ซ้ำซาก! Galaxy Note5 กับปัญหาที่แก้ไม่หาย และบริการหลังการขายที่ไว้ใจไม่ได้
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ต้องบอกเลยว่าบริการหลังการขายนั้นมีส่วนสำคัญที่จะครองใจผู้บริโภคให้อยู่หมัด แต่ในทางกลับกันหากพบเจอบริการหลังการขายที่ไร้คุณภาพแล้ว อีกไม่นานผู้บริโภคจะต้องถอดใจกับสินค้าในแบรนด์ และหมดใจกับแบรนด์นั้นๆ ไปก็เป็นได้ ล่าสุดเราไปพบกระทู้บทความหนึ่งของคุณ สมาชิกหมายเลข 854874 จาก Pantip.com ที่มีชื่อบทความว่า “ลาขาด Samsung จากผู้ใช้โน๊ต 5”
ซึ่งเราจะขอนำมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันในวันนี้ เริ่มเรื่องจากการที่เจ้าของกระทู้คนดังกล่าวได้ซื้อมือถือ Samsung Galaxy Note5 มาใช้งาน จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าของกระทู้ได้หยิบมือถือขึ้นมาใช้งานตามปกติ แล้วพบว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมดจึงได้ชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ราว 1 ชั่วโมง ในเวลาถัดมากลับพบว่าหน้าจอเริ่มมีอาการผิดปกติ ทั้งๆ ที่มือถือยังวางอยู่ที่เดิมไม่มีการหล่น หรือตกกระแทกแต่อย่างใด
โดยหน้าจอเริ่มเป็นสีม่วงใช้งานไม่ได้ จนกระทั่งเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหน้าจอกลายเป็นสีดำ เจ้าของกระทู้จึงได้นำเครื่องส่งไปที่ศูนย์รัตนาธิเบศร์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ส่งให้ช่างตรวจเช็คอาการ เสร็จแล้วจึงได้แจ้งกับทางเจ้าของกระทู้ว่าสาเหตุที่หน้าจอม่วงเกิดจากการตกกระแทก
เจ้าของกระทู้จึงได้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าตนเองไม่เคยทำตก พร้อมกับแนะให้ดูสภาพรอบๆ ตัวเครื่อง ที่ยังมีสภาพที่ดีไม่มีรอยถลอกแม้แต่น้อย แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังย้ำคำเดิมซ้ำๆ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ของศูนย์รัตนาธิเบศร์ได้ตีราคาซ่อมหน้าจอที่ลูกค้าต้องเป็นผู้จ่ายเองมาประมาณ 6,700 บาท ใช้เวลารอชิ้นส่วนอะไหล่ 2 สัปดาห์ – 1 เดือน
ทางด้านเจ้าของกระทู้จึงเกิดความสงสัยว่าเหตุใดระยะการรอชิ้นส่วนอะไหล่ถึงใช้เวลานานเพียงนี้ หรืออาจเป็นเพราะมือถือรุ่นดังกล่าวเกิดปัญหาเยอะจนชิ้นส่วนขาดตลาดก็เป็นได้ เจ้าของกระทู้จึงได้เข้าไปปรึกษาเพื่อนๆ ในกลุ่มหนึ่งทางเฟชบุ๊กจึงได้พบว่ามีเพื่อนๆ อีกมากมายที่เจอปัญหาหน้าจอม่วงเช่นเดียวกับตน
เจ้าของกระทู้จึงได้ตัดสินใจนำเครื่องเข้าศูนย์บริการที่สีลม และเมื่อช่างตรวจเช็คดูแล้วก็ตอบกลับมาด้วยคำเดิมๆ ว่าหน้าจอแตกนั้นเกิดจากการตกกระแทก ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ยังยืนยันกลับไปคำเดิมว่าตนเองไม่เคยทำเครื่องตก เถียงกันไปมาอยู่ครู่หนึ่งเจ้าของกระทู้จึงได้ตัดสินใจให้ทางเจ้าหน้าที่เช็คประกันเครื่องให้
