รีวิว Huawei P9 สุดยอดสมาร์ทโฟน Dual Camera ร่วมพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีระดับพระกาฬของ Leica
เปิดตัวกันไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อคืนวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมากับ Huawei P9 สเปคระดับเทพ ผลิตด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม จับมือ Leica สร้างประสบการณ์ยอดเยี่ยมในการถ่ายภาพ ด้วยกล้องคู่และลูกเล่นเด็ด ๆ อีกเพียบ
Huawei จับมือพันธมิตรระดับพระกาฬอย่าง Leica จึงสร้างปรากฏการณ์ช็อคโลกด้วยการใช้กล้องคู่ มาเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ โดย Huawei P9 มาพร้อมกับเลนส์ Leica SUMMARIT โมดูลกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีการถ่ายภาพจากกล้อง 2 ตัว ที่ช่วยให้มุมมองและความลึกตื้น (Depth of Field) ของภาพนั้นดียิ่งขึ้น
โดยกล้องตัวแรก จะทำหน้าที่เก็บรายละเอียดของสี (Capturing Color) ส่วนกล้องตัวที่ 2 จะทำหน้าที่เก็บรายละเอียดของสีขาวและดำ (Monochrome Photos) แยกกันเกิดเป็นภาพถ่ายที่มีสีสันสดใส (Vivid Colors) และได้รายละเอียดของภาพทั้งความลึกและตื้นอย่างครบถ้วน รวมทั้งถ่ายภาพภายใต้สภาวะแสงน้อยได้ดีอีกด้วย ในราคาเปิดตัวเพียง 16,990 บาท เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้
นับตั้งแต่วันเปิดตัวในต่างประเทศ มาจนถึงวันเปิดตัวในไทย 7 มิถุนายน 2559 ก็มีกระแสของ Huawei P9 ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง มีการพูดถึงอย่างมาก จากภาพถ่ายของผู้ใช้หลาย ๆ คนที่ซื้อเครื่องในต่างประเทศ หรือเป็นชาวต่างชาติที่แชร์ภาพถ่ายจาก Huawei P9 ลงบน Social Network ที่ทำให้ทุกคนต้องร้องว้าวเมื่อได้เห็นภาพถ่ายที่สวยคมมาก ชัดเต็มตา ปรับชัดตื้น หรือหน้าชัดหลังเบลอได้สวยมาก ใกล้เคียงกับกล้อง DSLR ระดับโปร
แต่เมื่อได้ทดสอบใช้งานจริงเพื่อเขียนบทความรีวิวนี้ ทำให้รู้ว่า Huawei P9 ไม่ได้มีดีแค่กล้อง แต่เป็นความลงตัวของดีไซน์ สเปคทุกด้าน บวกกับซอฟต์แวร์ที่ดีเยี่ยม ผสานเทคโนโลยีกล้องจาก Leica ทำให้ได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีมาก ในราคาถูกเหลือเชื่อ เครื่องเปล่าเพียง 16,990 บาท หรือเครื่องติดสัญญากับ True / AIS เพียง 11,990 / 12,990 บาทตามลำดับ เป็นราคาที่เย้ายวนใจและคุ้มค่าอย่างมาก
สเปค Huawei P9 ที่จำหน่ายในไทยเป็นรหัสรุ่น EVA-L19 (แตกต่างจากหลายประเทศ)
- ขนาด 145mm x 70.9mm x 6.95mm น้ำหนัก 144g
- สีที่มีให้เลือก Prestige Gold/Titanium Grey/Mystic Silver
- หน้าจอ IPS เกรดสูงพิเศษ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ขนาด 5.2″ Full HD ขอบกระจกโค้งนูน 2.5D
- CPU HUAWEI Kirin 955 (64-bit), Octa-core (4 x 2.5 GHz A72+ 4 x 1.8 GHz A53)
- ระบบปฏิบัติการ Android™ 6.0
- 3GB RAM + 32GB ROM
- รองรับ 4G TDD LTE:Band38/39/40/B41
4G FDD LTE:Band1/3/4/7/20
