Huawei ส่งสมาร์ทโฟนกว่า 108 ล้านเครื่องสู่ตลาดโลก ส่งผลให้รายได้ปี 2015 ทะลุกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2015 ถือเป็นปีทองแห่งการทำลายสถิติของหัวเว่ย ด้วยตัวเลขการเจริญเติบโตกว่า 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประกาศตัวเลข ผลประกอบการและตัวเลขการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับปีก่อน ณ งาน CES 2016 โดยกำไร ของบริษัทสูงเกินกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2015 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2014 กว่า 70% นอกจากนั้นหัวเว่ยยังจัดส่งสมาร์ทโฟนกว่า 108 ล้านเครื่องสู่ตลาดโลกในปีเดียวกัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 44% ทำให้ Huawei กลายเป็นผู้นำในฐานะผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนที่สามารถจัดส่งสมาร์ทโฟนได้ถึง 108 ล้านเครื่อง
หัวเว่ยเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดโลก และกลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำในประเทศจีนอีกด้วย
ด้วยตัวเลขการจัดส่งสมาร์ทโฟนกว่า 108 ล้านเครื่องในปี 2015 ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความเข้มแข็งของหัวเว่ย ในฐานะหนึ่งในสามบริษัทชั้นนำที่ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด ในขณะที่ช่องว่างของการแข่งขันลดลง ทั้งนี้ หัวเว่ย ยังเป็นผู้ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศจีนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2015 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทส่งสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมสองรุ่นออกสู่ตลาด นั่นคือ P8 และ Mate S นอกจากความสำเร็จในประเทศจีนแล้ว หัวเว่ยยังประสบความสำเร็จในระดับโลกอย่างมากอีกด้วย โดยในแถบยุโรปตะวันตก ตัวเลขส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนแบบไฮเอนด์ (สมาร์ทโฟนราคา 400 – 500 ยูโร) ของหัวเว่ยก็โดดเด่นมากเช่นกัน โดยหัวเว่ยติดหนึ่งในสามบริษัทชั้นนำที่ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศสเปน อิตาลี เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ โปรตุเกส และประเทศ อื่น ๆ อีกหลายประเทศ
หัวเว่ยได้ดำเนินการสร้างการรับรู้ของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนี้
- หัวเว่ย ติดอันดับที่ 88 ของ Interbrand’s Top 100 Global Brands โดยก้าวขึ้นจากอันดับที่ 94 ในปี 2014
- หัวเว่ย ถูกจัดให้เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีมูลค่ามากที่สุดลำดับที่ 70 ใน The BrandZ 100 List
- จากรายงานขององค์กรวิจัยระดับโลกอย่าง IPSOS นั้น หัวเว่ย ถือเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ โดยตัวเลขกระโดดจาก 65% ในปี 2014 เป็น 76% ในปี 2015 ซึ่งหมายถึงผู้บริโภคกว่า 75% รู้จักสมาร์ทโฟนหัวเว่ย
- การรับรู้ของแบรนด์หัวเว่ยเพิ่มขึ้นมากในทวีปยุโรปเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้นดังนี้ โปรตุเกส (87%) อิตาลี (82%) สเปน (79%) เนเธอร์แลนด์ (73%) และเยอรมนี (68%).
