รีวิว Meizu m2 Note 16GB สมาร์ทโฟนสเปคสูงในราคาเพียง 5,990 บาท
จากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมในงาน Thailand Mobile Expo เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ Meizu แบรนด์ดังจากจีน บุกตลาดไทยอย่างเต็มกำลัง ใช้กลยุทธ์ขายผ่าน Lazada เพียงแห่งเดียว จึงทำราคาได้ต่ำเป็นพิเศษเพียง 5,990 บาท ในขณะที่สเปคสูงเทียบเท่าคู่แข่งแบรนด์ดังในราคา 10,000 – 15,000 บาท จุดนี้เองที่ทำให้หลายคนสนใจซื้อ Meizu m2 Note เพราะระดับราคาห้าพันปลาย ๆ หักส่วนลดจากโปรโมชั่นทุกวันของ Lazada ก็น่าจะเหลือเพียงห้าพันกลาง ๆ ไม่มีคู่แข่งรายใดที่ให้สเปคสูงขนาดนี้มาก่อน
สเปคแบบละเอียดของ Meizu m2 Note 16GB
Processor and RAM
– Android 5.0 Lollipop
– MTK MT6753 processor
– ARM® Cortex®-A53™ 1.3GHz octa-core
– Mali T720 MP3/450MHz GPU
– 2GB LPDDR3 800MHz RAM
– Dual-channel ISP chip
Camera
Rear Camera
– 13 megapixel camera
– 4X digital zoom, 300° panoramic lens
– Blue glass IR filter
– Corning® Gorilla® Glass 3
– 5-element lens, ƒ/2.2
– 30 photos per second
Front Camera
– 5 megapixel OV5670 camera
– 4-element lens
– ƒ/2.0
– 69° wide angle
– FotoNation smart selfie enhancement
– Face AE face light boost
Display
– Dimensions : 5.5-inch
– Resolution : 1920 x 1080
– Brightness : 450cd/m2, 2,048 adjustable brightness levels
– Material : AGC Dragontrail/NEG T2X-1
– Display technology : IGZO (SHARP)
– Manufacturing technology : GFF fully laminated
Network Type
– FDD-LTE / TD-LTE / TD-SCDMA / WCDMA / GSM
WLAN
– 802.11 n/g/b/a Wi-Fi
– Supports dual-band Wi-Fi (2.4GHz/5GHz)
Bluetooth
– Bluetooth 4.0
– Supports BLE
Sensors
– Hall Effect sensor, Gravity sensor,
– IR proximity sensor, Gyroscope, Ambient light sensor, Touch sensor, Digital compass
Positioning
– GPS, A-GPS, GLONASS, Digital compass
Video
– MP4, 3GP, MOV, MKV, AVI, FLV, MPEG
Image
– JPEG, PNG, GIF, BMP
Audio
– FLAC, APE, AAC, MKA, OGG, MIDI, M4A, AMR
ผู้ใช้สามารถติดตามอัพเดท firmware ได้ที่ http://www.flyme.cn/en/firmwarelist-56-1.html
Firmware ชื่อ : Flyme OS 4.5.4I
แนะนำ Meizu m2 Note
Meizu m2 Note มาพร้อม Body ที่บางเฉียบไร้รอยต่อ สีสันสดใสโดนใจ เสริมความทนทานของตัวเครื่องด้วยโพลีคาร์บอเนตหุ้มด้วยกรอบแมกนีเซียมอัลลอย ซึ่งมีขนาดบางเพียง 8.7 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 149 กรัม ดีไซน์ให้มีรูปร่างที่โค้งมนแบบ R-angle curved เป็นการสร้างสรรค์ผลงานที่คำนึงถึงทุกๆ รายละเอียดเป็นอย่างดี นอกจากการดีไซน์ของ Body ที่บางเฉียบแล้ว ขนาดหน้าจอของ Meizu m2 Note มีขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว พร้อมภาพคมชัดระดับ Full HD 1080 พร้อมเทคโนโลยีการแสดงภาพ IGZO สู้แสงภายนอกได้ ลดการสะท้อนของหน้าจอได้อย่างดี