3G TD-SCDMA: Band34/39
3G UMTS: 850/900/AWS/1900/2100MHz(Band5/8/4/2/1)
SIM1: 850/900/1800/1900MHz
SIM2: 850/900/1800/1900MHz - มี GPS/A-GPS/Glonass/BDS
- รองรับ Wi-Fi 2.4G/5G a/b/g/n/ac with Wi-Fi Direct support
- มี Bluetooth 4.2, support BLE
- เชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB Type C (High Speed USB)
- เซ็นเซอร์ Fingerprint Sensor, G-Sensor, Gyroscope sensor, Compass, Ambient Light Sensor, Proximity sensor, Hall effect sensor
- กล้องหลัก ชนิด BSI CMOS 12MP จำนวน 2 ตัว รูรับแสงกว้าง f/2.2 ใช้เทคโนโลยีจาก Leica มี Dual-tone flash
- กล้องหน้า 8MP รูรับแสงกว้าง f/2.4
- Emotion UI ล่าสุดเป็น EMUI 4.1 ครอบทับ Android 6
- Battery ขนาด 3000mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้
- รองรับ Dual SIM แต่ไม่มี NFC
- ในกล่องประกอบด้วยตัวเครื่อง, ชุดหูฟัง, ที่ชาร์จ, สาย USB-C, เข็มจิ้มถาดซิม และคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
แกะกล่องยลโฉมดีไซน์
ย้ำกันอีกครั้งว่า รุ่นที่นำมารีวิวเป็นรหัส EVA-L19 สี Prestige Gold ตรงกับรหัสรุ่นที่จำหน่ายในไทย อาจจะแตกต่างจากรีวิวที่เคยเห็นในต่างประเทศ โดยมีสเปคต่างกันเล็กน้อย ที่เห็นชัด ๆ คือ รองรับ Dual SIM แต่ไม่มี NFC
กล่อง Huawei P9 มีโลโก้ Leica Dual Camera ที่โดดเด่นหน้ากล่อง เพราะนี่คือจุดขายสำคัญของรุ่นนี้
เปิดฝาครอบกล่อง
ตัวเครื่องสีทอง วางเด่นงามสง่า
ภายในมีอีก 3 กล่องย่อยซ้อนอยู่
กล่องแรก มีเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น พร้อมเคสใส
เคสใสเป็นแบบแข็ง มีลายจุดที่ผิวสัมผัสด้านหลัง เพื่อไม่ให้ลื่นมือ และลดการเกิดรอยขีดข่วนบนผิวเคส
หูฟังและสาย USB
สาย USB เป็นแบบ USB Type-C หรือ USB-C ที่เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล เสียบกับตัวเครื่องได้ทันทีโดยไม่ต้องพลิกหน้าพลิกหลัง ไม่ต้องกลัวว่าเสียบไม่เข้าเพราะผิดด้าน นอกจากนี้คุณภาพของสายที่แถมมา มีความทนทาน เหนียวและหนาพิเศษ ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดหรือหักในได้ง่าย ผิวสัมผัสของสายและวัสดุหุ้มบริเวณขั้วต่อ ให้ความรู้สึกถึงความพรีเมียมทุกครั้งที่สัมผัส เป็นรอยขีดข่วนได้ยาก ไม่เก่าเร็ว ถือว่าเอาข้อเสียของสาย Sync iPhone มาปรับปรุงทุกด้านเพื่อให้ทนทานมากที่สุด
ที่ชาร์จ จ่ายไฟ 5V 2A ตามมาตรฐาน ไม่ใช่แบบชาร์จเร็ว แต่งานประกอบถือว่าทำได้เนี๊ยบมาก
มาดูกันต่อที่ตัวเครื่อง เปิดเครื่อง รอบูตไม่นานก็พร้อมใช้ทันที
พลิกมาดูด้านหลัง เห็นกล้องคู่ เอกลักษณ์โดดเด่นของรุ่นนี้
กระจกหน้าจอขอบโค้งลง 2.5D ตามสมัยนิยม
ใช้หน้าจอ IPS เกรดสูงเป็นพิเศษกว่าจอ IPS ที่เคยเห็นทั่วไป สีสันสวยงามสดใสมาก ให้ความสว่างที่ดี สีดำลึกมีมิติ ขนาด 5.2 นิ้ว มีความละเอียด Full HD แต่ภาพสวยคมอย่างมาก คมชัด ตัวอักษรไร้รอยหยักที่ขอบ เนียนตากว่าหน้าจอ AMOLED ที่ความละเอียด Full HD เท่ากัน เป็นหน้าจอ IPS มีเม็ดสีเต็มพิกเซลอย่างแท้จริง
