มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP คืออะไร? สามารถทำอะไรได้บ้าง? มาคลายข้อสงสัยกัน
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปๆ ที่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น อาทิสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ดังอย่าง Sony ที่พัฒนาสมาร์ทโฟนกันน้ำมาแล้วหลายรุ่นด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Sony Xperia Z5 Premium, Sony Xperia Z5 Compact หรือ Sony Xperia Z5 เป็นต้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับมือกับชีวิตได้ทุกรูปแบบได้แบบไม่มีสะดุด
หรือแม้แต่สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Samsung Galaxy S7 และ Samsung Galaxy S7 edge ที่มาพร้อมนวัตกรรมกันน้ำและกันฝุ่น IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานสุด 30 นาที รวมไปถึงสมาร์ทโฟนของ Apple ที่อาจมาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำใน iPhone รุ่นใหม่ในอนาคต เราไปชมกันเลยค่ะว่าระดับ IP คืออะไร? และสามารถทำอะไรได้บ้าง
ระดับ IP คืออะไร
ระดับ IP (Ingress Protection) เป็นมาตรฐานสากลสำหรับวัดระดับการกันน้ำและกันฝุ่นของอุปกรณ์ ตัวเลขหลักแรกจากสองหลักของมาตรฐานการป้องกัน IP หมายถึงระดับการป้องกันของแข็งรวมถึงฝุ่น ตัวเลขหลักที่สองหมายถึงระดับการกันน้ำของอุปกรณ์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตหรืออุปกรณ์เสริมของคุณจะต้องผ่านการทดสอบจากองค์กรอิสระเพื่อรับระดับ IP ของแต่ละอุปกรณ์
การป้องกันของแข็งและฝุ่น
– IP0X ไม่มีการป้องกันพิเศษ
– IP1X ป้องกันของแข็ง ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง > 50 มม.
– IP2X ป้องกันของแข็ง ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง > 12.5 มม.
– IP3X ป้องกันของแข็ง ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง > 2.5 มม.
– IP4X ป้องกันของแข็ง ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง > 1 มม.
– IP5X ป้องกันฝุ่น กันฝุ่นเข้า (ไม่สะสมในระดับที่เป็นอันตราย).
– IP6X. กันฝุ่นได้สมบูรณ์
การป้องกันน้ำ
– IPX0 ไม่มีการป้องกันพิเศษ
– IPX1 ป้องกันน้ำหยดใส่
– IPX2 ป้องกันน้ำหยด เมื่อทำมุม 15 องศาจากตำแหน่งปกติ
– IPX3 ป้องกันละอองน้ำ
– IPX4 ป้องกันน้ำกระเด็นใส่
– IPX5 ป้องกันน้ำที่ฉีดด้วยแรงดันต่ำอย่างน้อย 3 นาที
– IPX6 ป้องกันน้ำที่ฉีดด้วยแรงดันสูงอย่างน้อย 3 นาที
– IPX7 ป้องกันผลกระทบจากการแช่น้ำลึกถึง 1 เมตรนาน 30 นาที
– IPX8 ป้องกันผลกระทบจากการแช่น้ำลึกกว่า 1 เมตรแบบต่อเนื่อง ผู้ผลิตจะกำหนดสภาพที่แท้จริงของอุปกรณ์แต่ละตัว
การดูแลเบื้องต้นเมื่อสมาร์ทโฟนเปียกน้ำ
1. หลังจากใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตหรืออุปกรณ์เสริมในสภาพที่เปียกน้ำ โปรดจำไว้ว่าต้องทำให้ฝาครอบและบริเวณอื่นที่น้ำเข้าได้แห้งสนิท
2. หลังจากใช้งานในน้ำที่ไม่ใช่น้ำจืด อย่างเช่นน้ำผสมคลอรีนจากสระว่ายน้ำ ให้ล้างอุปกรณ์ด้วยน้ำจืดเสมอ
3. หากลำโพงหรือไมโครโฟนเปียกน้ำ อาจส่งผลต่อฟังก์ชันของลำโพงหรือไมโครโฟนจนกว่าน้ำที่ขังอยู่จะแห้งสนิท
4. ระยะเวลาในการทำให้แห้งอาจต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม แต่บางครั้งอาจใช้เวลานานถึงสามชั่วโมง ช่วงนี้คุณสามารถใช้คุณสมบัติทั้งหมดที่ไม่เกี่ยวข้องกับลำโพงหรือไมโครโฟนได้ กล่าวคือคุณสามารถถ่ายภาพ เช็คอีเมลหรือส่งข้อความได้สบายๆ
5. อย่าใช้เครื่องเป่าผมเป่าส่วนที่เปียก
6. การชำรุดทรุดโทรมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติรวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ของคุณ จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันความชื้นและกันฝุ่นเสื่อมลง
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ sonymobile.com
Leave a Reply