- ในขณะที่การรับรู้ของแบรนด์หัวเว่ยเพิ่มขึ้นในตลาดสำคัญ ๆ ของโลก ตัวเลข Net Promoter Score (NPS) ของบริษัทเองก็เพิ่มขึ้นเป็น 47 ซึ่งสูงเป็นอันดับสามของโลกอีกด้วย
สมาร์ทโฟนของหัวเว่ย เช่น P8, Mate 7, Mate S และ Nexus 6P ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีในตลาดโลกในช่วงปี 2015 ดังนี้
- ตัวเลขการจัดส่ง P8 ทั่วโลกสูงถึง 5 ล้านเครื่องโดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้รับรางวัลมากมาย เช่นรางวัล “Best Recommendation Award” จาก North European Ljud & Bild รางวัล “White Gold Award” จาก Danish Tech-Test รางวัล “Recommended Product Award” จากเว็บไซต์รีวิว สมาร์ทโฟนยอดนิยมสัญชาตินอร์เวย์อย่าง Dinside
- สมาร์ทโฟนรุ่น Mate 7 มากกว่า 7 ล้านเครื่องถูกจัดส่งไปทั่วโลกในปี 2015 ในขณะเดียวกันก็ได้รับรางวัล “BEST of IFA 2014” และรางวัลอื่น ๆ จาก Android Authority, GSM Arena และ Tom’s Guide
- สมาร์ทโฟนรุ่น Mate S มีตัวเลขการจัดส่งทะลุเกิน 800,000 เครื่องภายในระยะเวลาเพียงสี่เดือนหลังจากเปิดตัว โดยมียอดขายจาก 48 ประเทศในทวีปเอเชียและยุโรป และยังได้รับรางวัลระดับโลกถึง 9 รางวัล เช่น “BEST of IFA 2015” จากทั้ง Global Technology Media GIGA และ AndroidPIT เป็นต้น
- สมาร์ทโฟน Nexus 6P ซึ่งกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างหัวเว่ยและกูเกิล ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในทวีปอเมริกาเหนือ โดยถูกขายหมดจาก Google Store เพียงหนึ่งเดือนหลังจากเปิดตัว นอกจากนี้ยังมีการจัดจำหน่าย Nexus 6P ในอีกกว่า 60 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ทำให้ Nexus 6P กลายเป็นสมาร์ทโฟนยอดนิยมในทันทีที่มีการจัดจำหน่ายทั้งยังได้รับคำวิจารณ์ ในเชิงบวกจากสื่อด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “Holiday Season Recommendation”, “Editor’s Choice” และ “Best of 2015” โดยได้รับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสื่อกระแสหลักจำนวนมาก ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของหัวเว่ยในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี การออกแบบ และความสามารถในการผลิต
หัวเว่ยมุ่งสร้างความร่วมมือและงานวิจัยเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งอนาคต
ผลประกอบการทางธุรกิจอันโดดเด่นของหัวเว่ย เป็นผลมาจากการลงทุนอย่างมหาศาลในการคิดค้นนวัตกรรมและการทำวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยหัวเว่ยได้ก่อตั้งสถาบันวิจัยถึง 16 แห่งทั่วโลก ทั้งในประเทศจีน เยอรมนี สวีเดน รัสเซีย และอินเดีย และในปี 2014 หัวเว่ยใช้เงินมากถึง 14.2% ของรายได้ในแต่ละปี เพื่อการทำวิจัยและพัฒนาโดยเฉพาะ ทำให้บริษัทมีการจดสิทธิบัตรมากถึง 76,687 ชิ้น ในจำนวนนี้มี 18,000 ชิ้นที่บริษัทนำมาประยุกต์ใช้กับสมาร์ทโฟนของบริษัทด้วย
หัวเว่ยมีการนำนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นเองมาประยุกต์ใช้กับสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดอยู่เสมอเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม อาทิ หัวเว่ยใช้เงินลงทุนจำนวน 98 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาสามปีจัดตั้งทีมวิจัยในประเทศฝรั่งเศสเพื่อสรรสร้าง ISP ที่หัวเว่ยพัฒนาขึ้นเองเป็นครั้งแรกสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่น Mate 8 ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายรูปได้ง่ายขึ้นด้วยระบบโฟกัสที่รวดเร็วความคมชัดที่มากขึ้น และเฉดสีที่ผิดเพี้ยนน้อยลง นอกจากนั้นเทคโนโลยี Press Touch ใน Mate S ยังเปิดประสบการณ์ของการใช้ระบบจอสัมผัสแบบสองมิติเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ยังไม่รวมถึงเทคโนโลยี Fingerprint 2.0 ซึ่งมีความเร็วในการตรวจสอบลายนิ้วมือไวขึ้นถึง 100% ในขณะที่เทคโนโลยี Knuckle ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้งาน
ในงาน CES 2015 หัวเว่ยจับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกหลากหลายแบรนด์เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแก่ผู้ใช้งาน เช่น
- หัวเว่ย ร่วมมือกับ Swarovski ในการเปิดตัว HUAWEI WATCH Jewel ซึ่งเป็นสมาร์ทวอทช์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะเป็นเครื่องแรกของโลก โดย HUAWEI WATCH Jewel ถูกประดับด้วยอัญมณี Zirconia ของ Swarovski จำนวน 68 ชิ้นรอบหน้าปัด ขณะที่สายนาฬิกาเป็นหนังลูกวัวลายหนังจระเข้จากอิตาลีเพื่อให้เหมาะกับตัวเครื่องและสมกับฟังก์ชั่นการใช้งาน
- หัวเว่ยร่วมมือกับ Harman Kardon แบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกในการสร้างสรรค์ M2 10.0 Tablet สู่ตลาดอุปกรณ์สำหรับฟังเพลงและดูวิดีโอ
- Nexus 6P ซึ่งหัวเว่ยพัฒนาร่วมกับกูเกิลช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของหัวเว่ย ในฐานะหนึ่งในแบรนด์ ชั้นนำระดับโลก อีกทั้งดีไซน์และคุณภาพการใช้งานของสมาร์ทโฟนที่ล้ำหน้ากว่า Nexus รุ่นก่อน ๆ ทั้งหมด
- ในตลาดรถยนต์ หัวเว่ยร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตชั้นนำ เช่น GM, Volkswagen และ PSA Peugeot Citroen เพื่อพัฒนาให้ระบบการเชื่อมต่อและสื่อสารผ่าน 4G ภายในรถยนต์ของหัวเว่ย กลายเป็นส่วนหนึ่งของยานพาหนะในอนาคต
- หัวเว่ยยังได้ก้าวเข้าสู่ตลาดบ้านอัจฉริยะ (smart home) ด้วยการเปิดตัว Huawei Lite OS ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำงานร่วมกับ Hilink ได้ อีกทั้งยังร่วมมือกับบริษัทอีกกว่า 60 แห่ง เช่น Haier, Midea, Skyworth และ Broadlink เป็นต้น
- หัวเว่ยยังให้ความสำคัญกับการผนวกเทคโนโลยีรวมเข้ากับแฟชั่นอีกด้วย เช่น ร่วมมือกับนิตยสาร Vogue ในงาน Milan Fashion Week และนักถ่ายภาพแฟชั่นชื่อก้องโลกอย่าง Mario Testino และนายแบบ นางแบบชื่อดังอย่าง Karlie Kloss กับ Sean O’Pry ซึ่งมาปรากฏตัวอยู่ในวิดีโอโฆษณาที่ช่วยกระตุ้นยอดขายของหัวเว่ยในทวีปยุโรปอีกด้วย
ในปี 2016 หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าในการสร้างความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต่อไป ทั้งในเรื่องของการพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง อุตสาหกรรมบ้านอัจฉริยะ ไปจนถึงการให้บริการคลาวด์ ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า นวัตกรรมและความร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ที่หัวเว่ยมี จะทำให้บริษัทสามารถนำส่งสมาร์ทโฟนที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมใหม่ล้ำสมัยให้แก่ผู้ใช้งานอยู่เสมอ อีกทั้งการนำอุปกรณ์แห่งโลกอนาคตมาผนวกรวมกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็จะทำให้หัวเว่ย สามารถนำส่งสมาร์ทโฟนที่ล้ำยุคพร้อมกับประสบการณ์การใช้งานอันยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
Leave a Reply