รีวิว Nokia 2 แบตเตอรี่สุดอึด 4100 mAh ใช้งานได้นานหลายวัน บอดี้กันน้ำ IP52 พร้อมรองรับ 2 ซิมการ์ด ในราคาเบาๆ
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ หลังจากที่ HMD Global เจ้าของลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์ Nokia เปิดตัว Nokia 2 สมาร์ทโฟนน้องเล็กราคาเบาๆ ออกมาเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นสมาร์ทโฟนน้องเล็กที่เน้นความคุ้มค่าใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง และมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat แบบเพียวแอนดรอยด์ที่ทาง HMD Global ยืนยันว่าจะได้รับการอัปเดตเป็น Android 8.0 Oreo อย่างแน่นอน
ล่าสุด Nokia 2 ก็พร้อมวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย สนนราคาอยู่ที่ 3,490 บาท ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน/ดำ, สีเงิน/ขาว และสีทองแดง/ดำ โดยหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วไป
สำหรับ Nokia 2 เป็นสมาร์ทโฟนระดับต้นที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Pure Android ชูแบตเตอรี่ความจุถึง 4100 mAh เคลมไว้ว่าใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 2 วัน ต่อการชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียว ตัวเครื่องสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP52 พร้อมรองรับการใช้งานผู้ช่วยส่วนตัว Google Assistant สามารถเก็บภาพใน Google Photo ได้ไม่จำกัด และสเปคการใช้งานต่างๆ ที่ครบครัน
โดยในวันนี้ทาง ninethaiphone จะขอนำเจ้า Nokia 2 น้องเล็กรุ่นนี้มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน หลังจากที่เราได้รีวิว Nokia 3310 (2017), Nokia 3, Nokia 5, Nokia 6 และ Nokia 8 ให้ได้ชมกันไปแล้วก่อนหน้านี้ (คลิกที่ชื่อรุ่นเพื่อชมรีวิวฉบับเต็ม) ใครที่กำลังเล็งๆ หรือตัดสินใจซื้อรุ่นนี้อยู่ รวมถึงท่านใดที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับต้นราคาไม่แพง แบตเตอรี่ใช้งานได้นานหลายวัน และสเปคครบครัน ห้ามพลาดชมรีวิวนี้เด็ดขาด พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปชมกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค Nokia 2
Features | Nokia 2 |
วันเปิดตัว : | – พฤศจิกายน 2560 |
ราคา : | – 3,490.- (ณ วันที่ 25 ม.ค. 61) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 7.1.1 Nougat |
หน้าจอ : | – หน้าจอ LCD |
– ขนาด 5 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1280×720 พิกเซล | |
– กระจกกันรอย Corning® Gorilla® Glass 3 | |
– Multitouch | |
CPU : | – Snapdragon 212 แบบ Quad-Core ความเร็ว 1.3Ghz |
GPU : | – Adreno 304 |
RAM : | – 1GB |
ROM : | – 8GB |
– microSD Card สูงสุด 128GB | |
กล้องหลัง : | – 8 ล้านพิกเซล |
– LED flash | |
– Auto Focus | |
– Touch Focus | |
กล้องหน้า : | – 5 ล้านพิกเซล |
Video : | – 720p@30fps |
Battery : | – 4100 mAh |
ขนาด : | – 143.5×71.3×9.3 มม. |
น้ำหนัก : | – 161 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – IP52 |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 b/g/n |
– Bluetooth 4.1 | |
– MicroUSB 2.0 | |
– FM radio | |
– 3.5mm jack | |
GPS | – GPRS |
– AGPS | |
– GLONASS | |
Sensor : | – Accelerometer |
– Ambient light | |
– Proximity | |
– Gyroscope | |
สี : | – เงิน/ดำ |
– เงิน/ขาว | |
