนาด ถือว่าค่อนข้างใหญ่สำหรับมือเด็กผู้หญิง แต่สำหรับมือผู้ใหญ่ก็ถือว่าใหญ่กำลังดี จอภาพเห็นชัดเต็มตา

มาดูตัวเครื่องสีดำกันบ้าง

ผิวสัมผัสสีดำ หนืดมือ ไม่ลื่น ไม่มันวาว จึงไม่เป็นรอยได้ง่ายเหมือนรุ่นก่อนอีกแล้ว

ตัวเครื่องสีดำ ก็ดูสวยงามดี แต่ไม่มีลวดลาย Texture ด้านหน้าอย่างสีขาว เป็นสีดำเรียบ ๆ

สีดำตัดของสีเงิน ดูหรูหรา

เปรียบเทียบสองสี

มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว

หันเลนส์กล้องกลับมาถ่าย Selfie ได้ โดยกล้องจะส่งเสียงเตือนเมื่อสามารถเก็บขอบเขตใบหน้าได้ครบ

ขอบกระบอกเลนส์ก็เป็นสีดำเหมือนกับตัวเครื่อง ดูหรูหราไปอีกแบบ

สเปคตัวเครื่องที่ควรทราบในด้านอื่นๆ

• มาพร้อมกับ Android KitKat
• 8GB ROM และ 2GB RAM เพิ่มหน่วยความจำได้ถึง 64GB
• USB 2.0
• Bluetooth 4.0
• Battery 2,430 mAh พร้อมระบบ Ultra Power Saving Mode
• ใช้งานร่วมกับ Gear Fit และ Gear 2 ได้

ตัวอย่างภาพถ่ายขนาดจริง (คลิกที่ภาพเพื่อดาวน์โหลดภาพขนาดใหญ่)

ทดสอบถ่ายภาพโดยที่ไม่ได้ซูม

จะเห็นได้ว่าซูมได้ไกลมากเมื่อเปรียบเทียบกับภาพแรก ที่เห็นพนักงานเสื้อสีส้ม เล็กนิดเดียวในภาพแรก

ในส่วนของกล้องหน้า ถูกใจคนที่ชอบถ่ายภาพ Selfie แน่นอน สามารถปรับระดับ Beauty mode ได้ 5 ระดับ คมชัดเห็นปลายเส้นผมและตารางของลายเส้นบนเสื้อและผนังลายจุดด้านหลังได้ชัดเจน

ซอฟต์แวร์

หน้าจอ Home screen และ App drawer แสดงรายการแอพพลิเคชั่นที่ให้มาจากโรงงาน

ข้อมูลการใช้โทรศัพท์และเมนูการโทร

Widget สวยงามตามสไตล์ซัมซุง

Scene ถ่ายภาพ มีโหมดให้เลือกใช้มากมาย

ปรับตั้งค่าของการถ่ายภาพได้มากมายพอสมควร

Notification และปุ่มลัดที่สามารถกำหนดเองได้

เมนูการตั้งค่าหลักของตัวเครื่อง ละเอียดยิบ แต่ค้นหาได้ไม่ยาก แบ่งตามหมวดหมู่ไว้แล้ว

พื้นที่หน่วยความจำในตัวเครื่อง มีน้อยไปหน่อย

เก็บสถิติการใช้ Data และgปลี่ยนรูปแบบตัวอักษรได้โดยไม่ต้อง Root

ปรับขนาดตัวอักษรได้ ย้ายตำแหน่งปุ่มลัดได้

เมนูการถ่ายภาพ Selfie

ปรับความละเอียดของกล้องหน้าและกล้องหลังได้หลากหลาย

ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียด Full HD 60 เฟรมต่อวินาที

ปรับความไวของภาพเคลื่อนไหวและเสียงของกล้อง

สั่งงานด้วยเสียงได้ ใส่ลายเซ็นในภาพก็ได้ด้วย

ปรับแต่งสีสัน และตั้งเวลาถ่ายภาพได้

มีโหมด Pro Suggest ที่ช่วยวิเคราะห์และแนะนำโหมดถ่ายภาพที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์

สรุปการทดสอบใช้งาน Samsung Galaxy K Zoom

ยอมรับเลยว่าประทับใจอย่างมาก ที่มีปุ่มชัตเตอร์น้ำหนักเบา กดเบา ๆ เพื่อโฟกัส แล้วกดย้ำเบา ๆ ลงไปเพื่อลั่นชัตเตอร์ ขนาดของปุ่มชัตเตอร์ที่ยาวอย่างเหมาะสม ทำให้กดแล้วไม่มีพลาดช็อตเด็ด สามารถถ่ายได้ด้วยมือข้างเดียว ซูมไกลแค่ไหน ภาพก็ไม่ค่อยสั่นไหว ระบบป้องกันภาพสั่นไหวทำงานได้ดีเกินคาด มั่นใจว่าถูกใจคนที่ชอบถ่ายภาพอย่างแน่นอน

ข้อสังเกต

• จอภาพค่อนข้างหยาบ น่าจะเป็น Full HD
• แบตเตอรี่น้อยไปหน่อย ไม่เพียงพอสำหรับการถ่ายภาพขณะออกทริปไกล ๆ ต้องชาร์จระหว่างวัน
• ถ้าถ่ายภาพไม่มากในแต่ละวัน แบตเตอรี่ที่ให้มาก็เพียงพอ ใช้งานได้เกือบครบวัน
• ไม่รองรับ 4G LTE ใส่ได้ 1 SIM
• หน่วยความจำในตัวเครื่องมีน้อย

ตัวเลือกอื่น ๆ

• ในตลาดยังไม่มีคู่แข่งรายใดที่มีสมาร์ทโฟนแบบออพติคอลซูมได้ แต่การเลือกใช้เลนส์ซูม Sony Cyber-shot QX10 ราคา 6,990 บาท จับคู่กับสมาร์ทโฟนราคาประมาณ 8,900 บาท ก็ให้สามารถได้ใกล้เคียงกับ Galaxy K Zoom ได้เช่นกัน ซึ่งการเลือกสมาร์ทโฟนในระดับราคา 8,900 บาทที่มีหน้าจอ IPS ความคมชัดระดับ Full HD อย่างเช่น i-mobile ตระกูล IQ X บางรุ่น ก็ถิอเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า แต่อาจจะไม่คล่องตัวนัก เพราะเป็นการแยกชิ้นระหว่างเลนส์ซูมกับตัวเครื่องสมาร์ทโฟน

ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^