รวมฟีเจอร์เด็ดของ iPhone X (ไอโฟนเท็น) รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกัน!
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่าน เมื่อค่ำคืนวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา Apple ก็ได้ทำการเปิดตัว iPhone X (อ่านว่า ไอโฟนเท็น) สมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี ออกมาพร้อมกับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus เป็นที่เรียบร้อยหลังจากตกเป็นข่าวลือมานานข้ามปี
โดยมาพร้อมฟีเจอร์เด็ดๆ พร้อมปรับปรุงการใช้งานใหม่ๆ เอาใจสาวก และในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมฟีเจอร์เด็ดของ iPhone X ที่ทางเว็บไซต์ Phonearena สื่อข่าวต่างประเทศชื่อดังได้รวบรวมนำมาให้ได้ชมกัน ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้นเราไปติดตามรายละเอียดกันเลยค่ะ
• ตัวเครื่องวัสดุกระจก iPhone X มาพร้อมดีไซน์งานออกแบบตัวเครื่องวัสดุกระจก กรอบเครื่องสแตนเลสอลูมิเนียม หลังจากที่เราเคยได้เห็นมาแล้วใน iPhone 4 ซึ่งกระจกวัสดุกระจกที่นำมาใช้กับ iPhone X หนาขึ้น 50% กระบวนการลงหมึก 7 ชั้น แสดงเฉดสีได้อย่างแม่นยำ และเคลือบสารกันรอยนิ้วมือด้วย
• จอไร้ขอบแบบ Edge-to-Edge ตามสมัยกับหน้าจอไร้ขอบแบบ Edge-to-Edge อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 81.23% มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่ดีที่สุดในการแสดงผล เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy Note8, LG V30 หรือ Xiaomi Mi MIX 2 สมาร์ทโฟนระดับเรือธง
• กล้องหลังเลนส์คู่ที่ถูกปรับปรุงใหม่ iPhone X ใช้กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12MP เลนส์ Wide รูรับแสง f/1.8 + 12M เลนส์ Telephoto รูรับแสง f/2.4 พร้อมฟิลเตอร์สีใหม่ พิกเซลรายละเอียดดีขึ้น มีระบบกันภาพสั่น OIS แบบออปติคอลทั้งสองเลนส์ ISP ถูกปรับปรุงใหม่ รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงถึง 4K แบบ 60fps และมีไฟแฟลช True Tone จำนวน 4 ดวง
• โหมดถ่ายภาพ Portrait Lighting การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล ผู้ใช้งานสามารถปรับโทนแสงของใบหน้าได้ในขณะถ่ายภาพ และหลังถ่ายภาพ ใบหน้าดูมีมิติมากกว่าเดิม ระบบจะจับโครงสร้างใบหน้าแล้วสร้างเอฟเฟ็กต์แสงแบบที่ใช้ในสตูดิโอให้การถ่าย Portrait สวยงามมากยิ่งขึ้น
• โหมดถ่ายภาพ Portrait Selfie เซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอใช้งานได้กับกล้อง Facetime เซลฟี่สวยทันใจพร้อมฉากหลังละลายที่มีมิติทุกมุมมอง
• ขุมพลัง Apple A11 Bionic นวัตกรรมการผลิต 10 นาโนเมตร แบบ 6 คอร์ 64 บิต ประหยัดพลังงาน และประสิทธิภาพแรงกว่า A10 กว่า 2 เท่า แบ่งเป็น 4 คอร์ เร็วขึ้นกว่าซีพียู A10 Fusion ถึง 70% และคอร์ประมวลผลการทำงาน 2 คอร์ประมวลผลการทำงานเร็วขึ้นกว่า 25% พร้อมโปรเซสเซอร์ร่วม M11
• Face ID ฟีเจอร์สแกนใบหน้าโฉมใหม่ที่มาแทน Touch ID สแกนลายนิ้วมือแบบเก่าๆ ทำงานร่วมกับกล้องหน้า TrueDepth เพื่อจดจำใบหน้าใช้ในการปลดล็อคตัวเครื่อง การสั่งซื้อสินค้าผ่าน Apple Pay ทำงานด้วยการฉายจุดแสงที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นกว่า 30,000 จุดบนใบหน้า กล้องอินฟราเรดจะอ่านรูปแบบบนใบหน้า Apple เคลมว่ามีความแม่นยำกว่า TouchID
• หน้าจอ Super Retina Display สำหรับ iPhone X มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล (458ppi) การแสดงผลแบบ True Tone อัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 1,000,000 ต่อ 1 รองรับฟีเจอร์ 3D Touch และการแสดงผล HDR ทั้งแบบ Dolby Vision และ HDR10
• ลำโพงสเตอริโอ iPhone X มาพร้อมลำโพงระบบเสียงสเตอริโอที่ถูกปรับปรุงให้เสียงดังกังวานมากกว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ถึง 25%
• Animoji อิโมจิแบบ 3 มิติ เปลี่ยนแปลงใบหน้าตามรูปแบบต่างๆ ขยับเคลื่อนไหวได้ตามรูปหน้าของผู้ใช้งาน สามารถถ่ายเป็นคลิปวิดีโอพร้อมมีเสียงพูดแล้วส่งผ่าน iMessage ได้ด้วย
• Bluetooth 5.0 สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า Bluetooth 4.2 และมีระยะการเชื่อมต่อที่ไกลกว่าเดิมด้วย
• Qi Wireless Charging รองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) ผ่านแท่นชาร์จ AirPower รองรับการชาร์จร่วมกับ iPhone, Apple Watch และ AirPods หรือแท่นชาร์จอื่นๆ ที่รองรับมาตรฐาน Qi ซึ่งเจ้า AirPower จะพร้อมวางจำหน่ายในปี 2018
• Fast Charging ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที
ราคา และกำหนดการวางจำหน่าย
• ความจุ 64GB ราคา $999 หรือประมาณ 33,000 บาท
• ความจุ 256GB ราคา $1,149 หรือประมาณ 38,000 บาท
• เปิดพรีออเดอร์ 27 ตุลาคม 2017
• วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 3 พฤศจิกายน 2017
• ยังไม่ระบุวันเปิดจอง ราคา และกำหนดการวางจำหน่ายในไทย
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.phonearena.com
Leave a Reply