– ทองแดง/ดำ |
แกะกล่อง Nokia 2
Nokia 2 บรรจุมาในกล่องขนาดเล็กกะทัดรัด ระบุชัดเจนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งเป็นแบบ Pure Android
ด้านข้างกล่องจะมีการระบุสเปคการใช้งานเด่นแบบคร่าวๆ อาทิ แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh, รันระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat และสนับสนุน 4G LTE เป็นต้น
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– Nokia 2 ตัวเครื่องสีดำ
– สายชาร์จ micro USB
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– หูฟัง
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ทำความรู้จัก Nokia 2
ด้านหน้า Nokia 2 มาพร้อมหน้าจอ LTPS LCD ขนาด 5 นิ้ว แบบ In-Cell Touch ความละเอียด 1280×720 พิกเซล (HD) ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 อัตราส่วนคอนทราสต์ 1:1300 ป้องกันหยดน้ำได้ในระดับ IP52
ด้านหน้าส่วนบน ประกอบไปด้วย เลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์วัดแสงรอบข้าง , มีช่องลำโพงสนทนา และโลโก้แบรนด์ Nokia
ด้านหน้าส่วนล่าง พบปุ่มควบคุมในหน้าจอแสดงผลแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent App ซึ่งด้านล่างพบขอบจอที่ไม่มีฟังก์ชันการใช้งานใด
ด้านหลัง ตัวเครื่องด้านหลังผลิตจากวัสดุพลาสติกโพลีคาร์บอเนต ขอบเครื่องโลหะ เฟรมอลูมิเนียมขึ้นรูปด้วยความแม่นยำสูง ตัวเครื่องมีขนาด 143.5×71.3×9.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 161 กรัม ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวก ขอบเครื่องโค้งมนจับถนัดมือ ฝาหลังผิวสัมผัสเรียบด้าน ดีไซน์รวมคล้าย Nokia 3 โดย Nokia 2 ฝาหลังสามารถแกะออกได้เพื่อใส่ microSD Card และซิมการ์ด
เมื่อแกะฝาหลังออกจะพบกับแบตเตอรี่สีเงินขนาดใหญ่ ซึ่งไม่สามารถแกะออกได้เอง
Nokia 2 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Nano SIM) มีช่องใส่ซิมการ์ดจำนวน 2 ช่อง และช่องใส่ micro SD Card อีก 1 ช่องที่แยกจากกัน
ด้านหลังส่วนบน ประกอบไปด้วย เลนส์กล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash ที่จัดวางในรูปแบบแนวตั้ง และโลโก้แบรนด์จะอยู่กึ่งกลางตัวเครื่อง
ด้านหลังส่วนล่าง มุมขวาพบลำโพงเสียง (ลำโพงเดี่ยว)
ด้านบนตัวเครื่อง พบช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, เส้นเสารับสัญญาณ และรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย รูไมโครโฟน, เส้นเสารับสัญญาณ, พอร์ตเชื่อมต่อ Micro USB 2.0 สำหรับถ่ายโอนข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่
มีร่องสำหรับแกะฝาหลังออกเพื่อใส่ซิมการ์ด (แกะฝาหลังออกได้ก็จริง แต่แกะแบตเตอรี่ออกเองไม่ได้นะจ๊ะ)
ด้านซ้ายตัวเครื่อง ไร้ปุ่มการใช้งานใดๆ ซึ่งตัวเครื่องมีความบาง 9.3 มิลลิเมตร
ด้านขวาตัวเครื่อง พบปุ่มปรับระดับเพิ่มลดระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์
การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ทางด้านขวาตัวเครื่อง
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ Nokia 2 ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 212 แบบ Quad-Core (4 แกน) ความเร็ว 1.3Ghz หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 304 หน่วยความจำแรม 1GB จับคู่ความจุ 8GB เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด พบว่ามีคะแนนทดสอบรวมอยู่ที่ 24688 คะแนน ถือว่าค่อนข้างน้อยพอสมควร ขณะที่ Nokia 3 ซึ่งเราได้นำมารีวิวให้ชมกันไปก่อนหน้านี้มีคะแนนรวมอยู่ที่ 27264 คะแนน (ชมรีวิว)
