รีวิว Nokia 3.2 สมาร์ทโฟน Android One จอใหญ่ HD+ แบตอึด 4000 mAh รองรับสแกนใบหน้า ในราคาไม่เกิน 4 พันบาท!

รีวิว Nokia 3.2 สมาร์ทโฟน Android One จอใหญ่ HD+ แบตอึด 4000 mAh รองรับสแกนใบหน้า ในราคาไม่เกิน 4 พันบาท!

Nokia-3.2

สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 หลังจากเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา HMD Global เจ้าของลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์ Nokia ทั่วโลกแต่เพียงผู้เดียว ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Nokia ใหม่ทั้งหมด 5 รุ่นรวดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย นำทัพโดยเรือธง Nokia 9 PureView ระดับทรงพลังที่มาพร้อมกล้องหลัง 5 ตัวเป็นรุ่นแรกของโลก ตามมาด้วย Nokia 8.1, Nokia 4.2, Nokia 3.2 และน้องเล็กสเปคครบครันอย่าง Nokia 2.2

โดยตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำในการใช้งานสมาร์ทโฟนภายใต้คอนเซ็ปต์ “ยิ่งใช้ยิ่งดีขึ้นทุกวัน” มีการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ให้มีความสามารถในการยกระดับคุณภาพชีวิตและตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์

สำหรับในวันนี้เรามีรีวิว Nokia 3.2 สมาร์ทโฟน Android One สเปคระดับต้น ฟังก์ชันครบครัน ในราคาเข้าถึงได้มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน โดย Nokia 3.2 มาพร้อมหน้าจอ TFT LCD หน้าจอ 6.26 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 ซึ่งทางค่ายเคลมด้วยว่าเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอ HD+ ขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 429 จีพียู Adreno 504 รันระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie
3.2
Nokia 3.2 มีให้เลือก 2 เวอร์ชัน ได้แก่ รุ่น 2GB + 16GB และ 3GB + 32GB โดยรุ่น 16GB ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ แต่มาพร้อมฟีเจอร์ Face Unlock ส่วนรุ่น 32GB มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และมีฟีเจอร์ Face Unlock ทั้ง 2 รุ่น รองรับ microSD Card สูงสุด 400GB กล้องหลังเลนส์เดี่ยว 13MP พร้อม LED flash กล้องหน้าเซลฟี่ 5MP มีแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ที่เคลมว่าสามารถใช้งานได้นานถึง 2 วัน มีฟีเจอร์ Adaptive Battery ที่มาพร้อมระบบ AI ช่วยประหยัดแบตเตอรี่

ด้านข้างตัวเครื่องรองรับปุ่มระบบ Google Assistant ติดตั้งแอปพลิเคชั่นได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้งไว้บนเมมโมรี่การ์ด Nokia 3.2 ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ Steel ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,990 บาท สำหรับรุ่น 16GB และราคา 4,790 บาท สำหรับรุ่น 32GB และรุ่นที่ทาง ninethaiphone จะนำมารีวิวให้ได้ชมกันในวันนี้ เป็นรุ่นความจุ 16GB ตัวเครื่องสี Black ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น เราไปชมรีวิวทั้งหมดกันเลยค่ะ

ข้อมูลสเปค

Features Nokia 3.2
วันเปิดตัว :  – กรกฎาคม 2562
ราคา :  – 3,990.- (16GB), 4,790.- (32GB) (ณ วันที่ 25 ก.ค. 62)
OS :  – Android 9 Pie, Android One
หน้าจอ :  – TFT LCD
 – หน้าจอ 6.26 นิ้ว
 – ความละเอียด 1520×720 พิกเซล
 – อัตราส่วน 19:9
 – กระจก 2.5D
 – Multitouch
CPU :  – Snapdragon 429 แบบ Quad Core ความเร็ว 1.8 GHz
GPU :  – Adreno 504
RAM :  – 2GB
 – 3GB
ROM :  – 16GB
 – 32GB
 – microSD Card สูงสุด 400GB
กล้องหลัง :  – 13MP
 – ค่ารูรับแสง f/2.2
 – LED flash
 – Auto Focus
กล้องหน้า :  – 5MP
 – ค่ารูรับแสง f/2.2
Video :  – 1080p@30fps
Battery :  – 4000 mAh สนับสนุน Fast Charging 10W
ขนาด :  – 159.44×76.24×8.60 มม.
น้ำหนัก :  – 181 กรัม
รองรับซิม :  – Dual SIM
ระบบกันน้ำ :  –
ระบบเครือข่าย :  – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz
 – 3G : HSDPA 850/900/2100 MHz
 – 4G LTE
ระบบเชื่อมต่อ :  – WiFi 802.11 b/g/n
 – Bluetooth 4.2
 – Micro USB 2.0
 – OTG
 – 3.5mm jack
GPS  – AGPS
 – GLONASS
 – BeiDou
Sensor :  – Fingerprint (เฉพาะรุ่น 32GB)
 – Face Unlock
 – Accelerometer
 – Proximity
 – Barometer
สี :  – Black
 – Steel

