รีวิว Moto G Turbo Edition สมาร์ทโฟนกันน้ำได้ ชาร์จเร็วด้วยระบบ TurboPower ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
หลังจากที่ห่างหายไปจากตลาดมือถือสมาร์ทโฟนในประเทศไทยไปนานพอสมควรสำหรับแบรนด์ Motorola ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Lenovo ก็ได้นำแบรนด์ชื่อดังอย่าง Motorola กลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งภายใต้ชื่อ “Moto by Lenovo” หรือ Moto และการต้อนรับการกลับมาในครั้งนี้ Moto ได้เปิดตัวมือถือสมาร์ทโฟนพร้อมกันถึง 3 รุ่นด้วยกัน
อันได้แก่ Moto X Style, Moto X Play และ Moto G Turbo ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทาง 9thaiphone ก็ได้ทำการรีวิว Moto X Play สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่รองรับ 4G ที่มาพร้อมสเปคการใช้งานไม่แพ้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ มีดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม บริเวณฝาหลังลวดลายดูมีเอกลักษณ์ และมีกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูงถึง 21 ล้านพิกเซลกันไปแล้ว (ดูรีวิวคลิกที่นี่)
ล่าสุดมาถึงคราวของสมาร์ทโฟนน้องใหม่มาแรงอย่าง Moto G Turbo Edition กันบ้าง ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นน้องเล็กสุดจาก Moto ที่มาพร้อมเทคโนโลยีป้องกันน้ำที่ล้ำสมัยตามมาตรฐาน IP67 ช่วยปกป้องตัวเครื่องจากฝุ่นและสามารถโดนน้ำได้อย่างหมดห่วง โดยอยู่ในน้ำลึก 1 เมตร ได้นานถึง 30 นาที (ไม่ใช่เล่นๆ)
ทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับเครื่อข่ายความเร็วระดับ 4G LTE และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Micro SIM รันบนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นล่าสุด 6.0 Marshmallow ใช้ UI Stock Android ที่รองรับการอัพเดทโดยตรงจาก Google นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ TurboPower ที่ชาร์จเพียง 15 นาที ทำให้แบตเตอรี่ความจุ 2470 mAh สามารถใช้งานยาวนานต่อเนื่องถึง 6 ชั่วโมง
Moto G Turbo Edition มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล คุณภาพหน้าจอที่ยอดเยี่ยมและทนทาน ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3 ที่มีระบบสัมผัสแบบมัลติทัช ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & quad-core 1.0 GHz Cortex-A53 หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB และรองรับ microSD สูงสุด 32GB
เก็บภาพสวย คมชัด ผ่านกล้องหลังที่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 ที่มาพร้อม autofocus, dual-LED (dual tone) flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama, auto-HDR และระบบ Color-Balance มีฟังก์ชั่นการใช้งานให้เลือกใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดาย และมีระบบ video stabilization ที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนระหว่างถ่ายวีดิโออีกด้วย