ตัวเครื่องเป็น Aluminium แบบ Unibody ชิ้นเดียว ผิวสัมผัสเนียนลื่นเหมือน iPhone 6/6s ที่หลายคนเคยสัมผัสแล้ว
ช่องลำโพง พอร์ต USB-C ช่องรับเสียงไมโครโฟน และช่องต่อหูฟัง รวมอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง
นอกจากกล้องคู่แล้ว มีไฟแฟลชแบบ Dual tone แสงสองสีผสมกันเป็นโทนสีที่เป็นธรรมชาติใกล้เคียงแสงอาทิตย์ ใต้ไฟแฟลชเป็น Laser Focus ช่วยให้โฟกัสได้เร็วในสภาวะแสงน้อย
จุดสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตามสไตล์หัวเว่ย โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home ด้านหน้าจะใช้งานได้สะดวกกว่าเยอะ
ถาดใส่ Nano SIM ทั้งคู่ หรือเลือกใส่ microSD กับ Nano SIM เพียงอย่างละอันก็ได้
โลโก้หัวเว่ย อยู่ด้านล่างจอภาพ บริเวณนี้ไม่มีปุ่มสั่งงานใด ๆ
เหนือจอภาพ เป็นตำแหน่งของกล้องหน้า เซ็นเซอร์ ช่องลำโพงสนทนา และมี LED Notification ซ่อนอยู่ในช่องลำโพง เพื่อแจ้งสถานะ แต่มองเห็นได้ยาก แสงหรี่มากเกินไป เห็นเฉพาะในที่มืด
ขอบตัวเครื่อง เป็น Aluminium ชิ้นเดียวกับด้านหลัง ตัดขอบเฉียง ไม่คมบาดมือ แต่ดูเงางามหรูหรา
ปุ่ม Power เป็นผิวขรุขระ จงใจให้แตกต่างกับปุ่ม Volume เพื่อป้องกันการกดผิด
ไม่มีไฟแฟลชสำหรับกล้องหน้า ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น อันตรายต่อดวงตาด้วยซ้ำไป
ดีไซน์ตัวเครื่องโดยรวม ถือว่าสวยงามดีทุกมุมมอง พัฒนาการมาจาก Huawei P8 อยู่พอสมควร
ตัวอย่างภาพถ่ายอันน่าทึ่ง
ภาพถ่ายจาก Huawei P9 สามารถเลือกขนาดและสัดส่วนภาพได้ทั้งแบบ Postcard และ Widescreen รวมทั้งสามารถใส่ลายน้ำ Leica ได้ด้วย ถูกใจสาวกกล้อง Leica จริง ๆ
ไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ สำหรับภาพถ่ายทุกภาพ ที่ทำให้ Huawei P9 เป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้สวยที่สุดในอันดับต้น ๆ ของโลกไปแล้ว เพราะเทคโนโลยีของกล้อง Leica ที่ถ่ายทอดลงมาสู่ Huawei P9 การประมวลผลภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม แม่นยำ และฉลาด ทำให้ทุกคนถ่ายภาพออกมาได้สวยโดยอาจไม่ต้องมีทักษะการถ่ายภาพมาก่อนก็ได้
ในส่วนของกล้องหน้า มีโหมด Beauty ที่ปรับระดับได้ถึง 10 ระดับ สไตล์ภาพถ่ายเหมือนกับ Samsung คือ ปรับเฉดสีผิวคล้ายคนทารองพื้นหนา ๆ เกลี่ยสีและความเรียบของผิว ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินักถ้าปรับเกิน 2 จนถึง 10 โดยรวมก็ถือน่าพอใจมาก แต่ Selfie อันดับหนึ่งในยุคนี้ ต้องยกให้ OPPO F1 Plus ทำได้ดีที่สุด
กล้องคู่ แยกกันทำหน้าที่เก็บภาพสีกับภาพขาวดำแล้วนำมาซ้อนรวมกัน ทำให้เราปรับรูรับแสงได้แคบสุดตั้งแต่ f/16 ไปจนถึงกว้างสุด f/0.95 ได้ภาพถ่ายที่ชัดลึดหรือชัดตื้นได้ตามต้องการ เลือกโฟกัสหรือปรับรูรับแสงในภายหลังก็ได้ เพราะในวินาทีสำคัญที่กำลังถ่ายภาพ อาจจะไม่มีเวลาปรับค่ารูรับแสง