เจ้าหน้าที่จึงได้ขอเครื่องเพื่อจะตรวจสอบเลขที่ฝาหลังของตัวเครื่อง ปรากฎว่าฝาหลังเครื่องไม่มีเลข ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเจ้าของกระทู้ได้มาทราบในภายหลังว่าช่างจากศูนย์รัตนาธิเบศร์เป็นผู้เปลี่ยนฝาหลังของจริงเนื่องจากช่างทำแตก โดยไม่แจ้งให้เจ้าของกระทู้ทราบก่อน และถ้าหากจับไม่ได้เรื่องนี้ก็คงจะเงียบไปอีกนาน เราไปชมกระทู้บทความนี้กันเลยค่ะ
ตอนที่ 1
เช้าวันอาทิตย์ผมตื่นขึ้นมาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตามปกติ หลังจากนั้นเห็นว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมดจึงเสียบชาร์จแบตเตอรี่เอาไว้ที่หัวนอน หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นเล่นอีกทีปรากฎว่าจอก็เริ่มมีอาการผิดปกติ โดยที่โทรศัพท์ก็ยังวางอยู่ที่เดิมไม่ได้มีการตกกระแทกใดๆ
อาการ: ตอนแรกเป็นจอม่วงกดหน้าจอไม่ได้ และก็จอก็ค่อยๆ มีอาการหนักขึ้นเรื่อย จนกลายเป็นหน้าจอสีดำ แต่ระบบทุกอย่างยังใช้งานได้ เช่น โทรเข้าได้ Line, Facebook ยังมีการแจ้งเตือน นาฬิกาปลุก และมีรอยร้าวจากจอด้านใน แต่สภาพจอด้านจากและรอบๆ เครื่องไม่มีรอย
ศูนย์ที่ไปส่งเรื่อง : รัตนาธิเบศร์ 10 ตุลาคม 2559
คำตอบของเจ้าหน้าที่ : เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจอตกแตก ผมจึงแจ้งไปว่าผมมั่นใจว่ามันไม่ได้ตกแตก และให้ดูสภาพโดยรอบว่ามันยังอยู่ดี และจอด้านนอกก็ไม่มีรอยแตก ผมก็เลยงงว่าถ้ามือถือตกถึงขนาดจอแตกได้เนี่ย ยังไงเครื่องต้องมีรอยถลอกแตกหักในระดับนึง แต่ตอนนี้เครื่องผมไม่มีรอยใดๆ เจ้าหน้าที่ก็ยังย้ำว่าจอตกแตกพูดวนอยู่อย่างนี้
และเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าสามารถทำได้แค่ส่งเรื่องให้กับศูนย์ใหญ่ ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1 เดือน ย้ำว่า 1 เดือน ซึ่งมันนานไปไหม (ศูนย์ใหญ่อยู่ประเทศไหนหรอ) และถ้าอยากจะเปลี่ยนจอก็จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 6,700 บาท ใช้เวลารอของ 2 อาทิตย์ถึง 1 เดือนครึ่ง ผมเลยงงว่า รุ่นนี้จริงๆ ก็ได้รับความนิยมเยอะ แต่ทำไมอะไหล่รอนานขนาดนี้ หรือมันพังเยอะมากจนอะไหล่ขาดตลาด
ซึ่งผมได้เข้าไปถามเพื่อนใน Facebook กลุ่ม “Samsung Galaxy Note5 Club Thailand” ก็มีคนเจอปัญหาแบบนี้เยอะมาก เยอะจนขนาดมีกลุ่ม ” กลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนจาก Note5 จอม่วง ” ที่สำคัญผมมีงานทำไว้อยู่ในโทรศัพท์ก็ไม่สามารถเอาออกมาได้ เซ็งมาก
อายุเครื่อง : ประมาณ 1 ปีซื้อเครื่องมาสองหมื่นกว่าวางอยู่ดีๆ ต้องเสียเงินอีกเกือบหมื่น ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเอาไปซ่อมตรงที่ชาร์จไฟพัง คุณภาพโทรศัพท์ราคาสองหมื่นกว่า มันห่วยกว่ามือถือราคาไม่กี่พันบาท
ตอนที่ 2
(ไปศูนย์ที่สีลม) อาการของผมจอม่วงและหน้าจอก็ค่อยๆ กลายเป็นจอสีดำ และสังเกตเห็นถึงรอยร้าวของจอด้านใน โดยที่ครั้งแรกได้ไปที่ศูนย์ตรงรัตนาธิเบศร์ แต่ก็ไม่ได้รับความรับผิดชอบใดๆ จากซัมซุง และเพื่อนๆ ในกลุ่มหลายๆ ท่านแนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนศูนย์ดู ซึ่งหลายๆ ท่านแนะนำว่าให้ไปที่สีลม