Meizu m2 Note ใช้กล้องที่ผลิตโดย Samsung ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แบบ CMOS ให้ภาพคมชัดทุกรายละเอียด พร้อมด้วยแฟลช Dual-Tone ช่วยในเรื่องแสงสีขาว แม้จะอยู่ในสภาวะแสงน้อยก็สามารถถ่ายภาพอออกมาถูกต้องตามสมดุลของแสงอย่างชัดเจน และยังมีเทคโนโลยี Zero-Delay ที่ช่วยในการบันทึกภาพทุกวินาทีที่สำคัญได้อย่างหน้าทึ่ง มาพร้อมกล้องหน้าที่มีความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล เพื่อผู้ใช้ที่ชื่นชอบการเชลฟี่เป็นอย่างยิ่ง
ด้านสเปคของโทรศัพท์มือถือ Meizu m2 Note ที่มาพร้อมการทำงานของ Octa-core CPU 64-bit และ Triple-core GPU รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถจัดสรรพื้นที่ความจุภายในเครื่องได้อย่างเป็นฉลาดกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ เพื่อผู้ใช้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมที่ใช้พื้นที่เยอะ ภาพคมชัดแบบ 3D ภาพไม่กระตุก นอกจากนี้สำหรับการดูหนัง ฟังเพลง ท่องอินเตอร์เน็ต ก็สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดอีกด้วย
รองรับ 4G ได้ทั้งระบบ TD-LTE และ FDD-LTE ก็หมายความว่าสามารถที่จะใช้ 4G ในไทยได้ อีกทั้งยังรองรับ 2 SIM แบบ dual standby และ dual 4G อีกด้วย ส่วน SIM ใช้เป็นแบบ nanoSIM
Meizu m2 Note มาพร้อมแบตเตอรี่คุณภาพสูงจาก SONY/ATL ที่มีความจุสูงถึง 3100mAh เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น สมาร์ทโฟน Meizu m2 Note รองรับ Nano-SIM ถึง 2 ระบบ อย่างไรข้อจำกัด
Meizu m2 Note มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop เเละรวดเร็วทันใจด้วยหน่วยประมวลผลที่ดีเยี่ยม พร้อมหน้าจอ Full HD ขนาด 5.5 นิ้วและกล้องหลังที่มีความละเอียดมากถึง 13 ล้านพิกเซล ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพได้สวยคมชัดถูกใจคุณอย่างแน่นอน ในราคาเพียง 5,990 บาท ถือว่าเป็นที่สุดของความคุ้มค่าในยุคนี้ ด้วยชื่อรุ่น m2 Note แน่นอนว่าคุณสามารถจดโน้ตสั้น ๆ ได้ด้วยมือเปล่าอย่างในภาพ หรือจะใช้ปากกาที่มีจำหน่ายแยกทั่วไปตามท้องตลาด ก็ใช้งานได้เช่นกัน
Meizu m2 Note มีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับ m1 Note รุ่นก่อนหน้า แต่ได้เปลี่ยนปุ่ม Capacitive กลม ๆ ใต้หน้าจอ มาเป็นปุ่มแบบ Physical แทน ที่สามารถรับรู้ได้ว่า เรากดปุ่มหรือแค่แตะ ซึ่งการกดปุ่มลงไปธรรมดาก็จะทำหน้าที่เหมือนกับปุ่ม home ทั่วไป แต่ว่าการแตะจะเป็นการย้อนกลับหรือปุ่ม Back นั้นเอง ทำให้ไม่ต้องขยับนิ้วไปไกล
แกะกล่องยลโฉมดีไซน์