สำหรับคนชอบเซลฟี่กล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 ที่มาพร้อม auto-HDR ถ่ายสวยแม้ในที่แสงน้อย Moto G Turbo Edition มีดีไซน์ตัวเครื่องที่ไปในทางเดียวกันกับ Moto X Style ที่ตัวเครื่องด้านหลังมีความโค้งมนจับได้ถนัดมือ ฝาหลังของตัวเครื่องมีลวดลายเฉพาะแปลกตา ตัวเครื่องมีขนาด 142.1 x 72.4 x 11.6 มิลลิเมตร น้ำหนักรวม 155 กรัม และมีราคาวางจำหน่ายที่พอรับได้อยู่ที่ 8,290 บาท
ข้อมูลสเปค Moto G Turbo Edition
Features | Moto G Turbo Edition |
วันเปิดตัว : | – 30 มีนาคม 2559 |
ราคา : | – 8,290.- (ณ วันที่ 17 พ.ค. 59) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 6.0 Marshmallow |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS LCD |
– ขนาด 5 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล | |
– Multitouch | |
– Corning Gorilla Glass 3 | |
CPU : | – Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 |
– Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & quad-core 1.0 GHz Cortex-A53 | |
GPU : | – Adreno 405 |
RAM : | – 2GB |
ความจำตัวเครื่อง : | – 16GB |
– microSD สูงสุด 32GB | |
กล้องหลัง : | – 13 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– autofocus | |
– dual-LED (dual tone) flash | |
– Geo-tagging | |
– touch focus | |
– face detection | |
– panorama | |
– auto-HDR | |
กล้องหน้า : | – 5 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.2 | |
– auto-HDR | |
Video : | – 1080p@30fps |
Battery : | – Li-Ion 2470 mAh |
ขนาด : | – 142.1 x 72.4 x 11.6 มม. |
น้ำหนัก : | – 155 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM (Micro-SIM) |
ระบบกันน้ำ : | – IP67 (กันน้ำลึก 1 เมตร นาน 30 นาที) |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 b/g/n |
– Bluetooth 4.0 | |
– microUSB 2.0 | |
– ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร | |
GPS : | – GPRS |
– A-GPS | |
– GLONASS | |
Sensor : | – Accelerometer |
– proximity | |
สี : | – ขาว |
– ดำ |
สำรวจนอกกล่อง Moto G Turbo Edition
กล่องบรรจุ Moto G Turbo Edition มีขนาดเล็กกระทัดรัด มาในโทนสีขาวและสีม่วงดูเรียบง่าย บริเวณหน้ากล่องเผยให้เห็นด้านหลังของตัวเครื่องที่มีลวดลายเฉพาะและกล้องถ่ายภาพด้านหลังที่มาพร้อม dual LED flash
ด้านหลังของกล่องบรรจุภัณฑ์ส่วนบนจะมีการบอกสเปคคร่าวๆ ของ Moto G Turbo Edition เอาไว้ อาทิ ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Quad-core 1.5 GHz มีระบบการชาร์จ TurboPower ใช้งานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมงแต่ใช้เวลาในการชาร์จเพียงไม่กี่นาที มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
ตัวเครื่องบางขนาด 12.7 มิลลิเมตร มีหน้าจอ HD ขนาด 5 นิ้ว ปกป้องด้วย Corning Gorilla Glass 3 ขณะที่กล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม dual LED flash กล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วย Pure Android เป็นต้น
ด้านหลังส่วนล่างของกล่องมีสัญลักษณ์รูปภาพชี้ให้เห็นว่า Moto G Turbo Edition เป็นสมาร์ทโฟนที่สนับสนุนเครือข่าย 4G รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Micro SIM ขับเคลื่อนด้วย Octa-core แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน และรองรับหน่วยความจำภายนอก microSD card