ดูตัวอย่างภาพถ่ายเพิ่มเติมได้อีกตามลิงค์ข้างล่างนี้
- อัลบั้มภาพถ่ายจาก Huawei P9 ชุดที่ 1 ภาพขาวดำ โดยคุณ Kitti Ton Teerprathum
- อัลบั้มภาพถ่ายจาก Huawei P9 ชุดที่ 2 โดยคุณ Kitti Ton Teerprathum
- อัลบั้มภาพถ่ายจาก Huawei P9 ชุดที่ 3 โดยคุณ Kitti Ton Teerprathum
- อัลบั้มภาพถ่ายจาก Huawei P9 ชุดที่ 4 โดยคุณ Kitti Ton Teerprathum
- อัลบั้มภาพถ่ายจาก Huawei P9 โดยอาเล็ก ธีระเดช นักแสดงชื่อดัง
- อัลบั้มภาพถ่ายจาก Huawei P9 ชุดพิเศษโดยช่างภาพระดับมืออาชีพ
- อัลบั้มภาพถ่ายจาก Huawei P9 โดยทีมงานหัวเว่ย (ภาพสี)
- อัลบั้มภาพถ่ายจาก Huawei P9 โดยทีมงานหัวเว่ย (ภาพขาวดำ)
ทดสอบประสิทธิภาพ
Huawei P9 ทำคะแนนทดสอบประสิทธิภาพด้วย Antutu Benchmark ได้ประมาณ 96000 กว่า ๆ และทดสอบในด้านอื่น เปรียบเทียบกับคู่แข่งทั้ง Samsung Galaxy S7, LG G5 และ iPhone 6s ในบางด้านของการทดสอบ P9 ทำคะแนนได้ดีเหนือคู่แข่ง หลายด้านจะแพ้ S7 กับ G5 ไปบ้าง แต่เท่าที่ทดสอบใช้งานแล้ว ก็ยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก จากที่เคยสัมผัสทดลองใช้ S7 กับ G5 มาก่อน
ด้วยความแรงของ CPU Kirin ในรุ่นระดับเรือธงที่กล้าท้าชนคู่แข่งทั้ง 3 รายข้างต้นนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการเล่นเกม 3D ทำได้ดีไม่แพ้คู่แข่งแน่นอน ภาพสวย คมกริบ สีสันสดใส หน้าจอมุมมองกว้าง เสียงดังดีในระดับปานกลาง ให้อรรถรสการเล่นเกมที่น่าประทับใจ แบตเตอรี่ลดลงช้ากว่าที่คิด ความร้อนน้อยกว่าคู่แข่ง แต่เล่นนานก็อุ่นมือ ยังไม่พบปัญหาการเล่นเกมบน Huawei ทุกรุ่น แต่ถ้าปรับปรุงเรื่องพลังเสียงให้ดีขึ้น และเพิ่มเป็นสองลำโพง จะยอดเยี่ยมอย่างมาก
ซอฟต์แวร์
Lock screen แบบ Magazine เปลี่ยนภาพทุกครั้งที่เปิด พร้อม Shortcut ที่มีประโยชน์
Home screen แบบไม่มี App drawer และ Quick settings
เปลี่ยน Theme และวาง Widget ได้ตามใจชอบ
นาฬิกา ปรับแต่ง UI ได้สวยงามทันสมัยน่าใช้กว่าแบรนด์อื่น
แอปพลิเคชั่นทั้งหมดในเครื่อง จะมากองอยู่บน Home screen
รายชื่อในสมุดโทรศัพท์และปุ่มโทรออก
Gallery เปิดดูได้สองแบบ
เมนูตั้งค่าหลักในรูปสไตล์ EMUI เอกลักษณ์ของหัวเว่ย
มีระบบป้องกันการสัมผัสจอภาพโดยไม่ตั้งใจเมื่อใส่ในกระเป๋ากางเกง
ปรับเปลี่ยน Navigation bar และตั้งค่า Motion Control ได้
ระบบสั่งงานด้วยเสียง และระบบล็อกหน้าจอที่เลือกปรับแต่งได้หลากหลาย
ตั้งค่าการสแกนลายนิ้วมือและการแสดงผลบน Notification Panel ได้
เมนูตั้งค่าเสียงและการแสดงผล
จัดการซิมการ์ดและธีม
ดาวน์โหลดธีมฟรีได้มากมาย
เปลี่ยนสไตล์ไอคอนได้
การจัดการไฟล์และล้างหน่วยความจำ มีตัวช่วยที่ทำได้ง่าย
จุดสำคัญ ก็คือซอฟต์แวร์กล้องที่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมดหลังจากร่วมมือกับ Leica จนไม่เหลือเค้าโครงเดิมที่เคยมีในรุ่น P8
มีโหมด Pro ที่ช่วยให้ปรับตั้งค่าทุกอย่างได้ง่าย
