รีวิว BlackBerry Priv สมาร์ทโฟน BlackBerry ที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี!!

รีวิว BlackBerry Priv สมาร์ทโฟน BlackBerry ที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี!!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เรามีบทความรีวิว BlackBerry Priv จาก mashable.com ที่แปลโดย mthai.com มาฝากเพื่อนๆ ที่หลงรัก สมาร์ทโฟนตระกูล BlackBerry ให้ได้ชมกัน การกลับมาของ BlackBerry ในครั้งนี้มาพร้อมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานอยู่ไม่น้อยอย่าง BlackBerry Priv ที่มีดีไซน์สวยงามมาพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY ที่สไลด์ออกมาพิมพ์ได้ และจะทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android อีกด้วย เราไปชมบทความรีวิวนี้กันเลยค่ะ

สวัสดี เพื่อนเก่า ถ้าจะให้บอกว่าคิดถึงเธอมั้ย ฉันอาจพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ แต่บอกได้เพียงว่ายังรู้สึกดีเสมอเวลาที่ได้ใช้งานพิมพ์ข้อความบนหน้าจอของเธอ ทุกความรู้สึกเวลานิ้วสัมผัสลงไปบนแป้นพิมพ์ มันรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะบอกตรงๆ เลยว่า เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว ที่ผมยอมแพ้ และหันหลังให้กับคีย์บอร์ดของสมาร์ทโฟน BlackBerry

สมาร์ทโฟน BlackBerry เครื่องสุดท้ายที่ผมใช้ก็คือ Bold 9650 ตัวเล็กๆ เหมือนกับมือถือ BlackBerry ทั่วไป มาพร้อมหน้าจอขนาดเล็ก และคีย์บอร์ดสุดคลาสสิคแบบ QWERTY ที่ด้านล่าง และก่อนหน้านั้นมือถือของผมก็คือ BlackBerry Torch ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น และคีย์บอร์ดแบบสไลด์ซ่อนได้ ซึ่งผมชอบมาก

แต่ในที่สุด ผมก็เหมือนกับหลายๆ คน ที่ทิ้ง BlackBerry ไว้กลางทาง เพราะบริษัทไม่ได้ผลิตสินค้าคุณภาพออกมาเท่าไรนัก รวมไปถึงการตัดสินใจทางด้านการวางแผนกลยุทธที่ไม่ดีเท่าไหร่

BlackBerry Priv รุ่นใหม่ ดีไซน์ภายนอกคล้ายกับมือถือ Android หน้าจอ 5.4 นิ้วทั่วๆ ไป
Image: Mashable, Jhila Farzaneh

ครั้งแรกที่ผมได้สัมผัส BlackBerry Priv และได้ใช้นิ้วสัมผัสไปบนแป้นพิมพ์คีย์บอร์ด ผมก็รู้ได้ทันทีว่า นี้เป็นสัญญานของการสิ้นสุดของการเป็นมือถือสุดแย่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และที่สำคัญ Priv เป็นมือถือ BlackBerry เครื่องแรกที่รันระบบปฏิบัติการ Android OS (เวอร์ชั่น Android 5.1.1)

และนี่เป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ : ช่างเป็นคู่แต่งงานที่แจ่มมาก

ในที่สุด BlackBerry ก็ได้ OS ที่คู่ควรซักที นอกจากนี้ Priv ยังมีอะไรที่สมาร์ทโฟน Android จอใหญ่ในตลาดมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาดใหญ่ 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2K 2560×1440 พิกเซล ใช้หน้าจอแบบ OLED และมีขอบจอด้านข้างที่โค้งมนเหมือน Samsung Galaxy S6 Edge Plus แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากมือถือทั่วไปในตลาด

หน้าจอของ BlackBerry Priv สามารถสไลด์ขึ้นด้านบนได้ เพื่อเปิดเผยคีย์บอร์ดสุดคลาสสิคของ BlackBerry ด้านใน
Image: Mashable, Jhila Farzaneh

ภายใต้หน้าจอจะพบกับคีย์บอร์ดแบบปุ่มกดแบบ QWERTY ของ BlackBerry ที่เมื่อต้องการใช้ ก็เพียงสไลด์หน้าจอที่มีระบบ mechanism ผลิตด้วยวัสดุอลูมิเนียม ซึ่งจะทำให้สมาร์ทโฟนมีความยาวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 นิ้วนิดๆ เท่านั้น วัสดุและงานประกอบถูกออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยม และดูแข็งแรงจนรู้สึกว่าจะสไลด์ขึ้นลงอีก 1,000 ครั้งก็ไม่พัง