วันที่ 11 ตุลาคม 2559 ผมได้เดินทางไปที่ศูนย์สีลมก็ได้คำตอบจากเจ้าหน้าที่เหมือนเดิมว่าจอแตก มีรอยร้าว หล่น กระแทก ซึ่งผมก็ได้ยืนยันไปว่า ผมตื่นเช้ามาและก็เล่นมือถือ พอเห็นแบตเตอรี่จะหมดเลยเอาไปชาร์จ และหลังจากวางไว้ประมาณเกือบชั่วโมงก็จะหยิบขึ้นมาเล่นอีกก็เจอว่าอาการมันผิดปกติ ไม่มีการหล่นกระแทก
เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ายังไงก็มีรอยร้าวซัมซุงไม่รับผิดชอบต้องเสียเงินซ่อมเอง พูดวนๆๆ เหมือนเดิม ผมก็เลยบอกไปว่ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้มีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากมือถือ Note5 ที่คุณภาพห่วยแตกมากขนาดไหน เจ้าหน้าที่ก็แจ้งมาว่ารู้ครับแล้วผมก็เลยถามต่อไปว่า ตอนแรกคนที่เจอปัญหาจอม่วงซัมซุงก็บอกว่าเป็นความผิดของผู้บริโภค
ไม่รับผิดชอบจนมีผู้บริโภคที่ต้องเสียเงินซ่อมเอง เจ้าหน้าที่ก็ตอบมาว่าตอนนี้ซัมซุงได้ออกกฎใหม่ว่าจะรับผิดชอบลูกค้าที่จอม่วงแต่จอไม่ร้าวผมก็เลยถามต่อว่า ก็แสดงว่าถ้าเคสแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเยอะขนาดนี้ซัมซุงก็ปล่อยให้ลูกค้าซ่อมกันเองใช่มั้ย ถ้าอย่างของผมก็คือซวยที่จอมันดันร้าวด้วย ก็คือยังไง? ต้องรอให้มีคนจอร้าวเองแบบนี้เพิ่มขึ้นถึงออกมารับผิดชอบใช่มั้ย
เจ้าหน้าที่ก็พูดแค่ว่ากฎตอนนี้ยังไม่มีการดูแลในส่วนนี้ และก็ได้บอกไปว่ามันเกี่ยวที่ระบบฟาสชาร์จหรือเปล่าก็ยืนยันว่าไม่เกี่ยว ผมก็เลยเล่าย้อนกลับไปว่าตอนเดือน 8 ผมไปส่งซ่อมที่ศูนย์รัตนาธิเบศร์ เครื่องนี้เคยมีปัญหาเรื่องชาร์จไฟไม่เข้า และตอนชาร์จก็เครื่องร้อน เพิ่งเอาไปซ่อมมาก็บอกว่ามันไม่เกี่ยวครับ
จนสุดท้ายผมเริ่มขี้เกียจเลยบอกว่าถ้างั้นเช็คประกันให้หน่อย เจ้าหน้าที่เลยขอเครื่องเพื่อจะดูเลขที่ฝาหลังของเครื่อง ปรากฎว่าฝาหลังผมไม่มีเลขอีก ซึ่งเครื่องนี้ผมไม่เคยเอาไปซ่อมที่ไหนนอกจากศูนย์รัตนาธิเบศร์ ไม่เคยเปลี่ยนฝาหลัง และฝาหลังของจริงผมหายไปไหน? คราวที่แล้วซ่อมก็ไม่ได้แจ้งว่าเปลี่ยนฝาหลัง
เจ้าหน้าที่ที่สีลมเลยบอกว่าไม่รู้ว่าที่ซ่อมคราวก่อนไม่ได้ใส่ฝาอันเดิมมาให้ เพราะทำแตกหรือสาเหตุอะไรให้ลองไปเช็คกับทางรัตนาธิเบศร์ดู เจ้าหน้าที่ที่สีลมจึงดูเลขที่กล่อง และตรวจเช็คว่าคราวที่แล้วที่รายการอะไรเปลี่ยนให้ผมบ้าง ก็ปรากฎว่าไม่ได้มีแจ้งว่าเปลี่ยนฝาหลัง แต่เลขฝาหลังของผมไปไหน
และในใบรายการแจ้งว่ามีเปลี่ยนปุ่มโฮมตรงกลาง ผมก็มั่นใจว่าไม่ได้เปลี่ยนให้ เพราะมันมีรอยที่เคยโดนกุญแจเป็นเส้นเล็กๆซึ่งตอนนี่มันก็ยังอยู่ คือรายการมั่วไปหมด ละฝาหลังเอาของปลอมมาใส่ให้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไม่รวมอะไหล่ภายในที่ยังไม่รู้อีก ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นสาเหตุของการพังครั้งนี้หรือไม่ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ที่สีลมก็บอกว่าผมต้องเสียเวลาไปตามเองอีกต่อไป