หลังจากสั่งซื้อผ่าน Lazada เพียง 1-2 วันก็ได้รับสินค้าแล้ว กล่องสภาพดี ไม่มีรอยบุบใด ๆ
ตัวเครื่องที่รีวิวในบทความนี้ เป็นเครื่องสีเทา ผิวด้าน ไม่มีปัญหาคราบมันจากนิ้วมือแน่นอน
รองรับเครือข่ายหลายแบบ ใช้งานได้ในหลายประเทศ ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ไม่แบ่งโซนประเทศเช่นเดียวกับ iPhone ที่มีเพียงโมเดลเดียวจำหน่ายทั่วโลก
มีเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด รูปทรงใหญ่เป็นพืเศษ
รองรับ nanoSIM 4G ได้ทั้งสองซิม หรือใส่ microSD แทนในช่อง SIM1 ก็ได้สำหรับผู้ที่ใช้ซิมการ์ดเดียว
แผ่นพับแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
อุปกรณ์ในกล่อง ไม่มีแถมหูฟังมาให้ เพราะราคาต่ำอยู่แล้ว Meizu มีความคิดว่า ถ้าแถมหูฟังคุณภาพต่ำมากอย่างที่สมาร์ทโฟนราคาถูกทั่วไปทำกัน งั้นไม่แถมดีกว่า เพราะจะเสียชื่อเสียงที่มีมายาวนานในอดีต โดย Meizu ได้รับการลือชื่อในด้านเครื่องเล่น MP3 ในอดีตที่ให้คุณภาพเสียงเทียบชั้น iPod และ Walkman จึงคิดว่าถ้าผู้ใช้รักเสียงเพลงจริง ๆ น่าจะมีหูฟังคุณภาพดีอยู่แล้ว หรือไม่ก็หาซื้อหูฟังคุณภาพดีได้ง่าย ๆ ของแถมคุณภาพต่ำที่ไม่มีใครอยากใช้ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น
Adapter จ่ายกระแสสูงถึง 2.0 A ชาร์จเร็วพอสมควร แบตเตอรี่ภายในผลิตโดย Sony ซึ่งไว้ใจได้และอายุการใช้งานก็นานกว่า
ดีไซน์สวยงาม เรียบหรู ขนาดไม่ใหญ่เกินไป
พอร์ต microUSB และช่องลำโพง อยู่ที่ใต้เครื่อง
ปุ่ม Volume และ Power อยู่ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ค่อนข้างแข็ง ต้องกดแรงหน่อย
ช่องต่อหูฟังและไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา อยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง
ด้านขวาไม่มีปุ่มใด ๆ มีเพียงช่องใส่ SIM กับ microSD
ด้านหลังเรียบ แกะฝาหลังเองไม่ได้
กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล และไฟแฟลช LED แบบ Dual tone ผสมแสงสองสี เป็นธรรมชาติ
ปุ่มโฮม เรียบเสมอไปกับกระจกจอภาพ ขอบปุ่มแวววาวดูหรูหรา แค่สัมผัสเบา ๆ จะเป็นการย้อนกลับ (Back) และกลับไปที่หน้า Home เมื่อกดปุ่มลง
ช่องลำโพงและกล้องหน้าที่มุมขวา
หน้าจอ เป็นกระจกสีดำ ตัดแสงสะท้อนได้ดีมาก
หน้าจอ Lock Screen
ถาดใส่ nanoSIM 2 ซิมการ์ด หรือเลือกใส่ microSD กับ nanoSIM เพียงซิมการ์ดเดียว
ทดลองเปิดชมเว็บไซต์
ภาพและตัวอักษรคมกริบด้วยหน้าจอความละเอียดสูง Full HD
หน้าจอสีสดใส คมชัดมาก อ่านง่ายสบายตา หากเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในระดับราคาเดียวกัน จะได้แค่จอภาพความละเอียด HD ตัวอักษรจึงแตกเป็นรอยหยัก และภาพก็จะเห็นจุดสี Pixel
ทดสอบประสิทธิภาพ ด้วย Antutu Benchmark ทำคะแนนได้ 3 หมื่นกว่า แต่เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชั่นและเกมมากมายในเครื่อง ก็ยังถือว่าแรงเกินราคากับคะแนนที่ลดลงเหลือเฉียด 3 หมื่นในราคาเครื่องนี้เพียง 5,990 บาท
