กสิกรเซ็นเช็ค!! คืนเงินเกือบล้านให้หนุ่มประดับยนต์ ด้านทรูยังเงียบกริบ
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หลังจากที่เป็นเรื่องเป็นราวกันมาได้สักพัก สำหรับกรณีหนุ่มเจ้าของอู่ประดับยนต์ถูกมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูลขณะทำธุรกรรมผ่าน K-Cyber Banking ถูกเปลี่ยนรหัส และถอนเงินเกือบล้านบาทออกจากบัญชีจนเกลี้ยง โดยนายพันธุ์สุธี มีลือกิจ เจ้าของร้านประดับยนต์ อายุ 28 ปี และครอบครัวได้ไปประท้วงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หลังถูกมิจฉาชีพโอนเงินจำนวน 986,700 บาท ที่ฝากในบัญชีธนาคารกสิกรไทย โดยมิจฉาชีพใช้วิธีติดต่อขอเปลี่ยนซิมที่ True Shop ซึ่งแจ้งกับทางพนักงานว่าซิมหายต้องการขอซิมใหม่ กรณีนี้มิจฉาชีพนำเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และปลอมเอกสารขอออกซิมการ์ดโทรศัพท์ใหม่ ที่ข้อมูลในบัตรเป็นของหนุ่มประดับยนต์ แต่รูปถ่ายเป็นของมิจฉาชีพ
ก่อนโทรไปเปลี่ยนรหัสแอพพลิเคชั่น K-Cyber Banking พร้อมกับโอนเงินจำนวนดังกล่าวออกจากบัญชีจนหมดเกลี้ยง หลังจากที่กรณีดังกล่าวทางธนาคารกสิกรแจ้งว่าจะยอมคืนเงินให้ร้อยละ 33 ของเงินที่ปลิวหายไปเท่านั้น และหลังจากวันเกิดเหตุทาง True ก็ไม่เคยติดต่อมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางด้านธนาคารกสิกรไทยได้ติดต่อไปยังผู้เสียหายเพื่อเจรจาขอคืนเงินให้ทั้งหมดก่อนจะดำเนินคดีฟ้องร้องกับกลุ่มคนร้ายที่ปลอมแปลงเอกสาร ด้านทนายความแจงว่าทางธนาคารต้องรับผิดชอบฐานละเลยให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี เข้ามาทำธุรกรรมการเงิน พร้อมระบุถึงกรณีที่ตำรวจพื้นที่ไม่รับแจ้งความ ทางด้านผู้เสียหายสามารถแจ้งความได้เลย โดยไม่ต้องรอให้ธนาคารเป็นผู้ร้องดำเนินคดี
ทั้งนี้ หนุ่มประดับยนต์คนดังกล่าวได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองขอบคุณทางธนาคารกสิกรไทยที่ออกมารับผิดชอบ และขอให้ทางธนาคารร่วมมือกับทางตำรวจเพื่อตามจับมิจฉาชีพ พร้อมกล่าวว่าขอให้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นบทเรียนกับธนาคาร และค่ายมือถือ ให้ระมัดระวัง มีความรอบคอบกับเหล่ามิจฉาชีพในเรื่องของการตรวจสอบบัตรประชาชน หากต้องการเปลี่ยนรหัสควรทำผ่านเคาท์เตอร์เท่านั้น
และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการส่งบัตรประชาชนให้ลูกค้า ควรทำการปิดหมายเลข 13 หลัก วันเดือนปีเกิดของตน รวมถึงบาร์โค้ดด้านซ้ายสุดเอาไว้ด้วย เนื่องจากมิจฉาชีพอาจสามารถใช้แอพพลิเคชั่นสแกนขโมยข้อมูลได้
ชมคลิป
https://youtu.be/LUB6H3FLDcM
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ kapook.com, www.thaich8.com
Leave a Reply