แกะกล่อง Nokia 3.2

Nokia (20)

Nokia 3.2 บรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดกะทัดรัด หน้ากล่องมีโลโก้แบรนด์ Nokia และแถม microSD Card ขนาด 16GB มูลค่า 249 บาทมาให้ฟรี ตรงกลางเผยให้เห็นหน้าจอที่มาพร้อมรอยบากทรงหยดน้ำขนาดเล็ก มุมล่างขวาระบุว่าเป็นสมาร์ทโฟน Android One

Nokia (21)

ส่วนด้านหลังกล่องมีการระบุสเปคการใช้งานเด่นๆ ไว้ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ HD+ ขนาด 6.26 นิ้ว อัตราส่วน 19:9, แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ที่เคลมว่าใช้งานได้นานถึง 2 วัน, รองรับฟีเจอร์ Face Unlock, ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 429 เป็นต้น

Nokia (18)

อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย

– Nokia 3.2 ตัวเครื่องสีดำ
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– สาย Micro USB
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– คู่มือการใช้งาน
– หูฟัง Earbuds
– microSD Card ขนาด 16GB

ทำความรู้จัก Nokia 3.2

Nokia (4)

ด้านหน้า Nokia 3.2 มาพร้อมหน้าจอ TFT LCD ขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียด HD+ โดยจอมีอัตราส่วนอยู่ที่ 19:9 พร้อม Adaptive Brightness หน้าจอเหลือขอบบนล่างและด้านข้างเพียงเล็กน้อย โดยมีการเคลมไว้ด้วยว่า Nokia 3.2 เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอ HD+ ขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกัน

Nokia (6)

ด้านหน้าส่วนบน มีรอยบากทรงหยดน้ำขนาดเล็ก ซึ่งเป็นตำแหน่งติดตั้งของกล้องหน้าความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง f/2.2 และเซ็นเซอร์ต่างๆ เหนือรอยบากมีช่องลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา

Nokia (7)

ด้านหน้าส่วนล่าง พบแค่เพียงโลโก้ Nokia และขอบด้านล่างที่เว้นว่างไว้ไม่มีฟังก์ชันใช้งานใดๆ

Nokia (1)

ด้านหลัง Nokia ใช้วัสดุตัวเครื่องมันวาว มีพื้นผิวสัมผัสเรียบลื่น กลางเครื่องมีโลโก้ Nokia ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 159.44×76.24×8.60 มม. และน้ำหนัก 181 กรัม

Nokia (2)

ด้านหลังส่วนบน ประกอบด้วย เลนส์กล้องความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อมไฟแฟลช LED

Nokia (3)

ด้านหลังส่วนล่าง มีสัญลักษณ์ Android One และข้อมูลเรื่องลิขสิทธิ์

Nokia (9)

ด้านบนตัวเครื่อง พบช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และรูไมโครโฟน

Nokia (8)

ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย รูไมโครโฟน, ช่องเสียบพอร์ต micro USB และลำโพงเสียงหลัก

Nokia (15)

ด้านซ้ายตัวเครื่อง มีช่องใส่ซิมการ์ด และปุ่มกดเรียกใช้งาน Google Assistant จัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว

Nokia (14)

โดยช่องใส่ซิมการ์ดจะอยู่เหนือปุ่ม Google Assistant

Nokia (17)

Nokia 3.2 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Nano SIM) มีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot คือสามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด ได้พร้อมๆ กับ microSD Card ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น

Nokia (12)