สำหรับ Moto G Turbo Edition ที่ทาง 9thaiphone นำมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้จะมีตัวเครื่องเป็นสีขาว และเป็นรุ่นความจุ 16GB
แกะกล่อง Moto G Turbo Edition
อุปกรณ์ที่มาในกล่องจะบรรจุไปด้วย เครื่องสมาร์ทโฟน Moto G Turbo Edition , สาย Micro USB, ตัว Adapter ชาร์จแบตเตอรี่, คู่มือการใช้งานฉบับย่อ และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรสีขาว
เมื่อเปิดกล่องมาจะมีรูปภาพแจ้งเตือนเกี่ยวกับคุณสมบัติกันน้ำ ซึ่งมือถือจะสามารถกันน้ำได้ก็ต่อเมื่อปิดฝาหลังแน่นสนิท โดยการกดให้ทั่วบริเวณขอบรอบตัวเครื่องและบริเวณโมดูลกล้องให้แน่นสนิท
ตัว Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ TurboPower สามารถปล่อยกระแสไฟได้ 5-12V และมีแรงดันไฟ 1.6 Amp
หูฟังของ Moto X Play มีลักษณะกลมๆ สามารถใช้สนทนาได้
Moto G Turbo Edition มีหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล คุณภาพหน้าจอที่ยอดเยี่ยมและความทนทานของ Gorilla Glass ช่วยป้องกันถึงบริเวณเกือบสุดขอบตัวเครื่อง เพื่อปกป้องตัวเครื่องจากรอยขีดข่วนที่ไม่น่าดู หน้าจอมีความใหญ่ที่พอดี รองรับความบันเทิงได้เต็มอรรถรส คุณภาพสีสันหน้าจอคมชัด การใช้งานระบบสัมผัสแบบมัลติทัชลื่นไหล
ส่วนของหน้าจอเหนือขึ้นไปเล็กน้อยประกอบด้วย ลำโพงสนทนาคุณภาพเสียงคุณภาพ มีแถบเซ็นเซอร์ Proximity และ Ambient Light และมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 ที่มาพร้อม auto-HDR มีเลนส์กล้องแบบ Field of view ให้มุมมองกว้าง 72 องศา
มาดูในส่วนของหน้าจอแสดงผลด้านล่างกันบ้าง จะมีแถบลำโพงสำหรับความบันเทิงเสียงดังคมชัด ภายในมีไมโครโฟนสำหรับสนทนา และบริเวณหน้าจอด้านในสำหรับใช้งานจะมีปุ่มนำทางแบบสัมผัส 3 ปุ่มด้วยกัน คือ ปุ่มย้อนกลับ ปุ่มหน้าหลัก และปุ่มมัลติทาสก์ค่ะ
ด้านขวาตัวเครื่อง จะประกอบด้วยปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง และปุ่ม Power มีผิวสัมผัสเหมือนเม็ดมะยมบนนาฬิกา
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เรียบด้านไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ
ส่วนบนของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และไมค์สำหรับบันทึกเสียง
ด้านล่างของตัวเครื่อง มุมซ้ายมือจะมีร่องสำหรับแกะฝาหลังออก ขยับมาตรงกลางจะเป็นช่องพอร์ต microUSB ที่รองรับการใช้งานร่วมกับ Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ ระบบชาร์จเร็ว TurboPower
ในส่วนของด้านหลังตัวเครื่อง ฝาหลังมีลวดลายแบบเฉพาะให้ผิวสัมผัสที่กระชับจับถนัดมือไม่ลื่นหลุดมือ ตัวเครื่องมาพร้อมเทคโนโลยีป้องกันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP67 อยู่ในน้ำลึก 1 เมตร ได้นาน 30 นาที
ตรงกลางด้านหลังของตัวเครื่องมีเลนส์กล้องถ่ายรูปหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม dual LED flash ขยับลงมาจะเป็นโลโก้ของ Moto ค่ะ
มาชมลวดลายฝาหลังกันแบบชัดๆ อีกครั้ง
จริงอยู่ที่เราสามารถถอดฝาหลังออกได้เพื่อใส่ micro SIM และ microSD Card แต่เราไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ หากต้องการถอดแบตเตอรี่ออกจะต้องไขน็อตที่ยึดติดกับตัวเครื่องออกค่ะ