สำหรับสเปคการใช้งานของ Nokia 2 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุดระบุว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.7.1 Nougat, ชิปเซ็ตแบบ Quad-Core, หน้าจอความละเอียด 1280×720 พิกเซล, กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 330MB และความจุภายในตัวเครื่องที่ใช้งานได้ 3.17GB เป็นต้น
Nokia 2 มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1280×720 พิกเซล หรือระดับ HD ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 212 แบบ Quad-Core (4 แกน) ความเร็ว 1.3Ghz มีหน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 304 ประสิทธิภาพในการเล่นเกมค่อนข้างกระตุก ภาพไม่ค่อยสวย สเปคนี้ไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมเท่าไรนัก เหมาะแก่การเล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง แนวๆ นี้มากกว่าค่ะ
Interface
หน้าจอ Lock screen ของ Nokia 3 สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้ด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน เข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการสไลด์มุมขวาขึ้น และบันทึกเสียงอย่างฉับไวด้วยการสไลด์มุมซ้ายขึ้น
หลังจากปลดล็อคเครื่องจะพาเข้าสู่หน้า Home Screen ที่มีการจัดวางแอปฯ ไม่เกะกะ หากปัดหน้าจอขึ้นจะปรากฏหน้ารวมแอปฯ การใช้งานทั้งหมดที่ติดมากับตัวเครื่องที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่หากปัดไปทางขวาจะพาเข้าสู่แอปฯ Google อย่างรวดเร็ว
หน้า Home screen ที่ปรากฏพบแอปฯ Play Store และรวมแอปฯ การใช้งานของ Google ที่มีมาให้อย่างครบครันเข้าถึงง่าย นอกจากนี้ Nokia 2 ยังรองรับการใช้งาน 2 หน้าจอ เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานอีกด้วย
และเมื่อกดค้างไปยังพื้นที่ว่างบนหน้าจอจะพาเข้าสู่หน้าตั้งค่าภาพพื้นหลังวอลเปอร์ วิดเจ็ต รวมถึงตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติม แต่หากต้องการย้ายตำแหน่งหรือลบแอปฯ ภายในเครื่อง ให้กดค้างไปที่ตัวแอปฯ แล้วเลื่อนไปยังพื้นที่ที่ต้องการ หรือลบด้วยการเลื่อนไปยังด้านบนตรงข้อความที่ระบุไว้ว่า “นำออก”
หน้า Quick Settings จะต้องเลื่อนหน้าจอด้านบนลง ส่วนด้านล่างจะเป็นการแจ้งเตือนต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถปรับตั้งค่าหน้า Quick Settings ได้อีกด้วย
หากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องจะมีปุ่มรีเซ็ตเครื่อง หรือปิดการใช้งานเครื่อง แต่หากกดค้างไปที่ปุ่ม Recent App จะพาเข้าสู่หน้าเคลียร์แอปฯ ทั้งหมดที่ใช้งาน
เมนูการตั้งค่าภายในตัวเครื่อง
สำหรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆ สามารถเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับอัปเดตได้ที่หน้า เกี่ยวกับโทรศัพท์ > การอัปเดตระบบ
หน้าแสดงหน่วยความจำทั้งหมดภายในเครื่อง
Nokia 2 มีโหมดอ่านข้อความบนหน้าจอได้ง่ายแม้จะใช้งานท่ามกลางแสงแดด และมีโหมดประหยัดช่วย Save แบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย
สามารถตั้งค่าการใช้งานเคลื่อนที่ได้อีกด้วย ซึ่งมีทั้งการพลิกโทรศัพท์เพื่อการตัดสายโทรเข้า หรือปิดเสียงเมื่อหยิบอุปกรณ์ขึ้นมา
การตั้งค่าเครือข่ายไร้สาย และการรีเซ็ตข้อมูลในตัวเครื่อง
Google Play Movies ผู้ใช้งานสามารถรับชมรายการภาพยนตร์ที่ชื่นชอบได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