ด้านขวาตัวเครื่อง มีปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด/ปิดการใช้งานตัวเครื่อง และปุ่มเพิ่ม/ลดปรับระดับเสียง

Nokia (13)

โดยปุ่มพาวเวอร์ของ Nokia 3.2 จะแสดงไฟกระพริบเมื่อมีการแจ้งเตือนเด้งเข้ามา

Nokia (23)

การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ด้านขวาตัวเครื่องค่ะ

ทดสอบประสิทธิภาพ

antutu (1)

เมื่อนำ Nokia 3.2 ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 429 แบบ Quad Core ความเร็ว 1.8 GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 504 เป็นสมาร์ทโฟน Android One ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 63447 คะแนน

antutu (2)antutu (3)

สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ Nokia 3.2 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie), ใช้ชิปเซ็ต SDM429 หรือ Snapdragon 429, หน้าจอ 5.69 นิ้ว ความละเอียด 720×1520 พิกเซล, กล้องหลัง 13.2MP, กล้องหน้า 5MP, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 618MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 2.05GB เป็นต้น

Screenshot_20190722-153038_resize

ในส่วนของประสิทธิภาพการเล่นเกม ทางทีมงานได้ลองดาวน์โหลดเกม PUBG Mobile มาลองเล่นดู แรกเริ่มเมื่อเข้าสู่เกม ระบบได้ปรับอัตโนมัติที่ความละเอียดต่ำคุณภาพลื่นตามสเปคของอุปกรณ์เพื่อให้สามารถเล่นเกมได้แบบไม่สะดุด

Screenshot_20190722-153112_resize

ภาพกราฟิกอยู่ในระดับสมดุลช่วยลดอาการค้าง ซึ่งอุปกรณ์ยังไม่รองรับการตั้งค่า HD, HDR HD และ Ultra HD ปรับเฟรมเรทที่ระดับกลาง หากเฟรมเรทแกว่งสามารถปรับเฟรมเรทลงเพื่อให้เหมาะสมได้

DSCF8614_resizeScreenshot_20190722-162258_resize

หลังจากทดสอบประสิทธิภาพแล้ว สามารถเล่นได้ค่ะ แต่อาจไม่ลื่นไหลมากนัก เนื่องจากมีสเปคระดับเริ่มต้น แต่ก็ถือว่าแก้ขัดได้อยู่นะ

Screenshot_20190723-110103_resize

ส่วนการใช้งาน YouTube สามารถกางและบีบนิ้วเข้าเพื่อปรับให้พอดีกับหน้าจอได้

Screenshot_20190723-110233_resizeScreenshot_20190723-110239_resize

ภาพมาตรฐานบน YouTube ยังดูได้ไม่เต็มจอเหลือขอบดำด้านข้างไว้เล็กน้อย แต่เราสามารถซูมขยายจนเต็มหน้าจอได้

Interface

Screenshot (1)

หน้าจอ Lock Screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน และเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วที่มุมล่างขวา และโทรศัพท์ที่มุมล่างซ้าย หรือหากใครที่ลงทะเบียนปลดล็อคด้วยใบหน้าแล้ว ก็สามารถกดปลุกหน้าจอแล้วสแกนใบหน้าได้เลยค่ะ

Screenshot (2)

หลังจากที่ปลดล็อกหน้าจอแล้วจะพาเข้าสู่หน้า Home Screen สามารถเพิ่มหน้าได้ แอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องก็รองรับการใช้งานได้อย่างครบครัน หากกดค้างไปยังพื้นที่ว่างบนหน้าจอจะสามารถตั้งค่าหน้าแรก ตั้งค่าหน้าวิตเจ็ต และวอลเปเปอร์ได้อย่างรวดเร็ว

Screenshot (16)

เมื่อสไลด์หน้าจอด้านบนลงจะพบกับ Quick Settings ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และหน้าแจ้งเตือนต่างๆ สามารถเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว

Screenshot (5)

เมื่อปัดหน้าจอขึ้นจะพบกับหน้ารวมเมนูทั้งหมดในตัวเครื่อง ส่วนการตั้งค่าต่างๆ ให้กดไปที่รูปเฟืองไอคอนสองค่ะ

Screenshot (3)

หน้าโทรศัพท์, ข้อความ และ Google Play

Screenshot (17)

เครื่องคิดเลข, สมุดโน๊ต, ปฏิทิน

Screenshot (18)