– การส่งเรื่องของที่ซัมซุงในการตรวจสอบก็ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน กว่าจะรู้ผล (นานเป็นชาติเหมือนเดิม)
– อะไหล่ก็จะต้องรอ ก็ประมาณเดือนกว่า (นานเป็นชาติเหมือนเดิม)
– ราคาค่าซ่อมที่นี่ถูกกว่าที่รัตนาธิเบศร์ รัตนาธิเบศร์แจ้งว่าประมาณ 6,700 แต่ที่สีลม 5,400 ก็ถูกกว่าตั้งพันกว่าบาท เจ้าหน้าที่ที่สีลมแจ้งว่าเป็นเพราะค่าแรง เลยงงว่า ขึ้นชื่อว่าศูนย์ของแบรนด์ซัมซุง แต่มาตรฐานต่างกันมาก
ตอนที่ 3
หลังจากที่ได้รู้ว่าเอาเครื่องเข้าศูนย์ก็โดนเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ ไม่ได้มีความปลอดภัย และน่าเชื่อถืออย่างที่คิด ได้มีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในกลุ่ม Samsung Galaxy Note5 Club Thailand ติดต่อเข้ามาว่าจะทำหน้าที่ประสานงานให้ 11 ตุลาคม 2559 และเช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์รัตนาธิเบศร์โทรเข้ามา
เจ้าหน้าที่ของสาขารัตนาธิเบศร์ได้บอกกับผมว่าทางศูนย์ได้เปลี่ยนฝาหลังของผมไปจริง เพราะช่างทำแตกและให้เหตุผลว่าที่ไม่ได้แจ้งว่าเปลี่ยนฝาหลังไปเพราะว่าส่วนนี้ช่างต้องรับผิดชอบเอง จึงไม่ได้ลงไว้ในใบรายการ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกันเพราะยังไงก็ควรจะแจ้งให้กับลูกค้าเป็นทราบว่าเปลี่ยนอะไหล่อะไรไปบ้าง
แล้วอะไหล่ชิ้นอื่นที่อยู่ภายในเครื่องเปลี่ยนอะไรออกไปบ้างผมก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย เป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องพังแบบนี้หรือเปล่า? เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าจะติดต่อกลับมาใหม่ภายในวันศุกร์จะไปดำเนินเรื่องต่อให้ และวันนี้วันพฤหัสบดี 13 ตุลาคม 2559 เจ้าที่หน้าที่ของศูนย์รัตนาธิเบศร์ติดต่อกลับมาว่าตอนนี้อะไหล่มาถึงแล้ว และให้ผมสามารถเข้าไปเปลี่ยนได้จะมีส่วนลดให้ผม 30% ก็เหลือประมาณสี่พันกว่าบาท
ผมจึงตอบไปว่าไม่โอเคผมไม่โอเคกับศูนย์นี้แล้ว และก็เเจ้งไปว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่โดนศูนย์นี้เปลี่ยนอะไหล่ไปแบบนี้ มีเพื่อนๆ ในกลุ่มหลายท่านที่โดน (ใครโดนศูนย์รัตนาธิเบศร์มารายงานตัวใต้โพสต์หน่อยครับ) การรับผิดชอบโดยการให้ส่วนลดเนี่ยมันสมควรหรือเปล่า ซื้อมือถือมาสองหมื่นกว่าอยู่ดีๆ ก็พังแบบนี้ ต่อให้ได้ส่วนลดในการซ่อมก็ต้องเสียอีกสี่พันกว่าบาท
ถ้าผมจะเปลี่ยนผมสู้เอาไปเปลี่ยนศูนย์ที่สีลม ที่ราคาค่าซ่อมอยู่ประมาณ 5,400 ก็แพงกว่าศูนย์รัตนาธิเบศร์ที่ให้ส่วนลดแล้วเหลือสี่พันกว่า ถ้าจำไม่ผิดก็สี่พันปลายๆ อยู่ดี ถูกกว่าแค่ไม่กี่ร้อย เข้าศูนย์แต่ก็ยังโดนเปลี่ยนอะไหล่ ถ้าจับไม่ได้ก็ไม่แจ้งส่วนอันไหนที่ยังจับไม่ได้ ก็คงไม่มีการยอมรับและรับผิดชอบอะไร คุณภาพเครื่องว่าห่วยแล้วเจอคุณภาพของบริการหลังการขายที่ห่วยกว่า ใครมีเพื่อนที่กำลังจะซื้อก็ฝากเตือนๆ ด้วยครับ รีวิวจากผู้ใช้จริงที่เจอมากับตัว
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ สมาชิกหมายเลข 854874 จาก www.pantip.com
Leave a Reply