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวปุ่มคีย์บอร์ดดูเหมือนว่าจะแบนราบมากกว่าคีย์บอร์ดในรุ่นก่อนๆ (ที่เคยผ่านมือผมมา) แต่ฟิลลิ่งตอนพิมพ์ก็ยังรู้สึกไม่แตกต่างจากเดิม ตัวปุ่มกดเป็นชนิดเรืองแสงได้ และด้วยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เราสามารถพิมพ์แบบไม่ต้องมองแป้นพิมพ์ได้อย่างแม่นยำ (เหมือนที่เคยเป็นเมื่อหลายปีก่อน)

การกลับมาของคีย์บอร์ด BlackBerry บน Priv เหมือนกับทำให้ความรู้สึกเก่าๆ กลับมาอีกครั้ง – อย่างน้อยก็สำหรับแฟน BlackBerry ล่ะนะ
Image: Mashable, Jhila Farzaneh

พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าคุณเคยใช้ BlackBerry มาก่อน รับรองว่าคุณต้องชอบคีย์บอร์ดนี้แน่นอน แต่ถ้าไม่ คุณก็อาจจะชอบมันได้ไม่ยาก เพราะอย่างน้อยการใช้คีย์บอร์ดแบบปุ่มกดจริงๆ ก็ทำให้คุณพิมพ์ได้แม่นยำมากกว่าแป้นพิมพ์จำลองบนหน้าจอเป็นไหนๆ

More than a keyboard – เป็นมากกว่าคีย์บอร์ด

อีกหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้คนที่ไม่ใช่แฟน BlackBerry หลงรักแป้นพิมพ์ Priv ก็คือ คีย์บอร์ดนี้สามารถทำงานเป็น Capacitive Touchpad ได้ ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์โปรดของผมในด้านฮาร์ดแวร์ของเครื่องนี้เลย เพียงแค่ใช้นิ้วมือลากผ่านปุ่มคีย์บอร์ดเบาๆ ก็ทำให้คุณสามารถเลื่อนหน้าจอ หรือขยับเคอร์เซอร์บนหน้าจอได้ทันที

ผมยอมรับเลยว่า ผมเองก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับคีย์บอร์ดแบบปุ่มกดนี้เท่าไหร่ บ่อยครั้งที่เวลาผมต้องการพิมพ์ ก็มักจะลืมเลื่อนคีย์บอร์ดออกมาใช้ และพิมพ์แป่นพิมพ์จำลองแบบแต่ก่อนประจำ แต่เชื่อว่าหากใช้ไปนานๆ ก็น่าจะคุ้นชินการพิมพ์ได้ไม่ยาก

แม้จะมีคีย์บอร์ดซ่อนอยู่ แต่ Priv ก็ยังเป็นมือถือที่บาง และดูหรูหรา
Image: Mashable, Jhila Farzaneh

ถึงแม้ว่า BlackBerry Priv จะมีคีย์บอร์ดซ่อนอยู่ด้านล่าง แต่มือถือเครื่องนี้ก็จัดว่าเป็นมือถือที่บางอยู่ดี โดยมีความบางที่ 9.39 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 192.77 กรัม น้ำหนักเท่ากับ iPhone 6s Plus ที่มีหน้าจอใหญ่กว่า Priv นิดหน่อย และเมื่อเทียบน้ำหนักกับ Samsung Galaxy S6 Edge Plus ที่มีน้ำหนักเบากว่า แต่การจับถือของ Priv จะจับได้ถนัดมือมากกว่า เพราะมีฝาหลังวัสดุกันลื่น ในขณะที่ Samsung Galaxy S6 Edge Plus ฝาหลังเป็นกระจกซึ่งลื่นกว่า

