เปิดใจสิทธิโชคในดีแทค จัดหนักภารกิจปั้นดีแทคขึ้นเป็นเบอร์ 1 ดิจิทัลแบรนด์ในไทย ทั้งโครงข่ายและงานบริการ เชื่อมั่นคนดีแทคสู้สุดใจ
สิทธิโชค ซีเอ็มโอดีแทค เปิดใจปั้นภารกิจตั้งเป้าขอเป็น เบอร์ 1 ในการเป็นแบรนด์ดิจิทัลของประเทศไทย สืบเนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้าที่ใช้งานดาต้าที่เติบโตมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ในการที่จะผลักดันองค์กรไปสู่เป้าหมายนั้น ผู้นำด้านการตลาดมีบทบาทสำคัญที่จะนำพาองค์กรไปให้บรรลุเป้าหมายโดยพร้อมที่จะพัฒนาดีแทคใน 3 เรื่องคือ
1. การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ และวัฒนธรรมการทำงานที่สะท้อนความเป็นองค์กรดิจิทัล
2. นำเสนอบริการดิจิทัลอย่างต่อเนื่องให้ตรงกับความต้องการทุกเซ็กเม้นท์ของตลาด
3. พัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในระดับในประเทศและพันธมิตรระดับโลก
นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันการใช้โมบายล์อินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ในขณะที่ การใช้ดาต้าผ่านโมบายล์ อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คนไทยเริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การใช้ดาต้าในปริมาณที่มากขึ้นขณะที่การใช้งานโทรด้วยเสียงลดลง ถือเป็นโอกาสที่ดีแทคสามารถใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านพฤติกรรมการเสพคอนเทนท์ออนไลน์ ดังนั้นดีแทค จะต้องปรับกลยุทธ์และช่องทางการสื่อสารให้ทันและตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้”
ในไตรมาส 2 ปี 2559 ดีแทคมีสัดส่วนผู้ใช้บริการด้านเสียงลดลง ในขณะที่ใช้บริการข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 60% ของฐานลูกค้ารวมจากเดิมอยู่ที่ 58% ในไตรมาส 1 ปี 2559 รวมทั้งสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็น 65% ของฐานลูกค้ารวมโดยมีปัจจัยจากกระแสความนิยมใช้เทคโนโลยี 4G ของผู้บริโภค ข้อเสนอแพ็กเกจที่คุ้มค่าของบริษัท และประสบการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นจากการขยายโครงข่าย 4G บริษัทมีจำนวนผู้ใช้บริการ 4G จำนวน 3.5 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้นจาก 2.9 ล้านเลขหมายในไตรมาสที่แล้ว โดยตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้า 4G ให้เป็น 6 ล้านเลขหมายภายในสิ้นปีนี้
นายสิทธิโชค กล่าวว่า “ตอนนี้ในดีแทคทุกคนต่างเข้าใจเป้าหมายร่วมกันที่จะก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทย ในฐานะที่ผมเข้ามาดูแลรับผิดชอบเรื่องการตลาดซึ่งมีบทบาทสำคัญที่จะนำพาองค์กรไปให้บรรลุความปรารถนาอย่างแรงกล้าในข้อนี้ให้ได้ ผมตั้งใจที่จะพัฒนาดีแทคใน 3 เรื่อง คือ 1. การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ และวัฒนธรรมการทำงานที่สะท้อนความเป็นองค์กรดิจิทัล 2. นำเสนอบริการดิจิทัลอย่างต่อเนื่องให้ตรงกับความต้องการทุกเซ็กเม้นท์ของตลาด 3. พัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในระดับในประเทศและพันธมิตรระดับโลก
ข้อแรก ในส่วนของการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ และคุณลักษณะของพนักงาน เราได้กำหนด DNA ของคนทำงานหลังมีการปรับโครงสร้างองค์กร ที่มีผู้บริหารเลือดใหม่ และพนักงานสายพันธุ์ดิจิทัล เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรในแบบ ของการแหกกฎเดิมๆที่มีอยู่เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่า (Be a Disruptor) ภายใต้พื้นฐานของความซื่อสัตย์ และจริยธรรม ซึงต้องมีองค์ประกอบ 4 อย่างคือ
1. ความหาญกล้าในการลงมือทำงานและตัดสินใจ (Be daring)
2. มีความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น (Think differently)
3. ลงมือทำอย่างรวดเร็ว (Act Fast)
4. มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ (Passion to Win) ซึ่งทั้งหมดนี้ เราต้องการให้พนักงานทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำเพื่อลูกค้า
ข้อสองคือ โฟกัสไปที่การนำเสนอบริการดิจิทัล รวมทั้งเน้นจุดยืนในการนำเสนอความคุ้มค่าให้กับลูกค้าและพัฒนาประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยบริการดิจิทัล เช่น บริการ dtac Music Infinite บริการดีแทคแอปพลิเคชั่น และบริการดิจิทัลใหม่ที่จะนำเสนออย่างต่อเนื่อง
ข้อสุดท้ายคือ การพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับพันธมิตร ในระดับประเทศและพันธมิตรระดับโลกจะเน้นไปที่ความร่วมมือในการคัดสรรค์บริการดิจิทัล มิวสิค วีดีโอสตรีมมิ่ง ที่ให้ความรู้ ความบันเทิง ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรผู้นำด้านเกมส์ ต่างๆที่จะทยอยให้บริการในปีนี้ต่อไป รวมถึงการพัฒนาความสัมพันธ์กับพันธมิตรผู้จัดจำหน่าย ในการกระจายสินค้าและบริการให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างสะดวกสบาย
สำหรับสถานการณ์ทางการตลาดและอนาคตของดีแทคต่อจากนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่การเป็นพัฒนาภาพลักษณ์ของแบรนด์และโครงข่ายให้ดียิ่งขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนดด์ดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทย บริษัทจะสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคด้วยการพัฒนาโครงข่ายให้ดียิ่งขึ้น จากผลการวิจัยพบว่า ลูกค้ามีความพึงพอใจในการใช้งานดีขึ้น จาก NPS สกอร์ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งคุณภาพโครงข่ายและการให้บริการแต่ยังมีในบางส่วนที่เราต้อง จริงจังกับการแก้ไขปัญหาการใช้งานในบางพื้นที่ หลังจากบริษัทเปิดให้บริการโครงข่าย 4G ในทุกจังหวัดในช่วงครึ่งปีแรกไปแล้ว รวมทั้งให้บริการ 4G 1800 MHz ด้วยปริมาณคลื่นความถี่เต็ม 20 MHz ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล บริษัทจะพัฒนาโครงข่าย 4G 2.1 GHz ในทุกอำเภอทั่วประเทศภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพต่อเนื่อง และโครงข่ายมีความสามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่กำลังเติบโตได้
Leave a Reply