แค่สไลด์ก็ปรับค่า ISO, Speed shutter, EV, AF, White balance ได้ง่าย
เมนูการตั้งค่าเหล่านี้ นักถ่ายภาพมืออาชีพ จะต้องปรับบ่อย จึงไม่ซ่อนไว้ในเมนูที่ซับซ้อน
การปรับค่ารูรับแสง ทำได้ง่ายแค่สไลด์ขึ้นลง ค่า f ก็เปลี่ยนตามต้องการ
มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้มากมาย
การตั้งค่าในขั้นสูง ก็มีให้ครบครันแบบจัดเต็ม ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ Huawei ได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์กล้อง หลังการร่วมพัฒนา P9 กับ Leica
สรุป
ราคา 16,900 บาท สำหรับ Huawei P9 เครื่องเปล่า และ 11,990 บาทสำหรับเครื่องติดสัญญา 499 x 12 เดือนกับทรูมูฟเอช เมื่อเปรียบเทียบราคากับสเปค วัสดุ ดีไซน์ ซอฟต์แวร์ หน้าจอ และกล้อง ถือว่ายอดเยี่ยมในทุกด้าน คุ้มค่าเกินราคา ตั้งราคาต่ำท้าชนคู่แข่งจนตลาดสะเทือน จึงทำให้ในช่วงกลางปีแบบนี้ Huawei P9 มีกระแสแรง เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก คุ้มค่าจนทุกคนอยากได้เป็นเจ้าของ
สิ่งที่ประทับใจ
- กล้องดีเยี่ยม ทั้งกล้องหลังแบบคู่ และกล้องหน้า
- ซอฟต์แวร์กล้อง มีลูกเล่นเยอะ ปรับค่าได้แบบมืออาชีพ ใช้งานง่าย วิเคราะห์สภาพแสงและโฟกัสได้แม่นยำ
- หน้าจอคมกริบ สีสดใสมาก เป็นหน้าจอ Full HD ที่ให้ภาพสวยกว่าสมาร์ทโฟนหลายรุ่นในตลาด เนียนคมยิ่งกว่าจอ AMOLED เพราะเม็ดสีเต็มพิกเซล ในขณะที่ AMOLED เรียงเม็ดสีแบบ Pentile Matrix ขอบตัวอักษรจึงมีรอยหยักให้เห็น ทั้งที่สเปคระบุว่าความละเอียด Full HD เหมือนกับจอที่ใช้ใน Huawei P9
- ขณะใช้งานหนัก หรือถือถ่ายวิดีโอแช่นาน ๆ มีความร้อนน้อย
- แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นาน 1 วันครึ่ง จนถึงเกือบ 2 วันเต็ม
- สาย USB-C เส้นหนา แข็งแรง ทนทาน มั่นใจว่าอายุการใช้งานยาวนาน วัสดุดีเยี่ยม
- มี 3 เสาอากาศ ทำให้สัญญาณ 3G / 4G แรงชัดขึ้นจริง แม้อยู่ในจุดค่อนข้างอับสัญญาณ
- แถมเคสใสคุณภาพดีมาให้ในกล่อง
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา จับถือถนัดมือ วัสดุดี ดูแลรักษาได้ง่าย เป็นรอยขีดข่วนได้ยาก
- กล้องไม่นูนยื่นออกมา ไม่ต้องกังวลเมื่อวางบนโต๊ะ
ข้อสังเกต
- รุ่นที่จำหน่ายในไทย ไม่มี NFC และไม่มีสี Rose Gold
- ไฟ Notification หรี่มาก มองแทบไม่เห็น แอบซ่อนในช่องลำโพง
- ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลัง บางครั้งก็สร้างความหงุดหงิด เพราะนิ้วไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ควรจะมีฟิล์มกันรอยหน้าจอ แถมมาในกล่อง
- สาย USB-C มีต้นทุนสูง จึงยังไม่มีจำหน่ายในแบบเกรดต่ำ ราคาถูก 20-199 บาท หากต้องการซื้อสำรองใช้ ก็มีเฉพาะแบรนด์ดัง ราคาสูงเท่านั้น ต้องรอให้ได้รับความนิยมมากกว่านี้
คู่แข่งในระดับไฮเอนด์
โปรโมชั่นที่น่าสนใจจากทรูมูฟเอช
ทีมงาน 9ThaiPhone ยังไม่มีแผน ที่จะรีวิว Huawei P9 Plus เนื่องจากมีความแตกต่างกับ P9 เพียงเล็กน้อย
Leave a Reply