และฟีเจอร์ที่เป็นที่นิยมบนมือถือในขณะนี้ นั่นก็คือ กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง มือถือเครื่องนี้มาพร้อมกล้องความละเอียด 18 ล้านพิกเซล ที่นูนเล็กน้อยที่ด้านหลัง โดยมาพร้อมกับไฟแฟลช LED คู่ (ไฟแฟลชสีขาว และเหลือง) และถัดลงมาอีกหน่อยจะเป็นโลโก้ BlackBerry ที่ด้านบนจะมีรูไมโครโฟน ช่องใส่ซิม และช่องใส่ microSD Card โดยมีความจำภายใน 32GB ส่วนด้านล่างของเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง และพอร์ท micro USB สำหรับชาร์จ และเชื่อมต่อข้อมูล

BlackBerry Priv มาพร้อมฝาหลังพื้นผิวแบบกันลื่น และกล้องหลัง 18 ล้านพิกเซล

นอกจากแป้นพิมพ์ที่ซ่อนอยู่ ตัวเครื่องยังมีปุ่มโลหะขัดเงาอีก 4 ปุ่ม ประกอบด้วย ปุ่ม Power ที่ด้านซ้าย ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่ม Mute เล็กๆ ระหว่างปุ่มควบคุมเสียงที่ด้านขวา ซึ่งปุ่มแบบนี้ทีแรกผมก็ไม่ค่อยชอบ แต่ใช้ไปนานก็เริ่มชิน

ที่ขอบด้านล่าง ใต้ตำแหน่งที่ให้คุณดันหน้าจอขึ้นเพื่อเปิดคีย์บอร์ด จะมีลำโพงที่ให้เสียงที่ดังทีเดียว ซึ่งผมชอบมากทีเดียว เพราะตัวลำโพงจะหันมาที่คุณ ไม่ได้ไปซ้าย หรือขวาเวลาที่คุณถือโทรศัพท์ หรือวางไว้บนโต๊ะ

What is a Priv? – ทำไมใช้ชื่อว่า Priv?

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเรื่องอื่นๆ เรามาดูเหตุผลของ BlackBerry ดีกว่าครับ ว่าทำไมตั้งชื่อมือถือเครื่องนี้ว่า Priv?

Priv หากคุณยังไม่เคยได้ยิน คำนี้มีความหมายมาจากคำว่า “Privilege or Privacy” แล้วแต่คุณจะเลือกคำไหนก็ได้ ซึ่งหมายความว่า มือถือเครื่องนี้จะเป็นมือถือ Android ที่เน้นการใช้งานไปพร้อมกับการรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของคุณ โดยทาง BlackBerry บอกผมว่า สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ถูกผลิตขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหลัก ด้วยการเข้ารหัสข้อมูลระบบในการผลิต

หน้าจอของ BlackBerry Priv แม้จะมีหน้าตาเหมือนกับมือถือ Android อื่นๆ (ซ้าย และกลาง) แต่ภายในมีระบบการรักษาความปลอดภัยคอยเฝ้าระวังให้คุณอยู่ (ขวา)
Image: BlackBerry, Composite

สมาร์ทโฟนเคร่ื่องนี้จะถูกระบบรักษาความปลอดภัยด้วยซอฟท์แวร์ชื่อว่า DTEK ซึ่งจะทำงานอยู่เบื้องหลังตลอดเวลาแบบ real-time และแจ้งให้คุณรู้ว่า ตอนนี้แอพอะไรในเครื่องของคุณกำลังทำงานอยู่ ยกตัวอย่างเช่น คุณจะรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้มีแอพอะไรบ้างที่กำลังดูตำแหน่งของคุณ ดูรายชื่อของคุณ หรือแอพใช้งานกล้องของคุณ โดยคุณสามารถปิดการใช้งาน หรือแม้แต่สามารถถอนการติดตั้งแอพนั้นๆ ได้ด้วย DTEK ได้ทันที

อย่างไรก็ตาม กับมือถือที่ได้ชื่อว่าเป็นมือถือที่มีระบบป้องกันสุดยอด แต่กลับไม่มีระบบการล็อคอินที่ทันสมัยอย่าง ระบบสแกนลายนิ้วมือ ระบบจดจำใบหน้า หรือระบบสแกนม่านตาแต่อย่างใด แต่อย่างน้อย BlackBerry Priv ก็ยังรองรับ NFC ที่ใช้งานได้กับ Android Pay และรองรับระบบชาร์จไร้สาย Qi ด้วย (แต่ไม่ให้แท่นชาร์จมานะ)