ทดสอบเล่นเกม Need for Speed ภาคใหม่ล่าสุด ก็ให้ภาพที่สวย ลื่น สมจริง เล่นนานก็รู้สึกว่าตัวเครื่องร้อนขึ้นเล็กน้อย แบตเตอรี่ลดลงไม่เยอะ
UI เดิม ๆ จาก Flyme Launcher ดูค่อนข้าง Clean สะอาดตา ทันสมัยดี
แต่เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้นเช่นเดียวกับ Google Nexus และใช้พื้นที่หน้าจอได้เต็มประสิทธิภาพ Full HD จึงแนะนำให้เปลี่ยน Launcher ใหม่ดีกว่า และติดตั้ง Widget เพิ่มเติมที่คิดว่าจำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Nova Launcher ก็ทำให้พื้นที่ใช้งานหน้าจอกว้างมากขึ้น ตัวอักษรเล็กลง ไอคอนเล็กลง สมดุลกับขนาดหน้าจอใหญ่ แต่ก็ยังอ่านได้ง่าย ตัวอักษรคมกริบ ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
หมดห่วงเรื่อง Software มีอัพเดตอย่างต่อเนื่อง แก้บั๊กได้ค่อนข้างเร็ว
Home screen ใหม่ภายใต้ Nova Launcher
รายการแอปพลิเคชั่นและปุ่มลัดในการปิดเปิด
เมนูการตั้งค่า และอัพเดตล่าสุดเป็น 4.5.4.1l แล้วในช่วงต้นเดือน พ.ย. 2558
Gesture ตั้งค่าสั่งงานด้วยการลากนิ้วขณะหน้าจอปิดอยู่ได้หลากหลายฟังก์ชั่น
แนะนำให้ใช้โหมดประหยัดพลังงาน และตั้งค่าการแสดงผลให้เหมาะสม
สมุดโทรศัพท์และโทรออก ใช้งานง่าย พร้อมแสดงภาพ
มี Painter ที่สามารถวาดภาพได้ หรือจดโน้ตด้วยลายมือก็ได้เช่นกัน
กล้องถ่ายภาพ ทำงานได้และบันทึกภาพได้ค่อนข้างเร็ว
มีลูกเล่นการถ่ายภาพและปรับแต่งตั้งค่าได้ค่อนข้างเยอะทีเดียว โดยเฉพาะการกำหนดจุดวัดแสงและเปิดใช้ HDR ได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ภาพขนาดจริง ไม่ปรับแต่งและไม่ย่อขนาด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังในสภาวะแสงน้อย โหมด Auto ภาพขนาดจริง ไม่มีการปรับแต่งและไม่ย่อขนาด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังในสภาวะแสงปกติ โหมด Auto ภาพขนาดจริง ไม่มีการปรับแต่งและไม่ย่อขนาด
สรุป
จากการทดสอบใช้งานมานาน Meizu m2 note สร้างความประทับใจได้ดีเกินราคา ถือว่าคุ้มค่าอย่างมากสำหรับผู้ที่ใช้งานเน้นความบันเทิงแต่มีงบประมาณไม่มากนัก คุ้มที่สุดแล้วในตลาด สำหรับระดับราคาไม่เกิน 6,000 บาท
สิ่งที่ประทับใจ
- ราคาถูกมากเมื่อเปรียบเทียบกับสเปค
- ตัวเครื่อง วัสดุดี แน่น แข็งแรง ดูดีเกินราคา
- หน้าจอคมชัด สีสันสดใส สว่างสู้แสง
ข้อสังเกต
- ขอบจอ สัมผัสเบา ๆ ไม่ติด มีปัญหาเมื่อใช้งานคีย์บอร์ด คีย์ขอบซ้ายขวากดไม่ค่อยติด
- มีจุดส่งเครื่องซ่อมไม่มากนัก และอาจจะใช้เวลานานในการดำเนินงาน
- สั่งซื้อผ่าน Lazada เท่านั้น หาโอกาสทดลองสินค้าก่อนซื้อได้ยากมาก
คู่แข่งในระดับราคาใกล้เคียงกันที่ใช้จอภาพ Full HD
- Wiko Fever – 6,990 บาท
- ZTE Blade A711 – 5,990 บาท
Leave a Reply