การโทรสนทนา และข้อความ
เครื่องคิดเลข, ปฏิทินสีสันสดใส และการใช้งานระบบ GPS
วิทยุ FM ที่ต้องเสียบหูฟังเพื่อใช้เป็นเสาสัญญาณ, นาฬิกา และแอปฯ Duo การใช้งานโทรวิดีโอคอลแบบง่ายๆ แค่มีเบอร์โทรศัพท์ก็สามารถใช้งานได้ทันที
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
สำหรับ Nokia 2 มาพร้อมกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีโหมดถ่ายภาพปกติที่สามารถตั้งเวลาในการถ่ายภาพได้นาน 10 วินาที (2), เปิดใช้งาน HDR (3), เปิดใช้งานแฟลชหน้าจอ (4) และเมื่อกดไปที่ (1) จะเป็นการสับเปลี่ยนไปใช้งานกล้องหลัง และโหมดทัชอัพภาพหรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นโหมดบิวตี้ของ Nokia 2 นั่นเอง สามารถปรับความเนียนได้ 20 ระดับ ขณะที่การบันทึกวิดีสามารถบันทึกได้ที่ระดับ HD หรือ 720p
ถัดมาในส่วนของกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อม LED flash และ Autofocus มีให้เปิดใช้งาน HDR, ตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, เปิดใช้งานแฟลช มีโหมดการถ่ายภาพ 3 โหมด ได้แก่ ภาพถ่ายปกติ, ทัชอัพปรับผิวเนียนได้ 20 ระดับ และพาโนราม่าถ่ายภาพแนวกว้าง
และหากกดไปยัง 3 ขีดมุมซ้ายบนจะพาเข้าสู่หน้าตั้งค่าการใช้งานกล้องถ่ายภาพทั้งหมด
สำหรับการบันทึกวิดีสามารถบันทึกได้ที่ระดับ HD หรือ 720p เช่นเดียวกับกล้องหน้าค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Nokia 2
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Nokia 2
สำหรับกล้องหน้าของ Nokia 2 มาพร้อมความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (Nokia 3 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล) โหมดทัชอัพผิวมีให้เลือกปรับ 20 ระดับ และเนื่องจากเป็นสมาร์ทโฟนราคาถูกที่มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดน้อย จึงทำออกมาได้ไม่ดีนัก กล้องไม่ชัด โหมดทัชอัพผิวไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยังคงเห็นรอยขอบตาคล้ำหรือรอยสิว ไม่เหมาะกับสายเซลฟี่อย่างแรง ส่วนกล้องหลังมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มาพร้อม LED flash ถ่ายภาพออกมาพอรับได้คมชัดในระดับนึง แต่จะดูมืดๆ ไปนิดค่ะ
ข้อสังเกต
– มีอาการค้าง ประมวลผลช้า เมื่อเปิดใช้งานแอปฯ หลายตัว
– ตัวเครื่องค่อนข้างร้อนเมื่อเครื่องมีการประมวลผลหนัก
– ไม่เหมาะสำหรับการซื้อมาเล่นเกมหนักๆ ภาพกราฟิกไม่ค่อยสวย
– เหมาะสำหรับใช้งานดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล หรือเป็นเครื่องสำรองมากกว่าที่จะใช้งานหนักๆ
– หน่วยความจำแรม และความจุน้อย
– รองรับการใช้งาน 2 หน้าจอ
– ลำโพงเดี่ยว
– ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ดีไซน์บอดี้พลาสติกโพลีคาร์บอเนต ขอบเครื่องโลหะเฟรมอลูมิเนียมขึ้นรูป
– กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash ยังมีอาการหน่วงให้ได้เห็น
– กล้องหน้าความละเอียดน้อย ภาพไม่สวย โหมดทัชอัพผิวไม่ช่วยอะไรเลย
– บริเวณขอบล่างหน้าจอเหลือไว้โดยเปล่าประโยชน์ ไร้ปุ่ม หรือฟังก์ชันการใช้งานใดๆ
– แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh ใช้งานและสแตนด์บายได้นานเกิน 5 วัน (ทดสอบ 5 วัน จากแบตเตอรี่ 97% ลดเหลือ 55%)
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Asus Live
– Huawei Y5II
– Lenovo A6000 Plus
– Moto C (4G)
– Nubia N1 lite
– Xiaomi Redmi 4A
– Wiko Robby 2
ขอขอบคุณ HMD Global
Leave a Reply