Great screen and OS – หน้าจอ และระบบปฏิบัติการที่ดีมาก

BlackBerry Priv ดูภายนอกจะเหมือนว่ามาพร้อม Android 5.0 Lollipop แบบค่อนข้างเพียวทีเดียว (จะอัพเดตเป็น Marshmallow ได้ในอีกไม่เกิน 12 เดือนข้างหน้า) แต่แท้ที่จริงแล้ว ระบบหลายๆ อย่างของ BlackBerry ได้ถูกใส่เอาไว้เพียบ เช่น รูปโลโก้ที่แสดงตอนอัพเดต หรือจะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่ออย่าง BlackBerry Hub ก็มีเช่นกัน

Priv ได้รวมเอาไอเดียจากมือถือหลายๆ เครื่องมาไว้ด้วยกัน ยังจำเรื่องหน้าจอโค้งที่ผมกล่าวไว้ในตอนต้นได้มั้ย? คุณสามารถลากแท็ปชื่อ “Productivity Tab” จากขอบหน้าจอด้านขวา ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมแอพด้านการทำงานต่างๆ ไว้ อย่างเช่น Tasks, Calendar, Contacts และ Email เป็นต้น แต่การที่ระบบ Android OS สามารถดูการแจ้งเตือนต่างๆ ได้จากการดึงแถบการแจ้งเตือนด้านบนลงมา ผมก็ไม่รู้ว่าจะดึงเจ้า Productivity Tab นี้ออกมาใช้ทำไมเหมือนกัน

Performance and battery life – ประสิทธิภาพ และแบตเตอรี่

ระบบประมวลผลของ Priv จะใช้ CPU Hexa-Coer Snapdragon 808 ความเร็ว 1.4GHz ที่สามารถทำคะแนน Geekbench แบบ single และ multi-core ได้ที่คะแนน 1,132 และ 3,460 คะแนนตามลำดับ ซึ่งยังดูห่างชั้นจาก iPhone 6s Plus อยู่พอสมควร (2,534 และ 4,405 คะแนน) และเมื่อเทียบกับ Samsung Galaxy S6 Edge+ คะแนน multi-core ก็ยังดูน้อยกว่า (1,500 และ 5,037 คะแนน)

CPU 6 แกนสมองของ BlackBerry Priv ทำคะแนนได้ค่อนข้างดีเยี่ยม (ขวา) แต่เมื่อเทียบกับ iPhone 6s Plus (ซ้าย) และ  Samsung Galaxy S6 Edge Plus (กลาง) ก็ยังถือว่าเป็นรอง
Image: Geekbench, Composite

แต่อย่างไรก็ตาม ในการทดสอบการใช้งานทั่วไป BlackBerry Priv เป็นมือถือที่ทำงานรวดเร็ว และตอนสนองได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ท่องเว็บ หรือการดูหนังฟังเพลง แต่เมื่อใช้งานนานๆ คุณจะรู้สึกร้อนที่ฝาหลังอยู่พอสมควร

ในด้านของการสิ้นเปลืองพลังงาน แม้ Priv จะมีคีย์บอร์ดแบบแป้นพิมพ์มาให้ แต่มือถือเครื่องนี้ค่อนข้างประหยัดพลังงานทีเดียว โดยสำหรับการใช้งานทั่วไป สามารถใช้งานได้เกือบๆ 2 วันทีเดียวต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นมือถือที่หาได้ยากในปัจจุบัน จนเราก็สงสัยเหมือนกันว่ามันเอาแบตเตอรี่แอบซ่อนไว้ที่ไหนอีกหรือเปล่า

Cameras – กล้องถ่ายภาพ

BlackBerry Priv อัพเกรดกล้องเป็น 18 ล้านพิกเซล โดยใช้เลนส์จากบริษัทชื่อดังในเยอรมนี Schneider Kreuznach แต่ดูเหมือนว่า Schneider จะไม่ได้ดูแลในเรื่องของคุณภาพของภาพเท่าไหร่นัก ซึ่งแม้ว่าภาพถ่ายในตอนกลางวันจะดูดี แต่เมื่อเทียบภาพถ่ายกับภาพจาก iPhone 6s Plus ที่ใช้ iSight Camera ดูเหมือนว่าการถ่ายภาพในที่แสงน้อย กล้องของ Priv จะยังดูเป็นรองอยู่

กล้องความละเอียด 18 ล้านพิกเซลของ BlackBerry Priv ใช้เทคโนโลยีเลนส์ของบริษัท Schneider Kreuznach
Image: Mashable, Jhila Farzaneh