Moto G Turbo Edition สามารถรองรับซิมการ์ดได้ 2 ซิม และรองรับ microSD Card โดย SIM 1 จะอยู่ทางด้านซ้ายมือบน ถัดมาข้างล่างเล็กน้อยจะเป็นช่องใส่ microSD Card ขณะที่ SIM 2 จะอยู่ทางด้านขวา โดยมีโมดูลกล้องและ dual LED flash คั่นระหว่างกลาง
ด้านในส่วนล่างเมื่อถอดฝาหลังออกจะมีการบอกข้อมูลสมาร์ทโฟน เช่น รุ่นโมเดล, ความจุเครื่อง, หมายเลข IMEI และสถานที่ผลิต เป็นต้น
ทดสอบประสิทธิภาพ
ทดสอบประสิทธิภาพของ Moto G Turbo Edition ผ่านแอพพลิเคชั่น AnTuTu Benchmark v6.0.1 โดยสามารถทำคะแนนไปได้ 42540 คะแนน ด้วยสเปคการใช้งานต่างๆ และราคาที่ถือว่าพอรับได้ ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วงหรือค้าง ตอบสนองการใช้งานได้ดี
ซอฟต์แวร์
หน้าจอ Lock screen และ Home screen แอพพลิเคชั่นดูไม่รกตา ไอคอนใหญ่ใช้งานสะดวก ในหน้า Home screen เราสามารถสำรวจแอพฯ ตรวจดูการแจ้งเตือน ออกคำสั่งด้วยเสียง หรือกดไปที่หน้าจอค้างไว้เพื่อเปลี่ยนวิดเจ็ตวอลล์เปเปอร์
แอพพลิเคชั่นที่ที่ติดมากับตัวเครื่องเป็นมาตรฐานโดยทั่วไป เพิ่มเติมตรงที่มีการเพิ่มแอพฯ เฉพาะของ Moto เข้ามา โดยสามารถเพิ่มฟีเจอร์พิเศษ อาทิ ผู้ช่วยส่วนตัวรับคำสั่งด้วยเสียง การเปิดกล้องด้วยการหมุนข้อมือสองครั้งเพื่อถ่ายภาพด่วน หรือดูข้อความ การโทร และการแจ้งเตือนอื่นๆ แม้ว่าโทรศัพท์จะอยู่ในโหมดสลีป
เมื่อกดปุ่ม Power ทางด้านขวาของตัวเครื่องค้างไว้สักครู่ จะสามารถปิดเครื่องได้อย่างรวดเร็ว
สามารถเข้าถึงการใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วย Quick settings ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับ WiFi, Bluetooth, การปรับแสงสว่างของหน้าจอ, ตำแหน่งที่ตั้ง, การใช้งานซิมการ์ด หรือไฟฉาย ด้วยการเลื่อนหน้าจอบนสุดลงด้านล่าง
การใช้งานคุณสมบัติกันน้ำได้นั้น ผู้ใช้งานจะต้องมั่นใจแล้วว่าตนเองปิดฝาหลังแน่นสนิทไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบริเวณขอบรอบตัวเครื่องหรือบริเวณโมดูลกล้อง
เมนูการตั้งค่าหลักตามสไตล์ของ Android รุ่นใหม่
ในส่วนนี้จะบอกข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับ Moto G Turbo Edition ที่ได้รับการอัพเดทเป็นระบบปฎิบัติการ Android 6.0 Marshmallow เรียบร้อยแล้ว
ในโหมดโทรศัพท์ และการรับ-ส่งข้อความแป้นพิมพ์ตัวอักษรใหญ่ อิโมจิน่ารักใช้งานง่าย
ปฏิทินและเครื่องคิดเลข
การเข้าถึงข้อมูล หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำงานได้ดีลื่นไหลไม่มีสะดุดเข้าถึงเร็ว
ในส่วนของความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นเล่นเกม ดูหนัง หรือฟังเพลง สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีภาพสดใส ลำโพงเสียงดังชัดเจน
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพที่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 มาพร้อม autofocus, dual-LED (dual tone) flash, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama, auto-HDR และระบบ Color-Balance ใช้งานได้ง่ายจับภาพได้อย่างรวดเร็วโดยการแตะเบาๆ บนหน้าจอ หรือกดปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงทางด้านขวาของตัวเครื่องเพื่อกดถ่ายภาพ