หน้าไฟล์ต่างๆ ภายในเครื่อง, วิทยุ FM, หน้าเปลี่ยนวอลเปเปอร์

Screenshot (6)

Nokia 3.2 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 4000 mAh  ที่เคลมไว้ว่าใช้งานนานถึง 2 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รองรับฟีเจอร์ Adaptive Battery ที่จัดการแอปพลิเคชันเบื้องหลังและเรียนรู้การใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังสามารถดูพื้นที่การใช้งานทั้งหมดในตัวเครื่องได้ที่หน้าเก็บข้อมูล

Screenshot (7)

หน้าจอรองรับโหมดถนอมสายตาหากใช้งานในช่วงเวลากลางคืน รวมถึงปรับอุณหภูมิของสีได้

Screenshot (8)

ปรับขนาดตัวอักษรบนหน้าจอให้มีขนาดที่ต้องการได้ตามสะดวก

Screenshot (9)

Nokia 3.2 รุ่น 16GB ไม่ได้มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็จริง แต่มาพร้อมฟีเจอร์ Face Unlock หรือระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า ซึ่งก่อนจะลงทะเบียนต้องกำหนดรหัสผ่านหรือรูปแบบก่อน เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ รูปแบบ, PIN หรือรหัสผ่าน โดยฟีเจอร์ Face Unlock ต้องใช้งานควบคู่ไปกับตัวเลือกการล็อกหน้าจออื่นๆ ด้วย

Screenshot (10)

ส่วนการลงทะเบียนก็ง่ายๆ เพียงยกสมาร์ทโฟนขึ้นสแกนใบหน้า ส่วนการใช้งานต้องปลุกหน้าจอขึ้นมาก่อน จากนั้นส่องใบหน้าแล้วสแกนปลดล็อกได้เลยค่ะ

Screenshot (11)

Smart Lock คือระบบปลดล็อกสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ PIN, รูปแบบ, รหัสผ่าน รวมถึงการสแกนลายนิ้วมือ, สแกนใบหน้าในการปลดล็อกเครื่อง

Screenshot (12)

ในส่วนนี้เป็นไลฟ์สไตล์การใช้งานดิจิทัลทั้งหมดในเครื่อง, หน้าแสดงข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์ และหน้าอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่

Screenshot (13)

รองรับการใช้งานด้วยท่าทางสัมผัสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำสมาร์ทโฟนเพื่อปฏิเสธสายเรียกเข้า หรือกดปุ่มด้านข้างเครื่องเพื่อเปิดใช้งาน Google Assistant

Screenshot (15)

โดยด้านตัวเครื่องฝั่งซ้ายจะมีปุ่มเรียกใช้งาน Google Assistant หรือหากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างเครื่องทางด้านขวาก็จะปรากฏเมนูสำหรับปิดเครื่อง รีสตาร์ทตัวเครื่อง และจับภาพหน้าจอขึ้นมาค่ะ

โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ

หลัง (1)

มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหลังกันเลย โดยกล้องหลังของ Nokia 3.2 เป็นกล้องเลนส์เดี่ยว มาพร้อมความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อม LED flash และมี Auto Focus มีโหมดการใช้งานพิเศษ ได้แก่ เร่งเวลาต่อเนื่อง หรือการถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลา Time-Lapse นั่นเอง, ถ่ายภาพพาโนรามา และเลนส์

หลัง (2)

ซึ่งโหมดเลนส์นี้ จะคล้ายๆ กับ Image Recognizer ผู้ใช้งานสามารถสแกนเพื่อวิเคราะห์หาสินค้าที่คุณต้องการจากฐานข้อมูลสินค้าต่างๆ และช่องทางการซื้อได้อย่างรวดเร็ว

หลัง (3)

ส่วนการถ่ายภาพพาโนรามาก็เป็นการเก็บภาพในทิศทางที่กว้างขึ้นนั่นเอง จากนั้นเป็นถ่ายภาพอัตราส่วนสี่เหลี่ยมจตุรัส รองรับการตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, ตั้งค่า HDR และเปิดไฟแฟลช LED

หลัง (4)

ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ รองรับการตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, เปิดใช้งาน HDR และเปิดไฟแฟลช LED เช่นเดียวกัน พร้อมรองรับโหมด Face Beauty ปรับระดับความสวยเนียนให้กับใบหน้า เมื่อกดไปที่ขีดสามเส้นทางฝั่งขวา ท้ายสุดเป็นโหมดบันทึกวิดีโอ โดยสามารถบันทึกได้ที่ระดับ HD และระดับสูงสุด Full HD

หลัง (5)

ซึ่งโหมด Face Beauty รองรับการใช้งานด้วยการเลื่อนปรับระดับความเนียนได้ตามต้องการ

หน้า (1)

มาต่อกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้า มีโหมดใช้งานพิเศษเช่นเดียวกัน ได้แก่ โหมดถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลา Time-Lapse , ถ่ายภาพพาโนรามา และเลนส์สำหรับค้นหาวัตถุหรือสิ่งของนั้นๆ จากนั้นเป็นการถ่ายภาพในอัตราส่วนสี่เหลี่ยมจตุรัส รองรับการตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, เปิดใช้งาน HDR และเปิดไฟแฟลช LED

หน้า (2)

ตามมาด้วยโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ รองรับการเปิดใช้งาน Face Beauty ปรับระดับความสวยเนียน และโหมดบันทึกวิดีโอที่สามารถบันทึกได้ในระดับสูงสุด Full HD

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Nokia 3.2

IMG (11)
IMG (12)
IMG (13)
IMG (10)
IMG (7)
IMG (8)
IMG (9)
IMG (6)
IMG (5)
IMG (4)
IMG (3)
IMG (2)
IMG (14)
IMG (1)

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Nokia 3.2

Nokia 3.2 มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง f/2.2 รองรับโหมด Face Beauty ปรับค่าสวยเนียน โดยเป็นการเลื่อนปรับเอง แอบสังเกตเห็นด้วยว่านอกจากจะเพิ่มผิวขาวเนียนได้แล้วยังลดแก้มให้อีกด้วย ปรับออกมาแล้วชอบระดับกลางๆ ทำได้ดีค่ะ ภาพที่ได้เป็นธรรมชาติ หากปรับสุดผิวจะนวลมากยิ่งขึ้น แต่ยังเห็นรายละเอียดเส้นผมชัดและเสื้อผ้าชัดเจนดี เราไปชมตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่กันเลย

ปกติ

ภาพปกติไม่ปรับแต่ง

ปรับกลาง

ปรับแต่ง Face Beauty ระดับกลาง

ปรับสุด

ปรับแต่ง Face Beauty ระดับสูงสุด

จุดเด่น

– หน้าจอใหญ่ 6.26 นิ้ว คมชัดระดับ HD+ ใช้งานได้อย่างเต็มอรรถรส
– เป็นสมาร์ทโฟน Android One ที่การันตีว่าจะได้รับการอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ๆ อย่างน้อย 2 ปี
– ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 429
– กล้องหลังมาพร้อม LED flash
– แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ใช้งานได้ยาวนานจริงๆ และใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ไม่นาน
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot
– มีฟีเจอร์ Face Unlock หรือปลดล็อกด้วยใบหน้า

ข้อสังเกต

– หูฟังที่แถมมาให้เป็นแบบ Earbuds ลักษณะทรงกลม
– มีกล้องหลังเลนส์เดี่ยวความละเอียด 13MP ส่วนกล้องหน้า 5MP ไม่ตอบโจทย์สำหรับใครที่เน้นในเรื่องของการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นความละเอียด หรือโหมดกล้อง
– แบตเตอรี่ใช้งานได้นานจริง ส่วนเรื่องของการชาร์จก็ทำได้เร็ว
– ใช้ชิปเซ็ตแบบ Quad-Core
– หน้าจอเป็นความละเอียด HD+
– หน่วยความจำค่อนข้างน้อย
– มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น 16GB ราคา 3,990 บาท และรุ่น 32GB ราคา 4,790 บาท
– บอดี้ลักษณะมันวาว อาจเกิดรอยขนแมว หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
– ภายในกล่องบรรจุไม่แถมเคสกันรอยมาให้

ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน

Huawei Y7 Pro 2019
Redmi Note 7
Samsung Galaxy A10
Vivo Y91i
OPPO A5s
OPPO A3s

ขอขอบคุณ HMD Global 

Written by : Nan Kanyarat Thongpeng