กล้องหน้าของ Priv มีความละเอียดเพียงแค่ 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่ก็มาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพที่น่าสนใจอย่างเช่น โหมด Panoramic Selfie ที่มีวิธีใช้งานสอนบนจอภาพทันทีเมื่อเลือกโหมดนี้ โดยระบบจะให้คุณหมุนกล้องไปทางขวาและซ้าย ซึ่งระบบนี้ทางด้าน Samsung มีใช้มาประมาณ 2 ปีแล้ว

BlackBerry Priv ถ่ายภาพได้ค่อนของแจ๋วเมื่อถ่ายในที่แสงเพียงพอ แต่เมื่อเทียบกับภาพจากกล้อง iPhone 6s Plus ปรากฏว่าภาพของ iPhone ดูคม และสีสันดีกว่า
Image: Mashable, Lance Ulanoff, Composite

ส่วนด้านการถ่ายภาพเคลื่อนไหว กล้องตัวนี้สามารถถ่ายได้ทั้ง 4K และ Full HD 30 fps รวมไปถึงมีระบบกันภาพสั่นไหวด้วย ซึ่งช่วยได้มากในการถ่ายแบบ action shots

แต่แม้ว่า Priv จะถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K ได้ แต่เมื่อเทียบกับวีดีโอแบบ Full HD แล้ว ถ่ายแบบ 1080p จะดูดีกว่า แต่ก็ยังไม่ดีเท่ากล้องของ iPhone 6s Plus

เมื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อย BlackBerry Priv ภาพมีน๊อยซ์เยอะกว่า
Image: Mashable, Lance Ulanoff, Composite

Time for a BlackBerry? – ถึงเวลาของ BlackBerry หรือยัง?

หมดข้อสงสัยแน่นอนครับว่า BlackBerry Priv เป็นสมาร์ทโฟนจาก BlackBerry ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความลื่นไหลที่มากกว่ามือถือ Android OS ทั่วไป แบตเตอรี่สุดอึด และมีแป้นพิมพ์สุดคลาสสิคตามสไตล์ BlackBerry DNA ที่แม้ว่าคุณจะใช้มันหรือไม่ แต่ก็ดีกว่าไม่มีแน่นอนล่ะ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คุณวาง LG G4, HTC One หรือ Samsung Galaxy S4, Samsung Galaxy S5 หรือ Samsung Galaxy S6 เพื่อไปซื้อเครื่องนี้ คุณควรรู้ความจริงเรื่องนี้ก่อนครับว่า BlackBerry อาจไม่ได้สร้างเจ้านี่มาสำหรับคุณก็ได้ครับ มือถือเครื่องนี้ถูกตั้งราคาไว้ที่ $699 (ประมาณ 24,500 บาท) และตอนนี้จัดจำหน่ายเฉพาะกับ AT&T ในสหรัฐ, Carephone Warehouse ในสหราชอาณาจักร และ Rogers ในแคนาดาเท่านั้น และ BlackBerry จะเน้นขายมือถือนี้กับกลุ่มธุรกิจที่ใช้บริการ BlackBerry Enterprise Services (BES) และ กลุ่มที่ต้องการอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยสูง

น่าเสียดายสำหรับราคานิดหน่อย เพราะหาก Priv ขายราคา $299 (ประมาณ 10,500 บาท) รับรองว่าได้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน และนั่นแหละจะเรียกว่า BlackBerry ได้กลับมาแล้วจริงๆ

สรุป BlackBerry Priv

The Good
– ดีไซน์เรียบหรู
– คีย์บอร์ด QWERTY สุดเทพ
– แบตเตอรี่อึดมาก
– ระบบควบคุมความปลอดภัยดีมาก

The Bad
– ราคาแรง
– กล้องยังไม่แจ่มเท่าไหร่เมื่อเทียบคู่แข่ง
– ใช้นานๆ ฝาหลังร้อน

The Bottom Line
มือถือเครื่องนี้เป็นมือถือ Android OS เครื่องแรกจาก BlackBerry อาจเป็นก้าวแรกของยักษ์หลับจากแคนาดาก็เป็นได้

ดูบทความต้นฉบับ : BlackBerry Priv is the best BlackBerry in a decade

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.mashable.com, www.mthai.com