นอกจากนี้เมื่อกดสไลด์หน้าจอทางด้านซ้ายไปทางขวาจะปรากฏเมนูฟังก์ชั่นถ่ายภาพขึ้นมาให้เลือกใช้ เราจะเริ่มจากเมนูแรกบนสุดคือโหมด HDR, การเปิด-ปิด flash, การควบคุมโฟกัสและการรับแสง, โหมดกลางคืน และฟังก์ชั่นการถ่ายวิดีโอ นอกจากนี้ยังมีโหมดตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, โหมดถ่ายภาพพาโนรามา, การจัดหาตำแหน่งของกล้องสำหรับภาพถ่ายและวิดีโอ, การเปิด-ปิดเสียงชัตเตอร์ และการถ่ายภาพด่วนโดยการหมุนข้อมือเพียงสองครั้งเพื่อเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Moto G Turbo Edition
สรุป
– หน้าจอมีขนาดใหญ่พอดีกับการใช้งาน
– ดีไซน์ตัวเครื่องเบสิค
– ฝาหลังมีลวดลายเฉพาะไม่เหมือนใคร
– ด้านหลังตัวเครื่องจับไม่มีคราบรอยนิ้วมือหลงเหลือให้กวนใจ
– ตัวเครื่องจับถนัดมือไม่ลื่นไหล
– ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP 67 คือสามารถอยู่ในน้ำความลึก 1 เมตร ได้นาน 30 นาที
– ใช้งานง่าย คล่องมือ มีน้ำหนักเบา
– รองรับความบันเทิงทุกรูปแบบ ภาพสดและคมชัด
– ลำโพงเสียงมีความชัดเจน เสียงไม่แตก
– การสนทนาสายเสียงดังชัดเจน
– หน้าจอทัชสกรีนทำงานได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง
– กล้องถ่ายภาพความละเอียดอยู่ในระดับกลาง คือกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล แต่สามารถเก็บภาพออกมาได้สวยงาม
– กล้องหลังมีค่ารูรับแสง f/2.0 มาพร้อม dual LED flash
– กล้องหน้ามีค่ารูรับแสง f/2.2 มาพร้อม auto-HDR ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี
– กล้องสามารถเลือกปรับโฟกัส ปรับหน้าชัดหลังเบลอ และปรับแสงได้เอง
– จับภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการแตะเบาๆ บนหน้าจอ
– กล้องถ่ายภาพมีระบบดิจิตอลซูม 4 เท่า
– มีระบบชาร์จเร็ว TurboPower ชาร์จ 15 นาที สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง
– แกะฝาหลังออกได้
– รองรับการใช้งาน 4G
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
– ทำงานได้อย่างลื่นไหลด้วย Pure Android
– มีระยะเวลาประกันสินค้า 1 ปี 6 เดือน
– มีหูฟังแถมมาให้
– ราคาไม่แพงมาก สมเหตุสมผล
ข้อสังเกตุ
– ตัวเครื่องและบริเวณโมดูลกล้องค่อนข้างร้อนไวเมื่อใช้งานต่อเนื่อง
– ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– ไม่มีฟิลเตอร์ตกแต่งภาพถ่ายเอาใจสาวๆ
– หน่วยความจำ RAM หรือหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง และแบตเตอรี่ให้มาน้อยอาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับบางคน
– กล้องถ่ายภาพในที่แสงจ้าไม่ค่อยดีเท่าที่ควรทั้งที่ปรับแสงแล้ว
– แบตเตอรี่ไม่สามารถถอดออกได้
– หากเผลอปิดฝาหลังไม่สนิทน้ำอาจเข้าเครื่องได้
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Huawei GR5
– Asus ZenFone Selfie
– OPPO F1
– OPPO Mirror 5
– vivo V3
– ZTE BLADE S7
– Samsung Galaxy J7
– Microsoft Lumia 650
– Lenovo A7010
– Meizu m2 note
– Wiko U FEEL
– Sony Xperia M4 Aqua
ขอขอบคุณ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด
Leave a Reply